เวลาเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ สิ่งที่นักท่องเที่ยวจะทำนอกเหนือจากการไปเยือนสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นสถานที่ขึ้นชื่อ (Landmark) หรือสถานที่แนะนำ (Recommended Place) ของประเทศนั้น ๆ แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้น่าจะเป็นการไป "ชอปปิ้ง" ไม่ว่าจะซื้อใช้เอง ซื้อฝากครอบครัว ฝากเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน ซึ่งทุกครั้งสิ่งที่เราซื้อกลับมาก็คงหนีไม่พ้นของขึ้นชื่อ ของที่เป็นเอกลักษณ์ (Signature) หรือของที่ผลิตในประเทศนั้น ๆ ส่วนตัวผู้เขียนไม่ใช่สายเน้นชอปปิ้งเวลาไปเที่ยวเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็มีบ้างที่จะมองหาสิ่งของซัก 2-3 ชิ้นมาครอบครอง สปอยล์ตัวเองบ้างเพื่อเป็นกำไรและความสุขให้กับชีวิต :) โดยในบทความนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำสิ่งของน่าซื้อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ จะมีอะไรน่าซื้อกลับมาบ้างน้า มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ 1. ใครเป็นสาย Chocolate Lover ต้องไม่พลาด Ghirardelli Chocolate ที่มีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองแซนแฟรนซิสโกค่ะ มีขายทั้งแบบเป็นแท่ง (Bar) และเป็นชิ้น ๆ อยู่ในแพ็คสวยงาม โดยถ้าเป็นรสดาร์กช็อคโกแล็ต (Intense Dark Chocolate) จะมีระดับความขมให้เลือกด้วยค่ะ แบ่งเป็น 60% > 72% > 86% > 92% สามารถเลือกได้ตามระดับความขมขื่นในชีวิต แหมไม่ใช่สิ เลือกได้ตามระดับความชอบของแต่ละคนเลยค่ะ :) นอกจาก Intense Dark Chocolate เพียว ๆ แล้ว ก็ยังมีการนำรสชาติอื่นมาฟีชเชอริงด้วย เช่น คาราเมล ราสเบอร์รี หรือ ซีซอลท์ เป็นต้น ราคาเริ่มต้นถ้าเป็นแบบแท่ง (Bar) อยู่ที่ประมาณ 2-3 ดอลลาร์ ก็ประมาณ 60-90 บาท ซึ่งสามารถซื้อเป็นของฝากเด็ก ๆ เพื่อน ๆ ได้สบายค่ะ ถ้าเป็นแพ็คแบบคละรสชาติ ราคาก็จะสูงขึ้นมาหน่อยอยู่ที่ 25-35 ดอลลาร์ จะซื้อแบบแพ็คแล้วเอาแบ่งกันทางคนละ 2-3 ชิ้นก็ยังถือว่าเลิศอยู่เหมือนกันค่ะ ถ้าใครไปร้านที่เป็น shop ใหญ่ จะมีเครื่องดื่ม และขนมสั่งทานในร้านได้ หรือถ้าใครไม่มีโอกาสได้ผ่านไปที่ shop สามารถหาซื้อ Ghirardelli Chocolate ตาม Mart ต่าง ๆ เช่น CVS หรือ Walgreens ได้ด้วยเหมือนกันค่ะ สะดวกสบาย เข้าถึงง่ายมาก ๆ เลยค่ะ พิกัดร้านที่แซนแฟรนซิสโก: The Original Ghirardelli Ice Cream & Chocolate Shop at Ghirardelli Square 900 North Point Ste 52 San Francisco, CA 94109 (ภาพร้าน Ghirardelli, San Francisco ถ่ายภาพโดยผู้เขียน: Little Rabbit) 2. ยังคงเป็นของน่าซื้อสำหรับสาย Chocolate Lover ค่ะ ใครชอบดื่มช็อคโกแลตร้อน แบบแค่ฉีกซอง เติมน้ำร้อน คน พร้อมดื่ม ขอแนะนำยี่ห้อ Swiss Miss ค่ะ ซึ่งมีทั้งแบบที่เป็น Milk Chocolate, Dark Chocolate, Chocolate Hazelnut, Caramel Delight และอื่น ๆ อีกมากมายหลายรส แต่ที่อยากแนะนำ คือ Marshmallow ค่ะ เมื่อฉีกซอง เติมน้ำร้อนแล้ว จะมีเจ้า Marshmallow ก้อนขาว ๆ ลอยตัวขึ้นมา คือมันดีมากกกกก รสชาติไม่หวานจนเกินไป และก็ไม่ขมจนเกินไป เมื่อก่อนเคยหาซื้อที่เมืองไทยได้ตาม Tops Supermarket แต่เดี๋ยวนี้ตามหาทุกที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Gourmet Market, Villa Market ก็ไม่เจอเลยค่ะ เป็นเศร้า เอาเป็นว่าใครไปเที่ยวอเมริกา แนะนำให้ซื้อกลับมานะคะ ขนาดกล่องที่ขายมีหลายขนาดอยู่ โดยข้างในกล่องจะแบ่งเป็นซอง ๆ กล่องเล็กสุด คือ มี 8 ซอง ราคาประมาณ 3 ดอลล่าร์ (ประมาณเกือบ ๆ 100 บาทเท่านั้น) ซื้อได้ตาม Mart ต่าง ๆ เช่น CVS, Walgreens หรือตามห้าง Walmart, Target ก็หาซื้อได้เช่นกันค่ะ (ภาพ Hot Chocolate with Marshmallow ถ่ายภาพโดยผู้เขียน: Little Rabbit) 3. ไอเทมน่าซื้อสำหรับสาว ๆ ที่ปัญหากวนใจเรื่องขนหน้าแข้ง ขอแนะนำมีดโกนยี่ห้อ Billie ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์คค่ะ โดยทางแบรนด์เคลมว่าออกแบบมาเพื่อสรีระของผู้หญิงโดยเฉพาะ ผู้เขียนลองซื้อมาใช้แล้ว พบว่าโกนได้กริ๊บมากค่ะ แถมผิวบริเวณที่โกนไม่แห้ง ไม่เจ็บ ไม่แสบด้วย แต่ที่ชอบที่สุด คือ ดีไซน์แสนเกร๋ ตัวมีดโกนด้านหลังจะมีแม่เหล็ก และในกล่องจะมีเซตสำหรับห้อยมีดโกนให้มาค่ะ มีกาว 2 หน้าชิ้นเล็ก ๆ ให้มาติดตัวห้อยด้วยค่ะ อินดีเทลไปอีกกกก โดยตัวมีดโกนเองมีทั้งหมด 5 สีค่ะ DreamPop / Blush / Coral / Cool Blue / Periwinkle เป็นสีน่ารัก ๆ ทั้งนั้นเลย ในเว็บไซต์ https://mybillie.com/ ขายชุด Starter Kit อยู่ที่ 9 ดอลลาร์ หรือประมาณเกือบ ๆ 300 บาท ซึ่งถูกมากกกกก ที่เมืองไทยมีขายออนไลน์อยู่เหมือนกันค่ะ แต่มีแค่ 4 สี ไม่มีสี DreamPop และราคาอยู่ที่ประมาณ 890-990 บาทเลยทีเดียว นอกจากมีดโกนแล้ว ทาง Billie ยังมีขาย Shave Cream เมื่อให้การโกนของเราลื่นไหลไม่มีสะดุด แถมยังมี Case สำหรับมีดโกนไว้สำหรับพกพาตอนเดินทางไปท่องเที่ยวอีกด้วย น่ารักมาก ๆ ไม่ซื้อไม่ได้แล้วนะคะ (ภาพ Set มีดโกน Billie ของจริงที่ซื้อมา ถ่ายภาพโดยผู้เขียน: Little Rabbit) 4. ของน่าซื้อแนะนำลำดับที่ 4 ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าของ Neutrogena รุ่น Oil-Free Acne Wash Pink Grapefruit Facial Cleanser ซึ่งเป็นเจลล้างหน้าที่มีสารสกัดของ Pink Grapefruit ใช้ล้างหน้าได้แบบสะอาดมาก แต่หน้าไม่แห้งเลย แถมกลิ่นหอมอ่อน ๆ อีกด้วยค่ะ ตอนล้างหน้าแต่ละครั้งไม่ต้องใช้ปริมาณเจลเยอะด้วย กดจากขวดมาแค่นิดเดียว แล้วถูกับฝ่ามือ จากนั้นก็ล้างหน้าตามปกติเลยค่ะ ขวดนึงขนาด 6 ออนซ์ (177 มิลลิลิตร) ถ้าล้างหน้าทุกวัน วันละ 2 ครั้งเช้าเย็น คือใช้ได้ประมาณ 1 ปีเลยค่ะ คุ้มมาก ๆ ขวดนึงราคาอยู่ที่ประมาณ 9 ดอลลาร์ หรือประมาณไม่ถึง 300 บาท ถือว่าถูกมาก ๆ เลยนะคะ หาซื้อได้ง่ายตาม Mart ต่าง ๆ เช่นกันค่ะ ซึ่งกลิ่น Pink Grapefruit นี้ขอบอกว่ายังไม่มีขายในเมืองไทยด้วยนะคะ ถ้าไปเที่ยวอเมริกาอย่าลืมจัดกลับมาน้าา ผู้เขียนซื้อกลับมาแค่ 1 ขวดตอนไปเที่ยวครั้งก่อน เกิดติดใจจนต้องสั่งผ่าน Online เพิ่ม ใน e-Bay มีขายนะคะ ราคาเท่ากับที่ขายใน Mart แต่มีบวกค่าส่งมาไทยนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับแต่ละร้าน ใครสนใจลองไปส่อง ๆ กันดูได้นะคะ (ภาพเจลล้างหน้าที่ซื้อมา ถ่ายภาพโดยผู้เขียน: Little Rabbit) 5. สุดท้ายยังเป็นของน่าซื้อสำหรับสาว ๆ นั่นก็คือ น้ำหอม นั่นเองค่ะ จากที่ผู้เขียนไปสำรวจราคาที่ร้าน Sephora ที่อเมริกามา น้ำหอมในร้านนี้ไม่ได้ถูกกว่าเมืองไทยไปทั้งหมดนะคะ บางยี่ห้อรวม Tax แล้ว ราคาเท่า ๆ กับที่ไทยเลย แต่ ๆ ๆ ยี่ห้อที่ถูกว่าเมืองไทยมากกก ที่ผู้เขียนไปสอยกลับมา คือ น้ำหอมในตำนานความหอมของผู้หญิง Chanel Chance กลิ่น Fruity Floral นั่นเองค่ะ ตัวที่เป็น Toilette ขนาด 3.4 ออนซ์ (100 ml) ราคาอยู่ที่ 115 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 3,600 บาทเท่านั้นค่ะ ส่วนตัวที่เป็น Parfum ขนาดเท่ากันราคาจะอยู่ที่ 135 ดอลลาร์ หรือประมาณ 4,200 บาท ซึ่งที่เมืองไทยขายกันอยู่ที่ 5,100 บาทสำหรับ Toilette และ 6,600 บาทสำหรับ Parfum ดังนั้นที่อเมริกาจึงถูกกว่าที่ไทยถึง 2,000 บาทเลยค่ะ ต่อให้บวก Tax เข้าไปอีก 10-12% ก็ยังถูกกว่าอยู่ดี สาว ๆ คนไหนชอบน้ำหอม Chanel Chance ตัวนี้พลาดไม่ได้เลยนะคะ ผู้เขียนซื้อมาใช้มีแต่คนทักว่าตัวหอมมาก ใช้น้ำหอมอะไร ผู้หญิงเราไม่ต้องสวยมากก็ไม่เป็นไรนะคะ แต่ต้องสะอาดและตัวหอมไว้ก่อนค่ะ พิกัดร้าน Sephora มีอยู่ทั่วไปตามแหล่งชอปปิ้งของอเมริกาเลยค่ะ หรือจะทำการบ้านก่อนไปก็ดีนะคะ ว่าเมืองที่เราไปมีสาขาอยู่ตรงจุดไหนบ้าง แอบกระซิบว่าซื้อของในร้าน Sephora ที่นี่เค้ามีแถมนู่นแถมนี่ให้เยอะเลยค่ะ แถมสมัครสมาชิกให้อีกต่างหาก เรียกว่าคุ้มหลายต่อกันเลยทีเดียว (ภาพน้ำหอมที่ซื้อมา ค่อย ๆ ใช้ กลัวหมด ถ่ายภาพโดยผู้เขียน: Little Rabbit) ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวอเมริกา แล้วนึกของฝากให้ตัวเอง และคนที่รักไม่ออก ลองดูตามที่ผู้เขียนแนะนำไปนะคะ เชื่อว่าต้องโดนกลับมากันบ้างแหละ 😄