เทศกาลผีตาโขน 2565 ที่มาของ ผีตาโขน ประวัติงานประเพณีผีตาโขน ประเพณีบุญหลวง จังหวัดเลย
งานประเพณีบุญหลวง และการละเล่นผีตาโขน 2565 นี้ จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-3 กรกฎาคม 2565 ที่ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ค่ะ ใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวงาน ตามเรามารู้จักกับ ที่มาของ ผีตาโขน และ ประวัติงานประเพณีผีตาโขน ประเพณีบุญหลวง กันได้เลยค่ะ
ประวัติประเพณีผีตาโขน ประเพณีบุญหลวง
งานประเพณีบุญหลวง และการละเล่นผีตาโขน เป็นงานประเพณีประจำปีของชาวอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ค่ะ ซึ่งจะจัดขึ้นหลังวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ที่ถนนหลายๆ สายของอำเภอด่านซ้าย หรือที่อื่นๆ ในจังหวัดเลย โดยเป็นงานที่มีบรรยากาศของความสนุกสนานรื่นเริง และมีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศไทย
witoon214 / Shutterstock.com
การละเล่นผีตาโขน เป็นงานประเพณีที่มีมาอย่างยาวนาน แต่ไม่มีหลักฐานปรากฎแน่ชัดว่าจัดขึ้นตั้งแต่ยุคใด ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ได้ปฏิบัติและสืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษ จึงทำให้งานประเพณีผีตาโขน เป็นประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัดเลย โดยเป็นการนำโดยนำงานบุญหลวง หรือ บุญผะเหวด งานบุญบั้งไฟ งานบุญซำฮะ (สะเดาะเคราะห์บ้านเมือง) และการละเล่นผีตาโขนมารวมเป็นงานเดียวกัน เพื่อเป็นการบูชาอารักษ์หลักเมือง และพิธีการบวงสรวงดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์
เทศกาลผีตาโขน 2565
เทศกาลผีตาโขน 2565 ในปีนี้ จัดขึ้นใน ระหว่างวันที่ 1-3 กรกฎาคม 2565 และยังมีการจัด งานไหลผีตาโขน ไปจนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2565 อีกด้วยค่ะ
กำหนดการในงานประเพณีบุญหลวง และงานผีตาโขน
จะมีหลักๆ 3 วันด้วยกันคือ
วันที่ 1 เป็น เทศกาลผีตาโขน ซึ่งเรียกวันนี้ว่า วันรวม หรือ วันโฮม จะมี พิธีเบิกพระอุปคุต
- พิธีการบวชพราหมณ์ เพื่อเชิญพระอุปคุต
- พิธีแห่จากวัดโพนชัย ไปริมฝั่งแผ่น้ำหมันเพื่อเชิญพระอุปคุต
- พิธีงมพระอุปคุตจากแม่น้ำหมันอัญเชิญขึ้นประดิษฐานหออุปคุต วัดโพนชัย
- พิธีเบิกพระอุปคุต พร้อมยิงปืนทั้ง 4 ทิศ
- พิธีบายศรีสู่ขวัญเจ้าพ่อกวนและเจ้าแม่นางเทียม
วันที่ 2 เป็น วันแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง หรือ ขบวนแห่ผีตาโขน
- พิธีสู่ขวัญพระเวส อัญเชิญพระเวสเข้าเมือง
- ขบวนแห่พระเวสเข้าเมือง (ขบวนแห่ผีตาโขน)
- เจ้าพ่อกวนและคณะ นำขบวนแห่ไปวัดโพนชัยแห่รอบโบสถ์ 3 รอบ
- เจ้าพ่อกวนและคณะจุดบั้งไฟขอฝน
- คณะผู้เล่นบุญนำหน้ากากผีตาโขนน้อยและผีตาโขนใหญ่ทิ้งลงแม่น้ำหมัน
วันที่ 3 เป็น วันฟังเทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์ พิธีสวดมาลัยหมื่นมาลัยแสน ในการฟังเทศมหาชาติ
- พิธีสวดชำฮะเพื่อขอขมาลาโทษสะเดาะเคราะห์รับโชค
- นำอาหารหวานใส่กระทง เพื่อให้ทานสะเดาะเคราะห์ และสืบชะตาบ้านเมือง
- พ่อแสนท้าพิธี “จำเนื้อจำคิง" เพื่อการสะเดาะเคราะห์
- นำเครื่องสะเดาะเคราะห์ทิ้งลงแม่น้ำหมัน
- พิธีคารวะองค์องค์พระใหญ่ โดยเจ้าพ่อกวนและคณะ เป็นอันเสร็จพิธี
และประเพณียังคงมีความเชื่อกันว่า สำหรับคนที่เล่นหรือมีการแต่งตัวเป็น ผีตาโขนใหญ่ ต้องถอดเครื่องแต่งกายผีตาโขนใหญ่ออกให้หมดและนำไปทิ้งในแม่น้ำหมัน ห้ามนำเข้าบ้าน เป็นการทิ้งความทุกข์ยากและสิ่งเลวร้ายไปอีกด้วย
ในปัจจุบันนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมต่างๆ มากมายนอกเหนือจากพิธีดั้งเดิมตามประเพณีต่างๆ คือ การแสดงมหกรรมหน้ากากนานาชาติ การประกวดหน้ากากผีตาโขน การประกวดผีตาโขนน้อย การแสดงของชุมชนต่างๆ การออกร้านขายของต่างๆ มหกรรมอาหาร การแสดงศิลปะ วัฒนธรรมท้องถิ่น การแสดงสินค้าพื้นเมือง จึงเป็นงานใหญ่ของจังหวัดเลยที่มีผู้คนมาเที่ยวชมงานอย่างคับคั่งทีเดียว
ที่มาของผีตาโขน
ต้นกำเนิดของ ผีตาโขน นั้น เดิมมีชื่อเรียกว่า ผีตามคน เป็นเทศกาลที่ได้รับอิทธิพลมาจาก มหาเวสสันดรชาดก ชาดกในพระพุทธศาสนา มีตำนานว่า
เมื่อครั้งพระเวสสันดร และนางมัทรี จะเดินทางออกจากป่ากลับเข้าสู่เมือง มีผีป่าและสัตว์ต่างๆ ที่รักพระเวสสันดรและนางมัทรี พากันแฝงตนมากับชาวบ้านเพื่อมาส่งทั้งสองพระองค์กลับสู่เมืองด่วยความอาลัย นั่นคือที่มาของ “ผีตามคน” หรือ “ผีตาขน” จนกลายมาเป็น “ผีตาโขน” ในปัจจุบันนั่นเองค่ะ
Chaikom / Shutterstock.com
โดยในขบวนแห่ผีตาโขนนั้น ผู้ที่แต่งกายเป็นผีตาโขนนั้น จะต้องสวมหน้ากากที่ทำจากหวดนึ่งข้าวเหนียว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใส และออกเดินร่วมขบวนไปกับขบวนแห่งานบุญหลวง
ปู่เยอ-ย่าเยอ ตำนาน ต้นกำเนิดผีตาขน
นอกจากนี้ ยังมีตำนานที่กล่าวถึง บรรพบุรุษต้นกำเนิดผีตาขน คือ ปู่เยอ-ย่าเยอ ตำนานเล่าว่า ณ เมืองแถน มีเครือเขากาดยักษ์เครือหนึ่ง ขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้าปกคลุมลงมาบนพื้นดินทำให้บดบังแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ บ้านเมืองมีบรรยากาศสลัวมืดมิดและหนาวเย็น ประชาชนเดือดร้อนทำมาหากินไม่ได้
วันหนึ่งมีผู้เฒ่าสองผัวเมีย ชื่อ ปู่เยอ-ย่าเยอ มาขออาสาตัดเครือเขากาดยักษ์นั้น พระยาขุนบูลมจึงถามว่า หากสามารถตัดเครือเขากาดยักษ์ได้ ต้องการอะไรเป็นรางวัล เฒ่าทั้งสองตอบว่าไม่ขอรับของรางวัลใดๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงหากทั้งสองตายขอให้ทุกคนอย่าลืมชื่อของทั้งสองและขอให้เคารพสักการบูชาด้วย
พระยาขุนบูลมจึงรับปาก จากนั้นปู่เยอ-ย่าเยอจึงถือขวานขนาดใหญ่มุ่งหน้าเดินทางไปยังโคนต้นเครือเขากาดยักษ์ทันที และลงมือตัดทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นเวลา 3 เดือนกับอีก 3 วัน จึงสามารถตัดเครือเขากาดยักษ์นั้นลงมาได้
แต่เครือเขากาดยักษ์นั้นมีขนาดใหญ่มาก เมื่อขาดแล้วจึงได้ล้มลงมาทับปู่เยา-ย่าเยอตายในทันที และบรรยากาศมืดมิดก็เปลี่ยนเป็นสว่างกลับมาสู่ผืนแผ่นดินอีกครั้ง ประชาชนก็ทำมาหากินได้ตามปกติ พระยาขุนบูลมพร้อมด้วยไพร่ฟ้าประชาชนจึงตั้งศาลและนำ“ขน” ของปู่เยอ-ย่าเยอไว้เคารพสักการะนับแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดีของปู่เยอและย่าเยอ
ความเชื่อในประเพณีผีตาโขน
มีความเชื่ออีกว่า ประเพณีผีตาโขน เป็นการละเล่นเพื่อบวงสรวงบูชาดวงวิญญาณบรรพชนที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งจะกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองบ้านเมือง ดลบันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ หรือความหายนะก็ได้ ดังนั้นเพื่อให้ดวงวิญญาณบรรพชนพอใจ ชาวบ้านจึงจัดให้มีการละเล่นผีตาโขนขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก