ไปกรุงเทพฯครั้งนี้ตั้งใจว่าขากลับจะพาลูกชายนั่งรถไฟ เพราะเด็กชายไม่เคยนั่งรถไฟเลย ครั้งนี้จะเป็นการนั่งรถไฟครั้งแรกของเขา แม่ได้สอบถามตารางการเดินรถไฟสายใต้ กรุงเทพ- สุไหงโก-ลก จากเพื่อนที่ใช้บริการรถไฟขึ้นลงกรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก อยู่เป็นประจำ ได้ข้อมูลว่ารถไฟเที่ยวแรก บ่ายโมงตรง และเที่ยวที่สองบ่ายสาม พอถึงวันเดินทางเราเตรียมแพ็กกระเป๋าให้กระทัดรัดที่สุด เพราะกว่าจะเดินทางจากที่พัก มาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงต้องใช้เวลาและต้องต่อรถเมย์ถึง 2 ต่อ เพราะฉนั้นอะไรที่ไม่จำเป็นเราจะตัดออกให้หมดเอาเฉพาะเท่าที่จำเป็นที่สุด สถานีรถไฟหัวลำโพง เรามาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงเวลา 11.30 น. ซื้อตั๋วรถไฟเที่ยว 13.00 น. ตีตั๋วรถไฟจากสถานีกรุงเทพฯ-สถานีพัทลุง เนื่องจากตู้นอนและตู้นั่งพิเศษนั้นเต็มหมด เลยได้ตู้ชั้น 3 มา แถมได้ที่นั่งหันหน้าเข้าหากันอีกด้วย การเดินทางครั้งนี้จะเป็นการเดินทางโดยรถไฟครั้งแรกในชีวิตของเด็กชาย ส่วนแม่นั้นการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางโดยรถไฟครั้งแรกสำหรับสายใต้ ก็คงจะสนุกและได้ประสบการณ์ใหม่ๆ บ้างหละคราวนี้ บนรถไฟ เวลายังพอมีเหลือได้หาอะไรกินก่อนเดินทาง แม่บอกเด็กชายว่ากินเยอะๆ กินให้อิ่มไปเลย เพราะบนรถไฟอาหารจะแพง กว่าจะถึงต้องนั่งรถอีกหลายชั่วโมง ด้วยความที่ไม่ได้ใช้บริการรถไฟไทยนานมาก น่าจะ 10 ปีกว่าๆ จึงไม่รู้ว่าราคาอาหารการกินบนรถไฟนั้นเป็นยังไงบ้างแล้ว เลยบอกลูกชายไปแบบนั้น กินข้าวเสร็จ เรารีบเข้ามินิมาร์ทเพื่อตุนเสบียง พวกน้ำ นม ขนม “หยิบไปเยอะๆ นะ หยิบไปให้พอกินต้องนั่งรถอีกหลายชั่วโมง” แม่ย้ำอีกครั้ง ซื้อของเสร็จเราเดินไปที่ชานชลา เด็กชายดูจะตื่นเต้นกับตู้เหล็ก ที่ต่อกันยาวๆ เป็นสิบตู้ เราได้ตู้ที่ 5 ของขบวน แม่บอกเด็กชายเดินนำหน้าหาหมายเลข 5 เจอแล้วตู้หมายเลข 5 ของเรา รีบเดินขึ้นไปหาที่นั่งตามหมายเลขในตั๋วกัน ได้ที่นั่งแล้ว จัดแจงเก็บกระเป๋าสัมภาระให้เรียบร้อย เวลา 13.30 น.(ออกช้าเหมือนเดิม)รถไฟเริ่มเคลื่อนขบวน เด็กชายมองข้างหน้าต่างตลอดทาง แม้ข้างทางจะเป็นตึกก็ตาม พอขบวนรถไฟออกพ้นกรุงเทพฯ แต่ละสถานีจะมีแม่ค้าพ่อค้าเอาของกินขึ้นมาขาย มากมาย แถมไม่แพงอย่างที่คิด ราคา 10 บาท 20 บา เพื่อนคนที่ให้ข้อมูลเรื่องรถไฟสายใต้ กำชับว่า “อย่าลืมก๋วยเตี๋ยวแห้งราชรีห่อละ 10 บาท” ต้องกินให้ได้นะ เขากำชับย้ำหลายครั้ง ก๋วยเตี๋ยวราชรี กับ นครปฐม มาแล้วแม่! เด็กชายรีบทักเมื่อคนขายก๋วยเตี๋ยวหิ้วตะกร้าเดินผ่าน แม่เลยซื้อไว้ 5 ห่อ แต่พอถ่ายรูปส่งไปให้ผู้แนะนำดูปรากฏว่าไม่ใช่ อันนี้มันของนครปฐม เด็กชายหัวเราะชอบใจในความผิดพลาดของแม่ พอถึงสถานีราชรี เราได้ก๋วยเตี๋ยวแห้งราชรีกันอีกคนละกล่องเพราะความอยากลอง ก๋วยเตี๋ยวแห้งนครปฐมนั้น รสชาติจะออกหวานเส้นที่ใช้เป็นเส้นบะหมี่ สีเหลืองไข่อ่อนๆ ในห่อมีหมูชิ้นอยู่สองสามชิ้น ห่อรวมมากับถั่วงอก โรยกุ้งแห้งและใส่เครื่องปรุงน้ำตาลพริกป่นมาในห่อจึงทำให้เด็กชายกินไปบ่นไป บอกว่าเผ็ดแต่อร่อย ส่วนก๋วยเตี๋ยวปลาราชรี ที่ร่ำลือว่าเป็นทีเด็ดนั้น จะมาในรูปแบบกล่องโฟมเล็กๆ ในกล่องมีลูกชิ้นปลาอยู่นิดหน่อย เรื่องรสชาตินั้นปรุงมาได้กลมกล่อมพอดีตัวแบบไม่ต้องปรุง แต่คนขายยังอุตส่าห์ใจดี ใส่น้ำตาลกับพริกมาที่มุมกล่อง สำหรับใครที่ชอบกินเผ็ดอาจจะถูกใจ แต่สำหรับเด็กชายแล้ว กินไปเหมือนร้องไห้ไป ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนเพราะแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง และรสชาติก๋วยเตี๋ยวที่เผ็ดเกินพอดีสำหรับเขา จึงทำให้กินไปปาดเหงื่อไป เด็กชายชิมแล้วทั้งสองยี่ห้อ จึงตัดสินให้นครปฐมเป็นผู้ชนะเลิศ ที่จริงก๋วยเตี๋ยวแห้งที่ซื้อไว้เรากินกันไม่หมดหรอก เพราะทั้งแม่และลูกได้กินข้าวไปกันคนละจานแถมกินขนมที่ซื้อจากร้านค้าก่อนขึ้นรถอีกด้วย ต้นตาลเพชรบุรี ขบวนเคลื่อนผ่านทุ่งนาต้นตาล จึงเดาได้ว่านั่นคือ จังหวัดเพชรบุรีนั่นเอง แม่ถ่ายรูปไปก็บ่นไป “เสียดายไม่น่ามีสายไฟเลย” เด็กชายพูดด้วยความรู้สึกนึกคิดที่ใสๆ “แม่ฝั่งนั้นไม่มีสายไฟก็จริงแต่ฝั่งนั้นมันไม่มีพระอาทิตย์” แม่ได้ยินถึงกับสะดุดใจในคำพูดของเด็กชายวัย 9 ขวบ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนบรรยากาศบนรถไฟไทย ดูเหมือนจะยังคงความเป็นเอกลักษณ์เดิมๆ ไว้อยู่อย่างนั้น ผู้คนที่ใช้บริการรถไฟ ไม่ใช่เพื่อนก็เหมือนเพื่อน ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ ไม่รู้จักก็เหมือนรู้จัก เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ขึ้นมาบนรถแล้ว ต่างพูดคุยทักถามกันได้หมด ไม่มีแบ่งแยกชนชั้น ไม่แบ่งแยกการศึกษา คำถามที่พบบ่อยๆ คือ จะไปไหน ไปลงไหน กินอะไรหรือยัง บางครั้งมีหยิบยื่นน้ำท่า และอาหารให้กัน แสดงถึงน้ำใจของเพื่อนร่วมเดินทางที่พบเจอได้บนขบวนรถไฟ ทั้งนี้ในอีกมุมหนึ่ง ของความมากหน้าหลายตา ร้อยพ่อพันแม่ อาจมีผู้ที่แอบแฝงมาในคราบของมิตรภาพแต่ลับตาอาจจะหยิบเอาข้าวของมีค่าของเราไปก็เป็นได้ เพราะฉนั้นแล้วไม่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหน ก็ควรระวังสิ่งของมีค่าให้ดี ควรเก็บไว้กับตัวตลอดเวลา ถ้าสูญหายขึ้นมาก็ยากที่จะตามทวงคืนได้ การเดินทางครั้งนี้ถือว่าเป็นการใกล้ชิดกันและพูดคุยกันมากขึ้นจากการใช้ชีวิตปรกติที่แม่เอาแต่ทำงานไม่ค่อยได้คุยอะไรเล่นๆ กันมากนักดวงตะวันคลอยต่ำลงเรื่อยๆ ถึงสถานีหัวหินก็มืดพอดี เด็กชายเมื่อกินอิ่มจึงหลับไป จนถึงรุ่งเช้าเวลา ตี 5 กว่าๆ ขบวนรถไฟเคลื่อนถึงสถานีปลายทางพัทลุง เด็กชายลงจากรถไฟ และไม่ลืมที่จะโบกมือหยอยๆ อำลาขบวนรถไฟ การเดินทางครั้งนี้ ประมาณ 15 ชั่วโมง ถือว่าเป็นประสบการณ์และความทรงจำดีๆ ของเด็กชายวัย 9 ขวบ ครั้งแรกกับการใช้บริการรถไฟไทยสายใต้ ภาพประกอบโดยผู้เขียน