สวัสดีครับ บทความนี้ เป็นบทความแรก ของปีนี้ เพราะ เคยเขียนบทความไว้แล้ว แต่ไม่ค่อยปัง เท่าไหร่ แต่ก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่า วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ จากการไปทำคดี ทริป 3 จังหวัดชายแดนใต้ กัน เริ่มต้น จาก เมื่อ ปี พ.ศ.2560 ตอนนั้น ได้รับมอบหมาย จากสำนักงานฯ ให้ไปฟ้องคดีแพ่ง ฟ้องคดีแพ่ง กับลูกหนี้ ของธนาคาร ซึ่ง ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค จะต้องไปฟ้อง ที่ภูมิลำเนาของ ลูกหนี้ ซึ่งในกรณีนี้ เป็น คดีเช่าซื้อ ซึ่ง คดีที่เราจะต้องไปดำเนินคดีนั้น คือ ศาลจังหวัดปัตตานี , ศาลจังหวัดยะลา และ ศาลจังหวัดเบตง ซึ่ง การไปดำเนินคดีในครั้งนั้น ความรู้สึก สำหรับคนที่ไม่เคยไป และ ไม่เคยคิดจะเข้าไปใน พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เลย เพราะ ได้ยินจากข่าวบ่อยๆ ว่า มักมีการก่อความไม่สงบ แต่ด้วยหน้าที่ ที่ สำนักงานฯมอบหมาย จึงต้องไปทำ ในครั้งแรก ที่เริ่มเข้าเขต 3 จังหวัด ด่านแรก ก็คือ อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลาขับรถไปเรื่อยๆ ชิวๆ ผ่านอำเภอเทพา ก็สบายๆ ไม่มีอะไร แต่ พอไปได้อีกสักแปป เอ๊ะ ด่านอะไรหว่า ออด่านความมั่นคง เปิดกระจก พี่ทหารก็ขอดูหน้าดูตา เห็นทะเบียนรถ กทม. เลยถามว่า น้องจะไปไหน ผมเลยบอกว่า ไปทำงานครับ เขาถามว่า ทำที่ไหน บอกว่า ผมเป็นทนายความ พรุ่งนี้ จะมีนัดพิจารณา ที่ศาลจังหวัดปัตตานี พี่ทหารยิ้ม และ ก็ โบกมือให้ไปได้ ออ ลืมบอกไป ผมไปกับแฟน กัน 2 คน พอใกล้เข้าเขตอำเภอปัตตานี ก็ผ่านสถานที่ดังๆ ที่เราเคยได้ยินในข่าว อาทิเช่น วัดช้างให้ ก็ยังคุยกับแฟนว่า เดี๋ยวค่อยแวะมาเที่ยวตอนขากลับ หลังจากนั้น พอผ่านเข้าไปในเขต อ.เมืองปัตตานี สถานที่ต่อมาที่ คุ้นหู คือ มัสยิดกรือแซะ และ ที่พีคกว่า คือ ตอนนั้น ที่ผมไป ดันไป ตรงกับวัดที่ บิ๊กซี โดนวางระเบิด แต่เราไม่ได้เข้าไปสถานที่นั้น รีบหาที่พักอย่างเร็ว พอผ่านไป อีกวัน ผมก็ไปทำงาน ที่ศาลจังหวัดปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี มีประชาชนเยอะ ส่วนใหญ่เป็นคนที่นับถืออิสลาม แต่เรื่องอาหารการกิน สำหรับคนพุทธ ไม่มีปัญหา ไก่ ไข่ เนื้อ กินได้หมด อาหารทำอร่อยด้วย ก่อนจะเดินทางต่อไป อำเภอยะลา ผมก็ได้ถ่ายรูปไว้ เป็นที่ระทึก อึ๊ย ระลึก หลังจากเสร็จศาลที่จังหวัดปัตตานี แล้ว ก็ มุ่งหน้าไป ศาลจังหวัดเบตง ซึ่ง คืนนี้ต้องไปนอนที่ อ.เบตง ในการไปอำเภอเบตงนั้น ตอนเดินทาง ผมไม่แน่ใจว่า จะไปทางไหน เพราะ GPS มันให้เลือกที่จะไป กล่าวคือ ไปได้ 2 ทาง แต่สุดท้าย ผมก็ไปสอบถามชาวบ้าน ซึ่งบังเอิญว่า เขากำลังจะเดินทางไป ทางนั้นพอดี ก็เลยขอขับรถตามเขา ซึ่ง เขาขับเร็วมาก ไม่รู้จะรีบไปไหน การไปอำเภอเบตง ในเส้นทางที่ผมไปนั้น ต้องผ่านเขื่อนบางลาง ซึ่ง ตลอดเส้นทาง ขึ้นเขา ลงเขา คดเคี้ยว มีโค้งหักซอกมากมาย ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง ผมกดดูแผนที่ในมือถือ มันบอกว่าเวลาการเดินทาง จาก อำเภอยะลา ไป อำเภอเบตง เกือบ 3 ชั่วโมง บรรยากาศ ระหว่าง ที่ขับไป อำเภอเบตงนั้น บอกได้เลย ไม่ค่อยมีพี่ทหาร ตำรวจ รู้สึกกังวลนิดๆ ยิ่ง พอ ผ่านอำเภอบันนังสตา ด้วยแล้ว รู้สึกกังวลมาก เพราะ ได้ยินแต่ชื่ออำเภอนี้ ในข่าว แต่ก็ไม่มีอะไร สุดท้าย ผมก็ ไปถึง อำเภอเบตง เมื่อไปถึง อำเภอเบตงแล้ว ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 1 ทุ่ม สิ่งที่พบ คือ บรรยากาศ เมืองเบตง แตกต่าง จากสิ่งที่ผมวิตกกังวล หรือ กลัว กลายเป็น รู้สึกปลอดภัย รู้สึกว่า เป็นอีกโลกหนึ่ง ไม่น่ากลัว เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย มีคนที่นับถือทั้งศาสนาพุทธ และ อิสลาม มีร้านอาหาร หรือ ภัตตาคารอาหารจีน นี่เเหละ แต่ผมจำชื่อร้านนี้ไม่ได้ เพราะ กินๆๆๆอย่างเดียว เพราะเดินทางมาเหนื่อย หลังจากนั้น ก็ ไปหาที่พัก เป็นโรงแรมแห่งหนึ่ง จำชื่อไม่ได้อีก แต่อยู่ติดริมแม่น้ำ หลังจากนั้น ก็ได้ ขับรถดูบ้านเมืองในอำเภอเบตงเล็กน้อย ก็ ไปสะดุด กับ อุโมงค์ๆหนึ่ง มีไฟประดับสวยงาม ชื่อ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ดังรูปภาพ ข้างใต้นี้ แต่ จริงๆผมได้อัดคลิปวิดีโอไว้ด้วย แต่ หาไฟล์วิดีโอไม่เจอแล้ว และ ก็ ไปเยี่ยมชม รูปปั้นไก่เบตง ด้วย จากนั้น ก็ เข้าพักผ่อน เช้าวันต่อมา ก็ ไปทำงานที่ศาลจังหวัดเบตง ก็ ทำคดีเสร็จสิ้นไปตามกระบวนการก่อนกลับ ก็ แวะ ถ่ายรูปกับป้ายของเมืองเบตง O.K.เบตง ตามชื่อหนังเลยสุดท้ายนี้ ก็ขอเล่าประสบการณ์ ของการไปทำคดีที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ไว้เพียงเท่านี้ นะครับ ขอบคุณครับอัปเดตบทความท่องเที่ยวตามสถานที่อันหลากหลาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !