หาดปึกเตียนจัดได้ว่าเป็นหาดที่มีความเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลบหนีความวุ่นวาย ถ้าหากใครได้แวะไปเยี่ยมเยียนจะจดจำสัญลักษณ์ของหาดได้อย่างแม่นยำ นั่นคือรูปปั้นของพระอภัยมณีและนางผีเสื้อสมุทรที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมหาด เป็นไฮไลท์สำคัญที่นักท่องเที่ยวพากันแวะเวียนมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก น่าแปลกที่ระหว่างสองข้างทางจะมองเห็นตึกร้างตั้งอยู่เรียงราย ดูเหมือนกับจะสร้างเป็นโรงแรมที่พักแต่ไม่ได้รับความนิยมจึงต้องปล่อยทิ้งไว้ไม่มีใครดูแล ก่อนจะเข้ามาที่หาดปึกเตียนแนะนำให้เตรียมเสบียงกรังไว้ให้พร้อม เพราะไม่มีร้านสะดวกซื้อให้ได้ซื้ออย่างสะดวก ร้านสุดท้ายที่แวะกันก็จะอยู่ที่หาดเจ้าสำราญซึ่งก็อยู่ห่างไกลกันเป็นสิบกิโลทีเดียว เมื่อขับผ่านถนนสายหลักแล้วเลี้ยวเข้าซอย ทางเข้าหาดยังคงเป็นทางโรยกรวดโรยหินเหมือนเดิมเวลาล้อรถเหยียบผ่านได้ยินเสียงดังกร้วมกร้ามอย่างกับรถบดหินทำให้คิดเป็นห่วงช่วงล่างของรถขึ้นมาทันที แต่ยังดีที่พอขับรถเข้ามาสุดซอยก็ได้เจอกับถนนคอนกรีตราบเรียบช่วยให้ขับรถได้สบายมากขึ้น ที่พักของเราวันนี้คือปึกเตียน คาบาน่า บีช รีสอร์ท มีทั้งโซนบ้านพักเป็นหลังริมทะเลและโซนโรงแรมที่เป็นตึก ซึ่งทั้งสองโซนอยู่ห่างกันเพียงถนนกั้น เดินข้ามไปมาระหว่างกันได้อย่างสบาย จากทางเข้าจะมีโซฟาน่านั่งเตรียมไว้ให้แขกนั่งรอ มองเข้าไปด้านในจะมองเห็นชายทะเลอยู่ใกล้กัน จุดเด่นสำคัญคือรีสอร์ทแห่งนี้หันออกทะเลไปประจันหน้ากับรูปปั้นพระอภัยมณีและนางผีเสื้อสมุทรพอดิบพอดี พอเช็คอินเรียบร้อยพนักงานนำทางไปยังห้องพัก เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็จะได้พบกับห้องสตูดิโอขนาดกะทัดรัดแบบเตียงคู่ ต้องขอที่นอนเสริมเพิ่มไว้ให้คุณลูกได้นอนอีกเตียง ภายในห้องตกแต่งด้วยอิฐแดง พร้อมกับพร๊อพที่เป็นเตาผิงสไตล์ยุโรป ด้านหน้าจะมีระเบียงขนาดย่อมพร้อมกับตั้งเก้าอี้เอนหลังไว้ให้สำหรับชมวิวทะเล เนื่องจากห้องพักอยู่ติดกับทะเลก็จะมีเสียงคลื่นและลมพัดเข้ามาเป็นระยะ แต่ยังโชคดีที่ไม่ได้พักอยู่บ้านหลังแรก ไม่เช่นนั้นเสียงคงจะดังมากกว่านี้ ภายในห้องมีเตียงนอน ตู้เย็น ทีวี โต๊ะเครื่องแป้ง ที่แขวนผ้า โซฟา ในห้องน้ำมีสบู่ แชมพูเตรียมไว้ให้ได้มาตรฐานที่พักทั่วไป ภายในห้องน้ำจะแบ่งแยกโซนเปียกโซนแห้งเอาไว้ชัดเจน โชคดีที่บ้านพักเป็นแบบหลังคาสูงตอนกลางวันจึงไม่ร้อนมากนัก แต่ในห้องน้ำหลังคาจะเตี้ยกว่าจึงต้องปิดประตูไว้ตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้ไอแดดร้อน ๆ ไหลเข้ามาในห้อง บริเวณบ้านพักจะมีสนามหญ้าอยู่ตรงกลาง หันหน้าออกทะเล มีชิงช้าและกระดานลื่นชุดเล็กไว้ให้เด็กน้อยเล่นได้ ใต้ต้นสนจะมีโต๊ะเก้าอี้ชุดใหญ่เตรียมไว้ให้นั่งชมทะเล เหมาะสำหรับนั่งปิกนิกเป็นที่สุด ถ้าหากต้นหูกระจงที่ปลูกไว้โตกว่านี้คงจะได้ร่มเงาไม้ไว้กันแดดได้เป็นอย่างดี พื้นที่ด้านหน้าหันเข้าหารูปปั้นพอดิบพอดี เมื่อมองเลยไปทางขวาของนางผีเสื้อสมุทรจะมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐ์ฐานอยู่ เมื่อถึงเวลาน้ำลดสามารถเดินเข้าไปสักการะบูชาได้เลย บริเวณชายหาดทางรีสอร์ทจะทำเป็นทางเดินคอนกรีตเอาไว้เดินเล่นสะดวกสบายไม่มีทรายเลอะเท้า ส่วนหาดทรายสามารถลงไปเดินเล่นได้ในช่วงบ่ายเวลาน้ำลด แต่พอตกเย็นน้ำทะเลก็จะขึ้นสูงจนถึงตลิ่งปูนเลยทีเดียว สภาพของชายหาดที่นี่ยังอุดมสมบูรณ์ดี เห็นนกหลายชนิดบินหาปลาอยู่ทั่วบริเวณ บางตัวบินโฉบจับปลาจากเหนือน้ำ มองดูแล้วเพลินตาเพลินใจ บรรยากาศเงียบสงบมากถึงมากที่สุด ช่วงเวลาที่ไปพักร้านรวงต่าง ๆ ปิดกันหมดจนทำให้เงียบเสียจนรู้สึกวังเวง ตอนกลางคืนลมค่อนข้างแรงประกอบกับมีเสียงคลื่นปะทะฝั่งเป็นระยะทำเอาเข้าใจผิดคิดว่าฝนตกหนักเสียอีก ตอนดึกเปิดประตูออกมาส่องดาวยังพอเห็นได้บ้างเพราะฟ้าโปร่งและไร้แสงไฟ ยืนชมยืนชิลกันสักพักก็เข้านอนพอหัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ยเพราะความเหนื่อยอ่อน รีสอร์ทหันหน้าไปทางทิศตะวันออกจึงมีโอกาสตื่นขึ้นมาทักทายพระอาทิตย์ขึ้น บรรยากาศแบบนี้หาไม่ได้ในเมืองแน่นอน เวลานี้ต้องยืดอกสูดลมหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปให้เต็มปอด การได้อาบแดดตอนเช้าเป็นการชาร์จพลังธรรมชาติที่ยอดเยี่ยม ปีนี้โชคดีได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เมนูยามเช้าเสริฟถึงที่ อาหารเช้าของวันนี้จะมี ABF กับข้าวต้ม ไม่มีไลน์บุฟเฟ่เพราะแขกน้อยทางรีสอร์ทจึงทำเป็นเซ็ทเสริฟตามโต๊ะ ก็สะดวกดีเหมือนกันไม่ต้องเดินไปตักเอง สั่ง ABF มาสองชุด มีไส้กรอก แฮม ไข่ดาวและสลัด ส่วนข้าวต้มหมูเสริฟมาให้ชามใหญ่กินชามเดียวก็อิ่มเลย รีสอร์ทแห่งนี้เขาเปิดเป็นร้านอาหารด้วยแต่ช่วงนี้ปิดบริการเลยอดชิมอาหารทะเลอร่อย ๆ พื้นที่บริเวณนี้จัดไว้เป็นที่นั่งสบาย ๆ สไตล์โคซี่ เหมาะสำหรับนั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ชมทะเล ที่นี่เขามีห้องคาราโอเกะด้วยถ้ามากันหลายคน คงได้ชวนกันดวลไมค์ทั้งคืนแน่นอน บรรยากาศโดยรวมของรีสอร์ทแห่งนี้จัดได้ว่าเป็นธรรมชาติมากถึงมากที่สุด ชอบที่ความเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัวเหมือนไปเที่ยวบ้านญาติ มีพื้นที่ให้เดินเล่นหน้าหาดกว้างขวางเหมาะสำหรับพาครอบครัวไปพักผ่อน ทางด้านรสชาติอาหารยังตอบอะไรไม่ได้มากเพราะมีอาหารให้รับประทานจำกัดเหลือเกิน ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าคงต้องมาเยี่ยมเยียนกันอีกที การเดินทาง: ตั้ง GPS ไปที่ปึกเตียน คาบาน่า บีช รีสอร์ทได้เลย จากกรุงเทพฯ ขับไปทางเพชรบุรีเลี้ยวเข้าไปทางหาดเจ้าสำราญ ก่อนเข้าหาดเจ้าสำราญจะพบกับทางแยกมีป้ายบอกทางให้เลี้ยวขวาไปหาดปึกเตียนได้เลย ที่ตั้ง: ปึกเตียน คาบานี่ บีช รีสอร์ท 141 หมู่ 3 ต.ปึกเตียน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี 76130 โทร : 032-443144, 032-443126-7 เว็บไซต์ http://www.puktiencabana.com ภาพทั้งหมดจากนักเขียน