การเขียนถึงเกียวโตครั้งนี้ ผู้เขียนรู้สึกว่าตั้งชื่อเรื่องที่ยากเกินไปให้ตัวเอง เพราะการบรรยายความรู้สึกออกมาจากสิ่งที่เราเห็นและสัมผัสให้มีความ ..น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้.. นั้นยากเหมือนกัน แต่ความเป็นเกียวโตอธิบายได้สั้น ๆ ตามวลีนั้นจริง ๆ นั่งรถไฟจากโอซากา (Osaka) ไป เกียวโต (Kyoto) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ความดีเด่นของกูเกิ้ลแมพ (google maps) เมื่อหาข้อมูลการเดินทางในญี่ปุ่นคือ สามารถบอกราคาตั๋วโดยสารได้ด้วย ทำให้เราวางแผนการเงินได้ง่าย แต่เมื่อออกทางเดินจริง ๆ สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยและเป็นครั้งแรก การเดินทางก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด แต่การหลงทางก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เสมอไป ถ้าไปถึงจุดหมาย การที่ญี่ปุ่นยกเลิกวีซ่าเข้าประเทศให้กับคนไทยถือเป็นโชคดีของคนไทยและก็เป็นผลดีกับญี่ปุ่นเองด้วย สายการบินโลว์คอสต่าง ๆ ที่บินตรงไปสู่ญี่ปุ่นจึงมีให้เลือกมากขึ้น สะดวกและประหยัด วิวสองข้างทางเรียบง่าย เป็นธรรมชาติ และสวย นั่งนับสถานีได้ไม่นานก็ถึงเกียวโต สัมผัสแรกเมื่อถึงเกียวโตคือหนาว เพราะอากาศเย็น และตะลึงในความงามของความเรียบง่ายแบบญี่ปุ่น บ้านเรือน อาคารทุกหลังที่เดินผ่านสวยทั้งหมด มีรายละเอียด จนอยากถ่ายรูปเก็บไว้ทุกอัน เขาตั้งใจทำให้สวยดูดีในแบบของตัวเอง ที่สำคัญคือสะอาดมาก เคยมีคนเล่าว่าคนญี่ปุ่นเขาจะดูแลความสะอาดรอบ ๆ บ้านด้วยตัวเอง แม้แต่การถอนต้นหญ้า ไม่ได้รอแค่เป็นหน้าที่ของเทศบาลเท่านั้น แม้แต่คอมเพรสเซอร์แอร์ก็ยังสวยกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของสวนเล็ก ๆ หน้าบ้าน ผู้เขียนเลือกพักที่เรียวกังแห่งหนึ่ง ตัวบ้านทำด้วยไม้ สูงราวสามชั้น พื้นไม้ ฝาบ้านเป็นไม้และกระจก ในห้องจะปูด้วยเสื่อทาทามิ ทำให้เดินนิ่มสบายเท้ามาก แต่อากาศที่หนาวเย็นแบบนี้แม้จะเปิดฮีตเตอร์และห่มผ้าหนา ๆ ก็ยังหนาวอยู่ ประตูทางเข้าที่พัก ชอบผ้าม่านแบบครึ่งตัวของญี่ปุ่นมาก คนที่อยู่ข้างในจะมองเห็นคนข้างนอกได้ถนัดกว่า ในขณะที่คนข้างนอกมองเข้าไปจะไม่ค่อยเห็นอะไร ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวสำหรับคนที่อยู่ข้างใน โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำผ้าม่านเต็มทั้งผืน รอบ ๆ ที่พักคล้ายเป็นโซนเมืองเก่า บ้านเรือนทำด้วยไม้ มีวัดและศาลเจ้าหลายแห่ง ทำให้สามารถเดินเที่ยวเล่นท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของเดือนธันวาคมได้อย่างอิ่มใจ แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ยังชอบใส่ชุดกิโมโน เดินเล่นถ่ายรูปกับความงามของบ้านเรือน บริเวณย่านนี้ มีรถลากให้บริการนั่งชมเมืองด้วย ป้ายเขียนคำอธิฐานขอพรต่าง ๆ ตามศาลเจ้าหรือวัด ซึ่งผู้เขียนคิดว่าเป็นการทำ mildset ที่ดีอย่างหนึ่ง รูปปั้นหินเล็ก ๆ แบบนี้คือ จิโซ คนญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าคุ้มครองเด็ก ๆ ผ้าที่เอามาผูกไว้ก็เป็นเหมือนเครื่องบูชา ตามศาลต่าง ๆ จะมีผ้าสีผูกไว้ ด้านบนคือกระดิ่ง และกล่องไม้ด้านล่างคือกล่องรับบริจาค วิธีการคือให้โยนเหรียญลงกล่องก่อน สั่นกระดิ่งสองครั้ง โค้งคำนับและอธิฐาน จากนั้นปรบมือสองครั้งและโค้งคำนับ ท่ามกลางผู้คนที่กำลังเดินทาง นักบวชท่านนี้ยืนสงบอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำคาโมะ ที่นิ่ง สวยงาม และสะอาด เป็นสายธารหล่อเลี้ยงชีวิตและจิตใจของชาวเกียวโต สุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอขอบคุณชาวญี่ปุ่นที่ดูแลบ้านเมืองได้อย่างดีมาก นอกจากเกียวโตจะเป็นสมบัติของชาวญี่ปุ่นเองแล้ว ยังเป็นสมบัติของทุกคนบนโลกนี้ด้วย เรื่องราวและภาพถ่ายโดยผู้เขียน