การไปเที่ยวออรังกาบัดของเรา (สาวอ้อมที่มีความลุยและขำในตัว) เป็นประสบการณ์ที่ผสมผสานทั้งการเรียนรู้วัฒนธรรม ความอัศจรรย์ของธรรมชาติ และความสนุกที่แอบตื่นเต้นนิดๆ เพราะที่นี่ไม่ได้เป็นแค่เมืองธรรมดา แต่เป็นเหมือนประตูสู่ยุคโบราณที่หายากในอินเดียเลยค่ะ! การเดินทางไป Aurangabad ของเรานี่เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ โดยบินไปมุมไบก่อน (เพราะไม่มีเที่ยวบินตรงถึง Aurangabad) เราเลือกสายการบินที่ตั๋วโปรคุ้ม ๆ บินประมาณ 4 ชั่วโมงกว่า ๆ ถึงมุมไบ ตอนถึงสนามบินมุมไบคือฟีลแบบว้าว เพราะเป็นสนามบินที่ใหญ่และคนเยอะมาก แต่ไม่ต้องตกใจ เดินตามป้ายออกมาก็เจอแท็กซี่พร้อมพาไปโรงแรมแถวสนามบิน (พักแค่คืนเดียว) วันรุ่งขึ้นเราเลือกสายการบินในประเทศ บินไปยัง Aurangabad ใช้เวลาแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง พอลงเครื่องมาคือโล่งและสงบกว่ามุมไบเยอะ มันเหมือนเป็นอีกโลกนึงเลย! Aurangabad เป็นเมืองประวัติศาสตร์ มีทั้งถ้ำอชันตา-เอลโลรา (Ajanta-Ellora Caves) ที่แกะสลักหินจนกลายเป็นศิลปะชั้นสูง โบราณสถาน และอาหารพื้นเมืองที่อร่อยจนต้องเบิ้ล อย่าง Khaliya แกงเนื้อตุ๋นที่หอมมาก หรือถ้าเป็นสายหวานต้องลอง Mawa Jalebis ขนมหวานที่ละลายในปาก การเดินทางแบบอ้อมนี้ได้ทั้งเที่ยวชมสถานที่ที่มีเรื่องราว และกินของอร่อยจนพุงกาง แถมยังได้เห็นความแตกต่างของวัฒนธรรมอินเดียระหว่างเมืองใหญ่และเมืองเล็ก บอกเลยว่าทริปนี้คุ้มค่าสุด ๆ! Day 1: เปิดทริปด้วยมรดกโลก Ajanta Caves เมื่อมาถึงออรังกาบัด เช้านี้เราเลือกออกเดินทางไปถ้ำอจันตา (Ajanta Caves) ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 100 กิโลเมตร แต่บอกเลยว่าคุ้มกับเวลาที่ใช้! ไฮไลต์: ถ้ำแกะสลักหินที่เป็นพุทธสถานโบราณ บางถ้ำมีอายุเกือบ 2,000 ปี! ภาพจิตรกรรมฝาผนังของที่นี่ละเอียดและเล่าเรื่องราวพุทธประวัติได้สวยงามมาก มองไปเหมือนหลุดไปอีกโลกเลย ความรู้สึก: ตอนเข้าไปในถ้ำคือรู้สึกสงบ แต่พอเดินถ่ายรูปไปก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กๆ นักท่องเที่ยวที่เล่นกัน ทำให้บรรยากาศดูเป็นกันเอง อาหาร: กลับมาถึงตัวเมือง ต้องลองอาหารท้องถิ่นอย่าง “Biryani” ที่หอมกลิ่นเครื่องเทศและรสชาติกลมกล่อมสุดๆ Day 2: เดินชม Ellora Caves และปราสาทประหลาด Daulatabad Fort วันนี้จัดเต็มอีกวันค่ะ! เช้าตรู่ไป Ellora Caves ที่ใกล้กว่า Ajanta Ellora Caves: ถ้ำที่นี่โดดเด่นด้วยการผสมผสานวัฒนธรรมพุทธ ฮินดู และเชน ภายในมีวัด Kailasa ซึ่งแกะสลักทั้งภูเขาจากหินชิ้นเดียว นึกไม่ออกเลยว่าสมัยก่อนทำยังไงกัน! Daulatabad Fort: หลังจากนั้นเราแวะที่ป้อมนี้ ที่ดูภายนอกเหมือนป้อมธรรมดา แต่พอเดินเข้าไปคือพบกับด่านลวงซับซ้อนที่ทำให้ผู้บุกรุกต้องสับสน บอกเลยว่าเหมาะกับคนชอบผจญภัย อาหาร: แวะกิน “Puran Poli” แป้งยัดไส้ถั่วหวาน รสชาติละมุนมาก กินคู่กับชาร้อนๆ คือดี! Day 3: ไป Bibi Ka Maqbara กับการปิดทริปแบบชิลล์ วันสุดท้าย เราเลือกไปชม Bibi Ka Maqbara ซึ่งคนชอบเรียกเล่นๆ ว่า "Taj Mahal ปลอม" เพราะดูเหมือนทัชมาฮาลเวอร์ชันย่อ แต่บอกเลยว่าเสน่ห์ต่างกันนะคะ! ความประทับใจ: แม้ว่าจะไม่อลังการเท่าทัชมาฮาล แต่ที่นี่มีความสงบและโรแมนติกในแบบของมันเอง ยิ่งตอนพระอาทิตย์ตกดิน วิวคือดีมาก ถ่ายรูปเก็บไว้ได้แบบไม่มีเบื่อเลยค่ะ สิ่งที่ประทับใจในออรังกาบัด ประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต: ไม่ว่าจะเป็นถ้ำหรือป้อม ทุกที่เหมือนมีเรื่องราวรอให้เราค้นพบ ความหลากหลายของวัฒนธรรม: อาหาร สถานที่ และผู้คน ล้วนมีเอกลักษณ์และอบอุ่น วิวธรรมชาติ: รอบๆ เมืองเต็มไปด้วยภูเขา ทุ่งนา และทิวทัศน์ที่เงียบสงบ เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ แต่งตัวสบายๆ: รองเท้าผ้าใบคือเพื่อนที่ดีที่สุด เพราะเดินเยอะมาก! เตรียมน้ำดื่ม: อากาศที่นี่ร้อนกว่าที่คิด อย่าลืมพกน้ำไปเยอะๆ เรียนรู้ประวัติล่วงหน้า: การรู้เรื่องราวของแต่ละสถานที่จะทำให้เที่ยวสนุกขึ้น ถ้าคุณเป็นสายลุย อยากสัมผัสวัฒนธรรม และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในที่ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ออรังกาบัดคือเมืองที่คุณต้องมาเยือนค่ะ! อ้างอิง ภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !