หากจะกล่าวถึงเขา หลายคนคงนึกถึงวลีเด็ดๆ มากมาย เช่น คิดถึงเขาก็ไปหาเขาสิ อยู่กับป่า อยู่กับเขา อยู่กับเราดีกว่า ข้างบนคือเขา ข้างเราคือเธอ ที่กล่าวมานี้ไม่ได้เกี่ยวกับเขากับดอยที่ผมจะพาไปนะครับ เหนื่อยไหมครับ เบื่อไหม หากวันนี้เหนื่อยแต่ยังคงต้องสู้กับวันข้างหน้าอยู่ มาครับ มาเติมพลังเพื่อวันต่อไป ผมกับน้องสาวจะพาหลบเมืองไปซักพัก ไปพักกายกัน ตามมาเลยครับ... ว่าแต่วันนี้พี่จะพาหนูไปไหนนะ ไกลไหมอ่ะ ไม่ไกลหรอก ป่ะขึ้นรถได้แล้ว จากเมืองเชียงใหม่บนทางหลวงหมายเลข ๑๐๗ (เชียงใหม่-ฝาง) เลยอำเภอเชียงดาวไม่ไกลนักจะถึงแยกเมืองงาย ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลข ๑๑๗๘ ไปอีกประมาณ ๑๐ กิโลเมตร จนถึงสามแยกเข้าถนนหมายเลข ๑๓๒๒ ด้านซ้ายมือ ก่อนถึงแยกให้สังเกตฝั่งขวาจะเห็นป้อมตำรวจแม่จา ไปต่ออีก ๒๖ กิโลมตร (ดูได้จากหลักกิโลเมตร ระหว่าง กม.๒๖-๒๗) จะเห็นป้ายเขียนเด่นอยู่ซ้ายมือ "ดอยค้ำฟ้า" ลูกศรชี้บอกเลี้ยวขวา นี่แหล่ะครับจุดหมายการเดินทาง โห เมื่อยไปหมดแล้วเนี่ย บอกไม่ไกลไง ไม่เห็นมีอะไรเลย ใจเย็นๆ จิ ยังไม่ถึงเลย ใช่ครับ ๒ ชั่วโมงกว่าๆ ที่ผ่านมานั่นคือทางเรียบลาดยางมะตอย จากจุดนี้ไปเป็นทางลูกรังอีกกว่า ๙ กิโลเมตร ทะยานสู่ยอดดอย ทางค่อนข้างแคบครับ บางช่วงรถไม่สามารถสวนกันได้ หน้าฝนต้องรถขับเคลื่อน ๔ ล้อ เท่านั้น ช่วงฤดูกาลอื่นรถทั่วไปขึ้นได้ครับ พี่เราจะไปได้ไหม ทางชันจังเลย แต่มันสวยจังพี่ ต้นสนเต็มไปหมดเลย ดูดิ ไม่ทันขาดคำกระจกรถถูกลดลงลมเย็นๆ บริสุทธิ์แทรกเข้ามาภายใน เย็นจังเลย ลมธรรมชาติมันสดชื่นเนาะพี่ว่าไหม เหนื่อยไหม หายแล้วพี่ แค่เห็นป่าเขียวๆ กับอากาศเย็นๆ ต้องกายก็หมดเหนื่อยล่ะ สู่ความสูงเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ความงามไม่ได้เลือนหายไปไหน เส้นทางลัดเลาะเกาะเขา ขึ้น-ลง ลดลั่นกันไป มีเพียงแสงแดดรำไรสอดแทรกสลับเงาไม้ให้เห็นเป็นเพื่อนร่วมทาง พี่ดูตรงนี้สิ สวยดีจัง ชื่อน่ากลัวด้วย ครับขับมาได้ซักพักจะถึงทางเชื่อมระหว่างเขา มีเพียงเส้นทางเล็กๆ ที่ซ้าย-ขวา เป็นหุบเหวที่มองยังไงก็เห็นแต่ความสวยงาม "กิ่วใจหาย" จุดนี้ที่ขนานนามกัน เลยกิ่วขึ้นไปทางจะค่อนข้างชันมากต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้น ใจหายสมชื่อเนาะพี่ ซ้าย-ขวา ถ้าพลาดไปนี่ ไม่อยากคิดเลย ว่าแต่เราจะไหวไหมอ่ะ ดูคันหน้าเราจิ ควันโขมงเชียว กว่า ๔๕ นาที บนเส้นทางหฤโหด "หน่วยจัดการต้นน้ำแม่งาย" เขียนเด่นบนป้ายเบื้องหน้า หรือ ดอยค้ำฟ้า นี่เอง พื้นที่ด้านบนไม่ได้กว้างขวางเหมือนอุทยานแห่งชาติทั่วไป รับนักท่องเที่ยวประมาณ ๕๐ คน เท่านั้น ดังนั้น จึงต้องติดต่อเจ้าหน้าด้านบนก่อนว่าสามารถขึ้นไปได้ไหม รถยังไม่ทันจอดสนิท ลงจากรถได้เหมือนลิงโลด วิ่งไปหยุดยังขอบเขาพร้อมกับแว่วๆ พี่ตามมานะ สวยใช่ไหมล่ะ สวยมากพี่ ไม่ว่าดอยไหนๆ มันก็สวยเนาะดูยอดเขาที่แย่งกันขึ้นโดดเด่นให้เรามองดิ มองยังไงก็ไม่เคยเบื่อเลย... เป็นเวลาเกือบพลบค่ำพอดี กว่าจะได้มุมกางเต็นท์ตามใจนาง เราได้จุดที่สวยงามครับ เพียงเปิดเต็นท์ออกมา ก็มองเห็นเขาเต็มไปหมดอยู่เบื้องหน้า เห็นยอดดอยตรงนั้นไหม ตรงไหนพี่ นั่นไง ยอดที่สูงที่สุดน่ะ ตรงนั้นคือดอยหลวงเชียงดาว สูงที่สุดเป็นอันดับ ๒ ของไทยเลยน้า ใช่ครับ จากดอยค้ำฟ้าตรงนี้ สามารถมองเห็นดอยหลวงเชียงดาว ที่อยู่ไกลออกไปสูงเด่นสวยงามอยู่สุดตา นอกจากความสวยงามที่มองเห็นก่อนอาทิตย์ลับฟ้าแล้ว ในค่ำคืนเดือนมืด เฉกเช่นคืนนี้ คุณจะเห็นดาวเทกระจาดเต็มท้องฟ้าไปหมด สวยจังพี่ ดาววันนี้มันเยอะจัง ดูซิหันไปทางไหนเต็มไปหมด ปวดคอไปหมดแล้วเนี่ย หนาวจัง อากาศที่นี่หนาวเย็นตลอดทั้งปี เนื่องจากเป็นป่าต้นน้ำที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ ประกอบกับความสูงของพื้นที่ เรานอนดูดาวกันนานเท่าไหร่ไม่รู้... ตื่นๆ พี่ เสียงแว่วๆ พร้อมกับมือเขย่าตัวเบาๆ ดูตรงนั้นสิ ดวงอาทิตย์กำลังหลุดขอบเขาขึ้นมา ฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีทองสวยงาม หลังชมความงามกันเต็มอิ่มและเก็บของเรียบร้อยแล้ว ดอยค้ำฟ้าไม่ได้มีแค่นี้ครับ จากจุดนี้ไปประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ลัดเลาะลงสู่หุบเขาด้านล่าง รถวิ่งไปช้าๆ ตามไหล่เขาลงไปยังเบื้องล่าง ด้านขวามือจะเห็นต้นไม้เขียวขจีสลับกับสีชมพูของดอกไม้ พี่่ดอกอะไรอ่ะ สวยเชียว ถัดจากที่ทำการลงมากลางหุบเขาจะพบกับ ดงพญาเสือโคร่ง ที่บานสะพรั่งทั่วทั้งบริเวณ ตรงนี้เป็นหน่วยจัดการต้นน้ำแม่งายเก่า ต้นพญาเสือโคร่งที่ถูกปลูกไว้และขึ้นเองตามธรรมชาติ ออกดอกสีสันสวยงามชวนหลงไหล ว้าว!!! เสียงร้องเบาๆ ที่นี่น่าอยู่จังเลยพี่ อากาศก็ดี สวยก็สวย ไม่อยากกลับเลย เรามากันอีกนะ มาครับหากเบื่อเมืองที่วุ่นวาย มาหลบกายซักพักที่นี่ได้ มาให้ป่ามันโอบเราไว้ มาพักให้หายเหนื่อย มาเก็บความสุขยอดกระปุกให้เต็มกัน... เรื่องและภาพโดย moobanarak