ภาพปกโดยแอป : Canva | Canva สำหรับผลงานศิลปะนั้น ล้วนเกิดจากความรัก ความศรัทธา และความอดทน ของผู้สร้างขึ้นทั้งสิ้น ตัวอย่างที่มีให้เห็นภาพง่าย ๆ นั่นก็คือ วัดร่องขุ่น เป็นอีกหนึ่งผลงานศิลปะชิ้นเอกของประเทศไทย ที่มากด้วยคุณค่าอันทรงพลัง และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก วันนี้เราตื่นเต้นดีใจมาก ที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวชมความงดงามของ วัดร่องขุ่น เป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งได้ยินชื่อเสียงของวัดมานานแล้ว วัดร่องขุ่น เป็นวัดของชาวพุทธ ตั้งอยู่ติดกับถนนพหลโยธิน ในเขตพื้นที่ ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมีอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย เป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างขึ้น และท่านยังเปิดใจอีกว่า ในหลวง รัชกาลที่ 9 ของปวงชนชาวไทย เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างวัดร่องขุ่น เพื่อให้เป็นงานศิลปะไทยประจำรัชกาลที่ 9 อีกด้วย ภาพโดยแอป : Canva การที่เราได้มาเที่ยววัดร่องขุ่นเป็นครั้งแรกในชีวิต รู้สึกมีความตื่นตาตื่นใจ หัวใจพองโต ตาเป็นประกายลุกวาว กับความอลังการของงานศิลปะภายในวัดเป็นอย่างมาก เพราะมีความสวยสดงดงามด้วยประติมากรรมแปลกใหม่ไม่เหมือนวัดที่อื่นเลย ซึ่งมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก ๆ ด้วยการใช้ความรู้ศิลปะไทยด้านต่าง ๆ มีทั้งงานสถาปัตถยกรรม ประติมากรรมปูนปั้น และงานจิตรกรรมไทย เพื่อบอกเล่าเรื่องราว และใช้แทนคำสอนทางพระพุทธศาสนา ภาพโดยแอป : Canva โดยเฉพาะ พระอุโบสถ ที่เราชื่นชอบเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าเห็นตามวัดโดยทั่วไปคือ จะประดับประดาไปด้วยลวดลายหลากสีสัน และทาสีอุโบสถด้วยสีทอง หรือสีเหลือง เป็นต้น แต่สำหรับวัดร่องขุ่นแล้ว คือ ใช้สีขาวบริสุทธิ์ทั่วทั้งหลัง เปรียบเหมือนเป็นดังเมืองสรวงสวรรค์ ทั้งยังมีการประดับตกแต่งด้วยงานปูนปั้นเป็นลวดลาย และรูปสัตว์ต่าง ๆ ได้อย่างประณีตอ่อนช้อย เช่น พญานาค ครุท ช้าง เป็นต้น อีกทั้งยังเพิ่มความแวววาวระยิบระยับ ด้วยกระจกชิ้นเล็ก ๆ พอสะท้อนกับแสงแดด เห็นแล้วช่างงามจับใจเหลือเกิน ภาพโดยผู้เขียน เราเดินเที่ยวไปก็คิดไป เอ๊ะ ! ทำไมพระอุโบสถต้องเป็นสีขาวล้วน ไม่เห็นเหมือนวัดอื่น ทำไมต้องประดับประดาด้วยกระจก ทำไมต้องมีรูปปั้นของสรรพสัตว์ทั้งหลาย จนคิดได้ว่า พระอุโบสถ ก็เปรียบเสมือน ที่ประทับของพระพุทธเจ้า แสดงว่า อุโบสถของวัดร่องขุ่น ก็ต้องสื่อถึงพระพุทธเจ้า นั่นเอง ทำให้เรานึกถึง พระพุทธคุณ 3 ประการ คือ พระคุณของพระพุทธเจ้าที่มีต่อมวลมนุษย์ในโลกอย่างมาก ได้แก่ - สีขาว หมายถึง พระบริสุทธิคุณ คือ ความบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งทรงบำเพ็ญเพียรจนได้หลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง - กระจกชิ้นเล็ก ๆ ที่มีความแวววาวระยิบระยับ หมายถึง พระปัญญาธิคุณ คือ พระพุทธเจ้าได้รู้แจ้งเห็นจริง และนำความจริงเหล่านั้น มาเปิดเผยชี้แจงแสดงแก่โลก และส่องแสงสว่างไปไกล - สรรพสัตว์ที่อยู่บริเวณตัวพระอุโบสถ หมายถึง พระมหากรุณาธิคุณ คือ พระพุทธเจ้าทรงมีพระกรุณาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทรงสั่งสอนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและย่อท้อ อีกทั้งก่อนเดินเข้าพระอุโบสถ ก็จะต้องเดินข้ามสะพานสีขาวก่อน ขณะเดินข้ามสะพานได้มองเห็นการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลก ซึ่งเป็นไปตามกรรมที่ทำไว้ ถ้าทำชั่วก็ต้องตกนรก ซึ่งจะเห็นอสูรยืนอยู่ และมีเปรตยื่นมือขึ้นมาขอส่วนบุญส่วนกุศลเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ถ้าเราทำแต่ความดี ตายไปก็จะได้เดินทางไปยังสวรรค์ สะพานสีขาว จึงเปรียบเสมือนเป็นสะพานข้ามไปยังสวรรค์ นั่นเอง ภาพโดยแอป : Canva เมื่อเดินออกมาจากพระอุโบสถ จะเห็นใบโพธิ์เงินถูกแขวนประดับเป็นร่มเงาตลอดทางเดิน ซึ่งมาจากผู้ที่เข้ามาเที่ยวชมวัดได้ทำการจารึกชื่อไว้ในใบโพธิ์แล้วนำแขวนไว้ที่วัดร่องขุ่นแห่งนี้ ถ้าดูจากจำนวนใบแล้ว บ่งบอกถึง มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมวัดอย่างมากมายมหาศาล เห็นแล้วงามตายิ่งนัก เปรียบใบโพธิ์จำนวนมาก เหมือนการแผ่กิ่งใบให้ร่มเงา ให้เราได้ใช้เป็นที่พักพิงอย่างเย็นใจ เพื่อดับคลายความทุกข์ร้อน ภาพโดยผู้เขียน การได้เข้ามาเที่ยวชมวัดร่องขุ่นในครั้งนี้ ทำให้เรารู้สึกได้ว่า ความงดงามของงานพุทธศิลป์ทั้งหมด ที่เห็นภายในวัดร่องขุ่นแห่งนี้ มาจากความตั้งใจจริงของ อ.เฉลิมชัย ที่อุทิศตนเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทั้งสิ้น ทำให้รู้ว่าศิลปะไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลกจริง ๆ เราในฐานะคนไทยต้องช่วยกันสืบสาน อนุรักษ์รักษางานศิลปะไทย ไว้ให้คงอยู่สืบต่อไป สำหรับวัดร่องขุ่น เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน เวลา 6.30 น. - 18.00 น. แนะนำให้มาช่วงเช้าตรู่ หรือไม่ก็ช่วงเย็น เพราะอากาศกำลังเย็นสบาย แถมแสงกำลังดีเหมาะกับการถ่ายภาพสวย ๆ อีกด้วย แต่ขอรบกวนให้แต่งกายสุภาพ เพื่อเป็นการให้เกียรติต่อสถานที่ โดยเฉพาะสุภาพสตรีไม่ควรนุ่งสั้นนะคะ และนักท่องเที่ยวไม่ควรใช้มือลูบสัมผัสลวดลายปูนปั้นต่าง ๆ เพราะจะทำให้แตกหักและเสียหายขึ้นได้ค่ะ รูปหน้าปกและรูปกระกอบโดย ผู้เขียน