สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์วิธีการเตรียมเอกสารเพื่อไปจดทะเบียนสมรสที่ต่างประเทศกัน ของเราจะเป็นประเทศอินเดียนะคะ เรามีแพลนว่าจะอยู่ที่อินเดียนานกว่าที่ไทย ก็เลยตัดสินใจว่าจะจดที่นู่นกันค่ะ ระยะเวลาในการขอเอกสารทั้งหมดรวมวีซ่าด้วย ประมาณ 1-2 สัปดาห์ค่ะ เริ่มแรกเราจะโทรไปถามทาง VFS Global India เจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำเอกสารหลักๆ ว่ามีอะไรบ้าง แต่ว่าเราก็ต้องเช็คกับทางเมืองที่แฟนอยู่ด้วยนะคะ ว่าเขาต้องใช้เอกสารอะไรนอกจากนี้มั้ย ถ้าไม่ ก็เริ่มทำตามขั้นตอนได้เลยค่ะ สรุปเอกสารที่เราต้องใช้มีหลักๆ 4 อย่าง 1. บัตรประชาชน 2. สูติบัตร 3. ใบรับรองโสด 4. ทะเบียนบ้าน ทั้งหมดนี้ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วนำไปยื่นที่กรมการกงสุล กระทรวงต่างประเทศและจากนั้นค่อยนำไปยื่น VFS เพื่อให้สถานฑูตอินเดียรับรองเอกสารให้อีกทีค่ะ เมื่อได้การรับรองจาก 2 ที่นี้แล้วถึงจะทำวีซ่าค่ะ (แต่ของเราทำวีซ่าแบบติดเล่ม ก็เลยยื่นไปพร้อมกันเลยค่ะ เดี๋ยวอธิบายให้ฟังนะคะ) ขั้นตอนที่ 1 : ขอใบรับรองโสดที่เขตที่ตนเองอยู่ (ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง) เราอยู่เขตลาดพร้าวก็เลยไปสำนักงานเขตลาดพร้าวเลยค่ะ ที่เขตนี้ต้องมีพยาน 2 คน พ่อแม่ ญาติ พี่น้อง หรือใครก็ได้ค่ะ แต่สิ่งที่ต้องมีคือสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน ส่วนของเราจะเพิ่มมาอีกอย่างคือสูติบัตรค่ะ ตอนไปถึงก็ขึ้นไปยื่นเอกสารที่ฝ่ายปกครอง เขาจะมีให้กรอกแบบฟอร์ม แล้วก็ให้ลงไปหาฝ่ายทะเบียน เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ถือว่ารวดเร็วและเป็นระบบดี หลังจากตรวจเอกสารเรียบร้อย เราก็นึกขึ้นได้ว่าเคยอ่านกระทู้นึงในพันทิพ เขาบอกว่าจริงๆ แล้วทางเขตเขาจะมีเอกสารของเราเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ซึ่งเราสามารถขอคัดมาได้เลย เราเลยลองถามดู ตอนแรกเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ชัวร์ เพราะว่าเพิ่งมามีการทำเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษก็ตอนหลังคนที่เกิดปี 2540 เป็นต้นไป (เราเกิดปี 39) แต่เขาก็ลองค้นดูให้ สรุปว่าได้ค่ะ ขอมาทั้งสูติบัตร บัตรประชาชน และทะเบียนบ้าน ฉบับละ 10-20 บาท ดีมากๆ เอกสารออกจากสำนักงานเขตเองเลย ดีกว่าไปเสียเงินแปลแพงๆ ค่ะ ได้การรับรองจากฝ่ายทะเบียนเรียบร้อย คราวนี้ก็กลับไปที่ฝ่ายปกครองต่อค่ะ กรอกอีกฟอร์มนึง จะเป็นเหมือนถามข้อมูลเกี่ยวกับแฟนเรา ชื่ออะไร ทำงานอะไร วันที่คาดว่าจะจดทะเบียนสมรสกันคือวันไหน ถ้าวันยังไม่แน่นอนก็กะเป็นเดือนแล้วสุ่มวันเอาก็ได้ค่ะ เจ้าหน้าที่ก็รับไป แล้วก็จัดพิมพ์ใบรับรองโสดให้ เขาจะให้เอกสารมา 2 ฉบับ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สรุปคือเอกสารทุกอย่างที่ต้องการ ไม่ต้องไปเสียเงินแปลเลยค่ะ นำไปยื่นกรมการกงสุลได้เลย เย้ๆๆ ขั้นตอนที่ 2 : ยื่นเอกสารที่กรมการกงสุล (ใช้เวลา 3 วันทำการ) ส่วนตัว เราไปที่กรมการกงสุล สาขาแจ้งวัฒนะค่ะ ก่อนไปแนะนำให้จองคิวไปก่อนนะคะ ลิ้งนี้เลยค่ะ https://qlegal.consular.go.th/ แต่แนะนำว่าอย่าจองช่วง 11.30 - 13.00 นะคะ เราจองช่วงนี้ไป เจ้าหน้าที่จะแยกกันไปพักช่วงเที่ยงค่ะ จะเหลือแค่ไม่กี่คนที่เคาน์เตอร์ ไม่แน่ใจว่าเขาจะให้มีรอบนี้ทำไมถ้าจะพักกันด้วย เราก็นึกว่าเขาจะมีคนมาสลับกัน 5555 ตอนเราไปถึงยังไม่ถึงเวลาที่จองไว้ ก็ไปนั่งในศูนย์อาหารค่ะ มีร้านกาแฟ แล้วก็ Puff & Pie ของการบินไทย นั่งเพลินๆ รอเวลา พอใกล้นึงเวลานัดถึงจะขึ้นไปค่ะ ชั้นที่ทำเกี่ยวกับการรับรองนิติกรณ์เอกสารจะอยู่ชั้น 3 ค่ะ ขึ้นบันไดเลื่อนแล้วเดินขึ้นบันไดไปอีกชั้นนึง เจ้าหน้าที่จะบอกให้รอก่อนค่ะ เขาจะเรียกเมื่อถึงเวลาที่เราจองไว้ ให้เราไปยื่น QR Code ที่ได้พร้อมบัตรประชาชน แล้วรอเรียกชื่ออีกครั้งนึงค่ะ พอถึงคิวเราก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่เลยค่ะ บอกว่าเอาไปใช้ทำอะไร พอเรียบร้อยก็รอชำระเงินค่ะ ปกติแล้วจะมีเอกสารที่ขอรับด่วนภายในวันเดียวได้ แต่เอกสารบางประเภทจะทำแบบด่วนไม่ได้ค่ะ และใช่ค่ะ ใบรับรองโสดเป็นหนึ่งในนั้น เพราะฉะนั้นต้องรอ 3 วันทำการ โดยเราเลือกแบบไปรับเองค่ะ อยากได้แบบเร็วที่สุดจะได้ไม่เสียเวลา (การขอแบบปกติจะเป็นฉบับละ 200 บาท ส่วนแบบด่วนจะเป็นฉบับละ 400 บาทค่ะ) สำหรับคนที่แปลเองหรือจ้างแปล อาจจะต้องใช้ตัวจริงแนบไปด้วยนะคะ ต้องลองเช็คอีกที แต่ของเราทางสำนักงานเขตออกมาให้ ก็เลยไม่ต้องใช้ตัวจริงอะไรเลยค่ะ ขั้นตอนที่ 3 : ยื่นเอกสารเพื่อให้สถานฑูตอินเดียรับรอง + ยื่นวีซ่า (ใช้เวลาทั้งหมด 3 วันทำการ) เอาล่ะ ขั้นตอนสุดท้ายสำหรับเราคือยื่นเอกสารทั้งหมดที่ VFS India ค่ะ โดยของเราจะยื่นวีซ่าแบบติดเล่มด้วยเลย เจ้าหน้าที่แนะนำให้เป็นวีซ่าท่องเที่ยว 1 ปีค่ะ พอจดทะเบียนสมรสเสร็จเรียบร้อยจะทำเรื่องเปลี่ยนทีหลังได้ ก่อนจะมาที่ VFS เราควรจะกรอกข้อมูลออนไลน์และปริ๊นออกมาให้เรียบร้อยก่อนนะคะ เราเกือบลืมตรงนี้เหมือนกัน 555 (https://indianvisaonline.gov.in/ เว็บนี้เท่านั้นนะคะ ระวังเว็บปลอม ของจริงต้องมี .gov.in ค่ะ) วีซ่าติดเล่มคลิ๊กปุ่มซ้าย (For Regular/Paper Visa) ถ้าจะทำ e-visa คลิ๊กปุ่มกลางค่ะ (For eVisa by Bureau of Immigration) โดยการกรอกก็คือพวกข้อมูลส่วนตัวต่างๆ และอัพโหลดเอกสารและภาพถ่าย 2x2 นิ้ว พื้นหลังขาวนะคะ เอกสารที่เราอัพโหลดมีแค่สำเนาพาสปอร์ต, สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชน แค่นั้นเลยค่ะ เจ้าหน้าที่ก็แนะนำแค่นั้นค่ะ ไม่ต้องมีแผนการเที่ยวหรือตั๋วเครื่องบินอะไรเลยค่ะ (รอบนี้เป็นรอบที่ 4 ที่เรามาอินเดียค่ะ และเป็นรอบที่ 2 ที่ทำวีซ่าติดเล่ม คราวที่แล้วเคยโดนปฏิเสธ e-visa เลยมาคุยกับสถานฑูตอินเดีย ถ้ามีโอกาสจะเล่าให้ฟังนะคะ) โอเค พอมาถึง VFS หน้าทางเข้าจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยตรวจอยู่ค่ะ ห้ามใช้ Laptop และห้ามคุยโทรศัพท์เวลาอยู่ด้านในนะคะ โทรศัพท์เปลี่ยนเป็นระบบสั่นไว้เลยค่ะ เข้าไปนั่งรอ พอถึงคิว เราก็บอกเจ้าหน้าที่ว่าจะไปจดทะเบียนสมรสที่อินเดีย เขาก็บอกว่าพวกเอกสารที่จะต้องขอรับรองจากสถานฑูตจะต้องไปยื่นที่เคาน์เตอร์ Consular เราก็โอเค ยื่นแค่วีซ่าไปก่อน จ่ายเงินเรียบร้อย ไปเคาน์เตอร์ Consular เจ้าหน้าที่จะให้กระดาษมา เขียนจดหมายจ้า เราก็เปิดเอไอช่วยไปเลยสิคะ เขียนประมาณว่าเราจะเอาไปทำอะไร เราก็เขียนประมาณว่า เรียนสถานฑูตอินเดีย ขอความกรุณาช่วยลงตรารับรองนิติกรณ์ให้ด้วยนะคะ เราจะนำไปใช้เพื่อจดทะเบียนสมรสที่อินเดีย แล้วก็บอกว่าเราแนบเอกสารอะไรไปให้บ้าง ประมาณนี้ค่ะ เสร็จแล้วก็ไปยื่นเจ้าหน้าที่ (ถ่ายเอกสารหน้าพาสปอร์ตมาเผื่อหน่อยนะคะ ใช้ประมาณ 3-4 แผ่นเลยค่ะ) เจ้าหน้าที่ Consular ตรวจเอกสารเรียบร้อยก็นำไปยื่นจ่ายเงินค่ะ ประมาณฉบับละ 450 บาท สรุป หลังจากยื่นเอกสารอะไรต่างๆ แล้ว เราจะได้ใบบิล 2 ใบค่ะ ใบหนึ่งของวีซ่าท่องเที่ยวแบบติดเล่ม 1 ปี อีกใบจะเป็นของการขอลงตรารับรองนิติกรณ์เอกสาร ตอนไปรับก็ยื่นไปสองใบเลยค่ะ เรารอประมาณ 3 วันทำการค่ะ เราเช็คในเว็บของสถานฑูตค่ะ เพราะเว็บ VFS เช็คแล้ว No Record Found 55555 ตอนรับก็เซ็นรับ แล้วก็เรียบร้อยค่ะ ได้มาทั้งสองอย่างในวันเดียวกันเลย ที่เหลือก็คือการเดินทางไปอินเดียค่ะ!! สำหรับใครที่อยากทำ e-visa จริงๆ ก็ได้นะคะ แต่เราแค่คิดว่าไหนๆ ก็ไปแล้ว จะได้ทำทีเดียวไปเลย แล้วเราเคยโดนปฏิเสธ e-visa ด้วยแหละ ก็เลยกลัวไปเลย 555 ไว้มีโอกาสมารีวิวประสบการณ์ตอนนั้นนะคะ ขอบคุณสำหรับคนที่อ่านจนจบค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ สวัสดีค่า เครดิตภาพปกทำจากโปรแกรม Canva โดย Pamjpat เครดิตภาพ 1-4 โดย Pam&Icy #ท่องเที่ยว #วีซ่า #การเดินทาง อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !