รีเซต

ภูกระดึง 3 วัน 2 คืน พาคนใจไปพิชิต แบกเป้ เที่ยวเลย โหดต่อขา แต่ดีต่อใจ

ภูกระดึง 3 วัน 2 คืน พาคนใจไปพิชิต แบกเป้ เที่ยวเลย โหดต่อขา แต่ดีต่อใจ
เอิงเอย
4 ตุลาคม 2564 ( 10:00 )
234K
12

       ลมหนาวพัดมา พร้อมกับฤดูกาล เปิดภูกระดึง ทุกต้นเดือนตุลาคมของทุกปี ใครที่กำลังวางแผนอยากไป เที่ยวแบบได้ฟีลแอดเวนเจอร์เบาๆ แล้วล่ะก็ เราชวนให้แกณฑ์เพื่อนมาทั้งแกงค์ คัดคนใจๆ พาไปพิชิต ภูกระดึง 3 วัน 2 คืน กันค่ะ รับรองว่า จะเป็นทริปครั้งหนึ่งของชีวิตที่อยู่ในความทรงจำอย่างยาวนานแน่นอน

 

ภูกระดึง 3 วัน 2 คืน
ที่เที่ยวธรรมชาติ จังหวัดเลย

 

      ปกติแล้ว ทุกๆ ปี ภูกระดึงจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวได้ในช่วง 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคม ค่ะ โดยที่เราสามารถจองบ้านพัก เต็นท์ และพื้นที่กางเต็นท์ ก่อนเดินทางไปภูกระดึงได้ ผ่านเว็บไซต์ของอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช หลังจากที่เราได้ทำการจอง จ่ายเงินเรียบร้อย ก็มาเที่ยวแบบชิลๆ ได้เลย

 


DAY 1 

พิชิต ภูกระดึง ไปให้ถึง หลังแป

 

การเดินทางไปภูกระดึง

        ทริปนี้ของเราเป็นในช่วงต้นเดือนธันวาคม อากาศกำลังหนาวได้ที่ ใครที่เดินทางด้วยนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯ ตั้งแต่ตอนค่ำๆ จะมาถึงจังหวัดเลยในช่วงเช้ามืดพอดิบพอดีค่ะ ซึ่ง รถทัวร์กรุงเทพฯ-ภูกระดึง จะจอดให้ลงตรง ผานกเค้า ตรงจุดนี้จะมีร้านค้าให้ได้นั่งจิบกาแฟ โอวันตินอุ่นๆ เพื่อรอเวลาประมาณตีห้าครึ่ง ที่รถสองแถวจะวิ่ง และพาเราไปต่อที่ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ค่ะ

 

ผานกเค้า ภูกระดึง ที่เที่ยวเลย


       แต่สำหรับทริปนี้ เราค่อยๆ ขับรถกลับมาจากกรุงเทพฯ พอมาถึงจังหวัดเลยก็เรียกได้ว่าเช้ามืด เลยจอดรถในปั้มน้ำมัน นอนพักเอาแรงสักหน่อย พอตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัง หาอะไรกินให้มีพลัง แล้วก็มุ่งหน้าไปที่ อุทยานฯ กันเลยค่ะ

 

 

       ความดีก็คือ เราได้จองเต็นท์มาแล้วจากระบบออนไลน์ ทำให้อะไรก็สะดวกมากๆ หลังจากไปติดต่อเรื่องการจองเต็นท์กับเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว ก็นำกระเป๋าเสื้อผ้าของเรา และน้ำดื่มนิดหน่อยไปมีจุดชั่งน้ำหนักค่ะ เพราะคาดว่า เราคงไม่สามารถแบกกระเป๋าขึ้นไปบนภูกระดึงพร้อมเดินเท้าไปด้วยได้แน่ งานนี้ต้องขอพึ่งคุณพี่ลูกหาบแล้วกันนะ

 


       จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางขึนภูกระดึงแล้วค่ะ! สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ น้ำขวดเล็กๆ สำหรับจิบระหว่างทาง แสงแดดเริ่มส่องลอดใบไม้ลงมา อากาศเริ่มเย็นน้อยลง เราก็ถอดเสื้อกันหนาว แล้วเดินได้ปกติ

 

 

       ทางที่ผ่านไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นทางดิน ทีมีทั้งทางเดินเรียบๆ บ้าง ทางชันบ้าง บันไดบ้าง สลับกันไป ระหว่างทางที่กำลังรู้สึกว่า โอ้ยยยย ไม่ไหวแล้วววว! ก็เจอคุณยาย คุณตา ที่เดินขึ้นภูกระดึงด้วยกันอย่างไม่รีบร้อน ก็ทำให้ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง จนในที่สุด ความพยายามแรกก็ประสบความสำเร็จ ตอนนี้มาอยู่ที่ ซำแฮ่ก แล้วจ้า!

 

 

ซำแฮ่ก ซำแรกที่โหดสุดๆ

       ซำแฮ่ก นั้นจะเป็นจุดแรกที่มีร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินขึ้น-ลง ภูกระดึง มีห้องน้ำไว้บริการด้วยค่ะ เหมือนโอเอซิสกลางทะเลทรายเลยทีเดียว ฮ่าๆ

 

 

      บอกเลยว่า ราคาข้าว และน้ำตรงนี้ จะค่อนข้างสูงกว่าที่ด้านล่างนิดหน่อย แต่เราก็เต็มใจจ่าย เพราะการเดินขึ้นมาที่นี่พร้อมของที่ต้องเอามาทำข้าวแต่ละจาน น้ำแต่ละแก้ว ก็ไม่ใช่ง่าย นี่ก็ได้น้ำแดงมะนาวโซดาช่วยชีวิตเลยทีเดียว...เติมพลังกันเต็มที่แล้วก็ไปต่อ!

 

 

       เราเดินต่อไปอีกหลายซำ ต่อหลายซำ ผ่านทั้ง ซำบอน ซำกกกอก จนไปถึงหลังแปได้ในที่สุด ใช้เวลาเกือบๆ 7 ชั่วโมงในการเดินขึ้นภูกระดึงในครั้งนี้ เพราะก็มีเถลไถลบ้าง นั่งพักบ้าง ถ่ายรูปเล่นบ้าง แถมยังมีเพื่อนเป็นตะคริวอีกด้วยค่ะ บอกลเยว่าสิ่งที่จำเป็นมากๆ ในการมาภูกระดึงก็คือ การจิบน้ำเรื่อยๆ โดยเฉพาะน้ำเกลือแร่ เพราะร่างกายเสียเหงื่อไปมาก ระหว่างเดินถ้าเป็นตะคริวขึ้นมาก็พังเหมือนกันจ้าาาา

 

 

       ระหว่างทาง เราก็ชมธรรมชาติไปด้วยเพลินๆ พักเป็นระยะ เพราะสงสารเพื่อนที่เป็นตะคริวค่ะ ค่อยๆ ไปเรื่อยๆ ไม่รีบ เลยทำให้เป็นอะไรที่รู้สึกได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากๆ ค่ะ แถมอากาศก็ดีอีกด้วย ถึงจะดูมีแดดแรง แต่ลมหนาวก็ไม่ปล่อยให้ร้อนขึ้นมาเลยสักนิดเดียว

 

 

ชมพระอาทิตย์ตก ที่ ผาหมากดูก


       แกงค์เราและเพื่อนหลังจากพิชิตภูกระดึงได้แล้ว ก็มุ่งหน้าไปต่อที่ จุดบริการนักท่องเที่ยวของอุทยานฯ ค่ะ หลัจากไปรับถุงนอน ผ้าห่ม หมอน เรียบร้อย ก็ไปพิกัดเต็นท์ของเรา เก็บของเสร็จสรรพ ก็ขอไปเที่ยวจุดแรกกันเลยที่ ผาหมากดูก เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่อยู่ใกล้ๆ ลานกางเต็นท์

 

 

       ผ่านไป 1 วันอย่างไว แสงอาทิตย์ค่อยๆ ลับไป แทนที่ด้วยพระจันทร์ และหมู่ดาว บอกเลยว่า ตรงนี้ให้ความรู้สึกเหมือนจะเอื้อมมือไปหยิบดาวลงมาได้เลยทีเดียว แถมอากาศในตอนกลางเย็นแบบนี้ ยังหนาวสุดขั้วจนหายใจออกมาเป็นไอเลยล่ะค่ะ

 

 

       สำหรับใครที่เป็นกังวลเรื่องอาหารการกิน บอกเลยว่า สบายกว่าไปปีนเขาไหนๆ เพราะด้านบนยอดภูมีร้านอาหารไว้บริการเพียบ ตั้งแต่ข้าว โจ้ก ไปยันจิ้มจุ่ม หมูกระทะเลยค่ะ

================


DAY 2

ตั้งแลนด์มาร์ค ที่ ผาหล่มสัก

 

 

      ตื่นเช้ามาพร้อมไอหมอก และทิวต้นสน ตอนนี้ได้เวลาออกไปผจญภัยกันแล้ว วิธีการเที่ยวบนภูกระดึงนั้นมีอยู่ 2 ทางให้เลือกคือ เดินไปตามจุดต่างๆ และปั่นจักรยานเที่ยว เรามองหน้ากันกับเพื่อนๆ และปีก่อนที่มาเที่ยวก็เคยปั่นจักรยานเที่ยวกันไปแล้ว มาคราวนี้ขอเลือกการเดินเที่ยวชิลๆ ดูมั่งค่ะ 

 

 

       หลังจากตกลงกันได้ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง! งานนี้ไปจัดเต็มทั้งคาวหวานครบๆ ก่อนออกเดินทางเลยค่ะ แถมก็ไปเที่ยวเดินชิลแวะถ่ายรูปเล่นก่อนออกไปเที่ยวอีกด้วย สำหรับเป้าหมายของเราก็คือการเดินเที่ยวไปยังจุดต่างๆ บนภูกระดึง และไปจบท้ายที่ จุดชมพระอาทิตย์ตก ที่ ผาหล่มสัก ชื่อดัง นั่นเอง

 

 

 

ลานพระศรีนครินทร์

      หลังอิ่ม รีแลกซ์สักแป๊ปนึง เราก็เริ่มออกเดินทางไปเที่ยวกันจ้า โดยเริ่มที่แรกจากการไปไหว้พระ ที่ ลานพระศรีนครินทร์ เอาฤกษ์เอาชัยกันหน่อยค่ะ

 

 

สระอโนดาด

      จากนั้นเราก็ไปต่อที่ สระอโนดาด ซึ่งเป็นสระน้ำสีเขียวสวย แต่ช่วงที่เรามาเป็นหน้าแล้งค่ะ น้ำก็จะลดลงไปบ้าง เห็นเหมือนแดดร้อนๆ แบบนี้ในตอนกลางวัน แต่ที่จริงมีลมหนาวพัดมาเป็นระยะให้ขนลุกเบาๆ อยู่ตลอดเวลาเลยนะคะ อากาศเย็นสบายมากๆ ทีเดียว

 

 

       เราเดินเที่ยวตามผาต่างๆ ทั้ง ผานาน้อย ผาแดง ระหว่างทางก็ชมธรรมชาติไปด้วย ที่นี่อากาศดีมาก สูดอากาศได้อย่างเต็มปอด มีดอกไม้ ใบหญ้า รวมถึงก็มีสัตว์ป่าด้วยนะ เพราะเราเจอกวางตัวเบ่อเริ้มเลยค่ะ ต้องค่อยๆ ถอยออกมา เพราะกลัวเขาไม่คุ้นกับคน

 

 

ผาเหยียบเมฆ


      อีกที่หนึ่งที่มาแวะแบบจริงจังมากๆ ก็คือ ผาเหยียบเมฆ ตรงจุดนี้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บนก้อนเมฆเลยจริงๆ มองลงไปแล้วสูง หวาดเสียวมากๆ เป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ อีกแห่งบนภูกระดึงเลยค่ะ

 

 

ผาหล่มสัก จุดชมพระอาทิตย์ตกบนภูกระดึง

       แดดร่มลมตก ตอนนี้ก็ได้เวลาไปยังที่สุดท้ายของวันแล้วก็คือ ผาหล่มสัก ตรงนี้เป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวภูกระดึงเลยค่ะ เพราะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยเลยทีเดียว จะมีร้านกาแฟเล็กๆ และขายโปสการ์ดตั้งอยู่ด้วย ได้กาแฟร้อนๆ สักแก้วให้อุ่นๆ พร้อมเขียนโปสการ์ดหาคนไกล ยิ่งได้ฟีลลิ่งของการเดินทางมากทีเดียว

 

 


       จุดถ่ายรูปสวยๆ ของผาหล่มสักก็คือ จะมีหน้าผายื่นออกมา พร้อมต้นสนที่ขึ้นอยู่ข้าง ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยงามมากๆ แถมลมหนาวก็เริ่มพัดมาเต็มที่แล้ว ตรงนี้คือดีต่อใจมากๆ ค่ะ ธรรมชาติอันสวยงามนี้ ขอเก็บเป็นภาพจำในใจตลอดไป

 


        หลังจากพระอาทิตย์ลาไปพักผ่อนไม่นาน ตรงนี้ก็มืดสนิท และถูกแทนที่ด้วยแสงของไฟฉาย เราต้องกลับไปยังลานกางเต็นท์โดยมีพี่เจ้าหน้าที่นำทางไปเป็นกลุ่มๆ เพื่อป้องกันการหลงป่าในช่วงกลางคืน ทางเดินสองข้างทางมืดสนิท มีเพียงไฟฉากในมือค่ะ

 

 

        เราเดินผ่านป่ามืดๆ ไปเรื่อยๆ จนถึงที่พัก บอกเลยว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างชาไปหมดแล้วค่ะ หมดวันไปแบบเปลี้ยๆ ขอนอนพักเอาแรงก่อนแล้วกัน

================

 

DAY 3

See You ... ภูกระดึง

 

ผานกแอ่น จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น

      วันนี้เราตื่นเช้ามากๆ เพราะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่บนภูกระดึงนี้ เราออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นรับวันใหม่กันที่  ผานกแอ่น ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น และไอหมอก เป็นความรู้สึกที่ดีต่อใจมากๆ ทีเดียว

 

 

      หลังจากนำข้าวของต่างๆ ไปคืนที่จุดบริการนักท่องเที่ยวเรียบร้อย ก็ไปต่อแถวเอาคิวลูกหาบที่จะช่วยเราแบกกระเป๋าลงไปที่ด้านล่างอุทยานฯ ก็ได้เวลาเดินกลับลงไปแล้วค่ะ

 

 

     แน่นอนว่า มื้อเช้าสำคัญมาก หลังจากจัดการข้าวของเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาหาของกินจ้า บนภูกระดึงนี้ วาไรตี้มาก มื้อเช้าหลากหลายรูปแบบ ใครชอบอะไรเลือกได้เลย คาวหวานมีครบ กินพออิ่มอย่าถึงจุก เพราะตอนเดินลง คงไม่เบา!

 

 

       ตอนขาลงแม้จะไม่ได้ลำบากเท่าขาขึ้น แต่ก็ทำเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่จะเป็นทางชันลงไป เราใช้เวลาเดินน้อยลงจากขาขึ้น แอบคิดว่า เพราะร่างกายเรามันมาถึงจุดที่กำลังจะกลายเป็นยอดมนุษย์ไปแล้วก็ได้ ฮ่าๆ

 

 

       ความพีคก่อนมาถึงที่อุทยานฯ ด้านล่างก็คือ ป้ายที่เขียวไว้ว่า “ขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรง” บอกเลยว่าเห็นแล้วขำแรงขึ้นมาเสียงดังมาก อยากตะโกนบอกป้ายกว่า “เกินกว่าคำว่า แข็งแรง ไปมากกกกกก”

 

 

       จบทริป 3 วัน 2 คืน บนภูกระดึงไปอย่างไว แค่นึกถึงก็ยังสัมผัสได้ถึงธรรมชาติอันสวยงาม และอุดมสมบูรณ์ อากาศดีๆ ลมหนาวสุดขั้ว และเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ร่วมทริปตลอดทาง ปิดท้ายด้วย ขาพัง ที่ต้องการการไปสปา ฟื้นฟูด่วนๆ ด้วย ฮ่าๆ หวังว่าคราวหน้า เราจะได้มีโอกาสมาเจอกันอีกนะ ภูกระดึง !

 

 

 

 

รวมที่เที่ยว ที่พัก อัพเดทเทรนด์ ฟินทั่วไทยและต่างประเทศ

อ่านง่าย สบายกว่าที่เคย! บนแอปพลิเคชัน ทรูไอดี

ดาวน์โหลดเลยที่นี่!!