ฮาลาบาลา ป่าที่ไหนกัน ทำนองเดียวกับชื่อยอดเขาโมโกจู สถานีสะโลว์บูกิ๊ตยือแร อยู่ในเมืองไทยของเรานี่เอง และสำหรับนกดูนก/ถ่ายภาพนก ป่าฮาลาบาลาคือเพชรพระอุมา ที่นี่เป็นป่าสมบูรณ์ มีเสน่ห์ ลึกลับ มีนกหายากซึ่งต้องไปชมให้ได้ถ้ามีโอกาสป่าฮาลาบาลาสงบเงียบอยู่ในชายแดนภาคใต้ มีพื้นที่คาบเกี่ยว 2 จังหวัดคือยะลากับนราธิวาส ในพื้นที่ของยะลาจะเรียกว่าป่าฮาลา ส่วนของนราธิวาสจะเรียกว่าป่าบาลา โดยมีที่ตั้งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา อยู่ที่ อ.แว้ง ต.โละจูด บ้านบาลา ถามว่าไกลไหม ตอบว่าแค่ปากซอย คือจาก กทม - สนามบินนราธิวาส ก็ประมาณ 1.20 ชม. จากสนามบินแล้วนั่งรถไปเขตฯ อีกประมาณ 2 ชม. นิดๆ "ลูกไทรเริ่มสุกแล้ว คาดว่าไม่เกิน 7-10 วันก็จะหมด นกเงือกปากย่นน่าจะมานะครับ พี่รีบไปรอเลยดีกว่าครับ เผื่อจะเจอตัว" น้องนักถ่ายนกท่านหนึ่งส่งข่าวมา ข่าวแบบนี้เร็วยิ่งกว่าเนต 5G อีกโดยเฉพาะในแวดวง สำหรับเราข่าวนี้ก็คล้ายๆ คุณหลอกดาวอีกแล้ว เพราะได้ยินแต่เรื่องเล่าและนานๆ จะเห็นภาพยืนยันบ้าง เรามาป่าบาลาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ หนุ่มใหญ่มากและเลยไปแล้ว ก็ยังไม่เจอตัวสักที แม้จะมีข่าวสาร เครือข่าย แต่ต้องพกดวงและบนบานศาลกล่าวกับเจ้าป่าเจ้าเขาด้วยน้ำแดงน้ำเขียว ขอให้นกบินมาโชว์ตัวด้วย เจ้าประคู้นนนนนนชีวิตชายแดนใต้ไม่เคยเปลี่ยน ตั้งแต่เราเริ่มมาถ่ายนก จนมาประจำการที่นี่ ธรรมชาติยังเขียวสด ผู้คนอยู่อย่างเรียบง่ายแบบเดิมๆ นุ่งโสร่ง คลุมผ้าฮิญาบ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ทานหวานจัด ละหมาดวันละ 5 ครั้ง ทุกบ้านรู้จักกันหมด น้ำใจแบบชาวบ้านยังเต็มเปี่ยม และระยะหลังนี้ก็เริ่มคุ้นเคยกับการเพิ่มขึ้นของรถนักท่องเที่ยว รวมถึงกิจกรรมออกมาเดินส่องไฟหานกยามมืดค่ำของผู้มาเยือน อันตรายไหม อาจเป็นคำถามสำหรับคนที่ไม่เคยมา เราบอกได้เลยว่า ไม่แตกต่างจากการใช้ชีวิตในภาคอื่นๆ ครับคณะเราอยู่ได้แค่ 4 วัน เพราะที่พักมีนักถ่ายนกต่อคิวจองเต็มหมด จนคณะที่ตามมาตอนหลัง ต้องออกไปพักด้านนอกในต.บูเก๊ะตา ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้องไปนอนนู่นที่ อ.สุไหงโก-ลก เพราะใกล้ที่สุดวันแรกที่มาถึง มีนักถ่ายนก 1 คณะมาก่อนเราแล้ว วันที่สองมาอีก 2 คณะ พวกเราไปนั่งรอเจ้าปากย่นที่ต้นไทรเป้าหมาย ตั้งแต่เช้ายันเย็นด้วยกัน ลุ้นระทึกให้นกรีบมาก่อนที่ลูกไทรจะหมดต้น เพราะมีลูกค้ามาใช้บริการมากเหลือเกิน ทั้งลิง ชะนี รวมถึงนกอื่นๆ ซึ่งลูกค้าเหล่านี้แหลกจุและแหลกเร็วด้วย ที่สำคัญคือยังมีนกเงือกหัวแรดเป็นลูกพี่ใหญ่มาคุมพื้นที่ ตราบใดที่หัวแรดยังเอ้อระเหยเกาะกิ่งนู้นกิ่งนี้อยู่ไม่ยอมไปไหน นกเงือกปากย่นจะไม่เข้ามาเพราะจะโดนไล่ โดนจิกตี นี่แหละครับลูกพี่ใหญ่ "นกเงือกหัวแรด" (Rhinoceros Hornbill) พบเห็นได้เฉพาะในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นนกประจำถิ่นภาคอื่นไม่มี ร้องเสียงดัง จะได้ยินเสียงมาก่อนตัวเสมอ ป้ายหน้าเขตฯ ก็ใช้เจ้าหัวแรดนี่แหละครับ เป็นสัญลักษณ์ธรรมชาติที่ป่าบาลาสมบูรณ์มาก แนะนำให้เอาเก้าอี้พับที่นั่งสบายลงไปกาง แล้วชมวิวภูเขาตรงหน้า รับลมเย็นพัดอ่อนๆ ฟังป่าคุยกัน บางครั้งมันก็เงียบปุบปับสงบไปอีกแบบ นั่งหลับตาสูดหายใจลึกๆ แล้วอยู่กับตัวเอง ... สายๆ ของวันที่สาม ความไวของข่าวสารก็ยืนยันได้ด้วยคณะนักถ่ายนกจากจีนอีก 1 คันรถตู้ ที่มาร่วมวัดดวงกัน แม้จะยืนคนละจุดและคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีเป้าหมายเดียว ... นกเงือกปากย่นจนกระทั่งบ่าย "มาแล้ว มาแล้ว เกาะโป๊ๆ เลย" (หมายถึงว่า ไม่มีอะไรมาบังนะครับ) นักถ่ายนกรีบขยับตัวเพื่อหามุมของตนเองด้วยความตื่นเต้น ภาพที่เห็นยืนยันว่าไม่ใช่ fake news ในมือถือ นกเงือกที่ต้นไทรสุกอยู่ห่างมากครับ มองด้วยตาเปล่าจะใหญ่กว่าหัวเข็มหมุดหน่อยนึง เราเองต้องใช้กล้องส่องทางไกลหาก่อนว่าอยู่ตรงไหนของต้นแล้วค่อยหันกล้องไปกดชัตเตอร์ การถ่ายนกจึงต้องอาศัยเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสสูงเข้ามาช่วย มีการตั้งค่ากล้องที่เหมาะสม ทั้งสปีดชัตเตอร์ รูรับแสง และ iso เพื่อจะได้ไม่ต้องมาสอบซ่อมกันอีก "นกเงือกปากย่น" (Wrinkled Hornbill) ตัวผู้ถุงใต้คางจะมีสีขาวแกมเหลือง ส่วนตัวเมียถุงใต้คางจะเป็นสีฟ้า สถานะของนกคือหายากและใกล้สูญพันธุ์ พบเฉพาะในป่าภาคใต้ตอนล่าง ชีวิตของนกเงือกชนิดนี้ยังเป็นที่รู้จักกันน้อยมาก อาจจะสูญพันธ์ก่อนที่เราจะรู้จักชีวิตนกเงือกปากย่นนี้อย่างจริงจัง อันนี้เป็นข้อมูลทางวิชาการครับจากมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก นักถ่ายนกหลายคนมากี่ครั้งๆ ก็ยังไม่เจอนกตัวนี้แบบเดียวกับเรา จนกระทั่งมาสำเร็จในครั้งนี้ ... เพราะมันคือนกหายากนะสิครับ ... "บินแล้ว บินแล้ว ไปเกาะอีกต้นแล้ว" มุมสวยๆ ก็เกิดขึ้นอีกมันมาเกาะกินลูกไทรได้ครู่เดียวครับ แต่ทำเอาเมโมรี่การ์ดในกล้องร้อนระอุ เพราะกดชัตเตอร์รัวๆ กันไม่ยั้งจากนั้นนกเงือกหัวแรดก็บินเข้ามา แล้วปากย่นก็ต้องบินออกไป ... นักถ่ายนกหลายคนออกอาการปิติสุดๆ ด้วยการโบกมือให้นกและขอบคุณมันด้วยตอนบินจากไป รอยยิ้มของพี่ไทยและพี่จีนอย่างอิ่มเอมทำให้การรอคอยจบแบบแฮปปี้ มีการแลกเปลี่ยนกันดูภาพหลังกล้องแล้วยกนิ้วให้กันและกันเราเองก็หัวเราะเบาๆ พร้อมกับนึกถึงเนื้อเพลงท่อนหนึ่งจาก Bohemian Rhapsody ขี้นมาได้ ... My time has come ... ในที่สุด เราก็มีภาพนกเงือกปากย่นเป็นของตัวเองแล้วลองหากล้องแล้วออกเดินทางไปท่องเที่ยวถ่ายภาพนกกันดูสิครับ รับรองได้ติดหนึบเลย จะรักธรรมชาติรักป่าเขา กินง่ายอยู่ง่าย กางเต้นท์นอนก็ได้ ลาป่วย ลากิจ ลาพักร้อน จนวันลาหมด ขอให้ได้ถ่ายนกก็แล้วกัน น้องที่ทำงานหลายคนที่เราเอาเรื่องการเที่ยวป่าถ่ายนกไปป้ายยาไว้ เสร็จทุกราย บางรายไปถ่ายไกลถึงเนปาล เวียดนาม ญี่ปุ่น นู่นที่พักประจำสำหรับนักถ่ายนกที่นี่ก็คือ รีสอร์ทประชารัฐฮาลาบาลา เพราะตั้งอยู่หน้าเขตฯ มีอยู่ 9 ห้อง มีแอร์น้ำอุ่นและไวไฟ พร้อมรถบริการรับ-ส่งถึงสนามบินนราธิวาส อาหารเย็นอร่อยมากโดยเฉพาะน้ำพริกกะปิกับผักลวกมีให้แกล้มทุกมื้อ ปลาทอด แกงและอาหารพื้นบ้านที่สดและง่ายๆ เตรียมไว้อย่างดี ปิดท้ายด้วยผลไม้ ช่วงที่เราไปมีทุเรียนบ้านครับ ชาวบ้านเอามาฝากให้ทาน คณะจีนชอบมากแกะชิมกันเดี๋ยวนั้นเลย สำหรับนักถ่ายนกที่จะออกแต่เช้าก็มีปิ่นโตให้หิ้วไปทานพร้อมขนมพื้นบ้าน แต่มื้อเที่ยงนี่สิแน่มากๆ ไม่ว่านักถ่ายนกจะอยู่ตรงไหนของป่าบาลา เด็กๆ ที่รีสอร์ทจะเอาไปส่งให้ได้หมด ก็เพราะป่าบาลามีถนนอยู่เส้นเดียว เปิด face book รีสอร์ทบ้านบาลา ดูภาพที่พักประกอบนะครับ เบอร์โทร 086-2908154 คืนละประมาณ 600 บาทข่าวนกเงือกปากย่นกระจายไปอย่างรวดเร็ว มีนักถ่ายนกทยอยมาเพิ่มเรื่อยๆ และหลังจากที่มาโชว์ตัวไปแล้ว วันที่เหลือของเรามันก็ล่องหนไป ข่าวภายหลังบอกว่ามันน่าจะไปต้นไทรต้นอื่นแทน สงสัยน้ำเขียวน้ำแดงหมดแล้ว ... เห็นไหมละครับ มันไม่ธรรมดานะนกตัวนี้ นกเงือกในเมืองไทยมี 13 ชนิด เฉพาะที่ป่าบาลามี 9 ชนิด นอกจากนกเงือกแล้ว ยังมีนกป่าอีกหลายชนิดที่หายากและมีเฉพาะป่าภาคใต้ ที่รอคอยการไปบันทึกภาพอยู่ ช่วยกันดูแลรักษานะครับ ธรรมชาติจะได้อยู่อย่างยั่งยืนสถานที่ท่องเที่ยวชายแดนภาคใต้ของเรา มีอะไรอีกแยะครับ ไม่ใช่แค่ป่าฮาลาบาลา ทะเลหมอกที่ยอดเขาน้ำใสในอ.สุคิริน จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกันสวยไม่แพ้ที่ไหนเลย ตามมานะครับ เมืองไทยของเราเอง ด้วยรัก นายแม้นคนสวน เครดิตภาพปกและภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน C. Khawsumlee (นายแม้นคนสวน) อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !