รีเซต

๙ สถานที่ ตามรอยพระบาทพ่อหลวง ร.๙ ครั้งที่เสด็จฯ ในอดีต

๙ สถานที่ ตามรอยพระบาทพ่อหลวง ร.๙ ครั้งที่เสด็จฯ ในอดีต
Filmthii
2 ตุลาคม 2560 ( 09:37 )
14.2K

       พวกเราคงได้เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ มากันบ่อยครั้งนับไม่ถ้วน เราเห็นท่านเสด็จฯ ไปตามสถานที่ต่างๆ มากมายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ครั้งนี้เพื่อร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เราจึงอยากแนะนำ ๙ สถานที่ ตามรอยพระบาทพ่อหลวง ร.๙ ครั้งที่เสด็จฯ เดินทางไปเยี่ยมเยียนเหล่าราษฎรในสมัยอดีต กันครับ

 

BorripatBKK / Shutterstock.com

 

 

(๑)

ภูกระดึง

เลย

 

9 Place King Rama 9

ภูกระดึง ปี พ.ศ.๒๔๙๘ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้มีหมายกำหนดการเสด็จฯ เยี่ยมพสกนิกร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นภาคแรก และได้ประทับเฮลิคอปเตอร์จากจังหวัดขอนแก่น มายังอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ทั้งสองพระองค์ได้ประทับช้างทอดพระเนตรทัศนียภาพอันสวยงามของอุทยานแห่งชาติภูกระดึงและได้ปลูกต้นสนสามใบไว้เป็นที่ระลึก

 

ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตั้งอยู่ที่อำเภอภูกระดึงในจังหวัดเลย เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศไทย เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม ในแต่ละปีจึงมีคนมาเที่ยวเฉลี่ยหลายหมื่นคน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวมักมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปพักผ่อนบนภูกระดึงจำนวนมาก ภูกระดึงได้รับการจัดตั้งเป็นป่าสงวนแห่งชาติในปี พ.ศ. 2486 และเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2502 โดยเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่สองถัดจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

==========================

 

(๒)

เขาช่องกระจก

ประจวบคีรีขันธ์

 

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเสด็จฯ เขาช่องกระจก และทรงพระราชดำเนินขึ้น บันไดไปยังพระเจดีย์บนยอดเขา ทรงประกอบพิธีบรรจุ เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๐๑ พร้อมทั้ง ทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ไว้ ณ บริเวณนั้น จากลานยอดเขานี้เอง ทำให้เห็นทิวทัศน์เขาตะนาวศรี อ่าวประจวบฯ เขาตาม่องล่าย เขาล้อมหมวก และตัวเมืองประจวบฯ ได้โดยรอบ

 

ปัจจุบันเขาช่องกระจกเป็นภูเขาขนาดเล็กตั้งอยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัดติดต่อกับอ่าวประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีลักษณะเด่นก็คือใกล้กับ ยอดเขาทางด้านทิศเหนือ จะเป็นช่องเขาขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากกระแสลมและกระแสน้ำตามธรรมชาติ และถ้ามองจากด้านล่างจะเห็นว่าตรงช่องเขาแห่งนี้ มีลักษณะคล้ายกับกระจกใสขนาดใหญ่ส่วนด้านบนยอดเขานั้นเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และรอยพระพุทธบาทจำลอง

โดยรอยพระพุทธบาทจำลองแห่งนี้แรกเริ่มเดิมทีนั้นสร้างโดย หม่อมเจ้าทองเติม ทองแกม ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยญาติพี่น้องเพื่อเป็นที่สักการะของประชาชน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2473

==========================

 

 

(๓)

พระปรางค์สามยอด

ลพบุรี

 

9 Place King Rama 9

 

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเป็นประธานเปิดค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อวันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑

 

 

ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี บนเนินดินด้านตะวันตกของทางรถไฟ ใกล้กับศาลพระกาฬ เป็นปราสาทศิลาแลงแบบขอมเรียงต่อกัน 3 องค์ เชื่อมต่อกันด้วยมุขกระสัน ภายในบริเวณนอกจากปราสาททั้ง 3 องค์นี้แล้ว ทางด้านทิศตะวันออกของปราสาทประธานมีการต่อเติมวิหารก่ออิฐถือปูนเชื่อมต่อกับปราสาทประธานเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ครองราชย์ พ.ศ. 2199 -2231)

==========================

 

 

(๔)

หาดสุรินทร์

ภูเก็ต

 

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ณ หาดสุรินทร์ อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๑๐

 

ปัจจุบันหาดสุรินทร์ เป็นหาดที่มีชื่อเสียงของภูเก็ตอยู่ห่างจากตัวเมือง ๒๔ กิโลเมตร แม้ตัวหาดจะไม่เหมาะที่จะเล่นน้ำ แต่ตัวหาดจะมีแหล่งท่องเที่ยวเกิดขึ้นมากมาย ทั้งร้านอาหารทะเลสดๆ และสนามกอล์ฟ

==========================

 

 

(๕)

ภูทอก

บึงกาฬ

 

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงนมัสการพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ณ วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ต.นาแสง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ โดยมีพระราชดำรัสจัดสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อพระราชทานแก่ประชาชน และทรงมีพระราชดำรัสทางธรรมะ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๐

 

ปัจจุบันภูทอกเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและปฏิบัติศาสนกิจของชุมชน บันไดขึ้นภูทอกแบ่งเป็น 7 ชั้น ชั้นที่ 4 เป็นสะพานลอยเวียนรอบเขา มองเบื้องล่างเห็นเนินเขาเตี้ย ๆ สลับกัน เรียกว่า “ดงชมพู” ชั้นที่ 4 เป็นที่พักของแม่ชี ชั้นที่ 5 มีศาลาและกุฏิที่อาศัยของพระ จากชั้นที่ 6 สู่ชั้นที่ 7 เป็นสะพานไม้ยาว 400 เมตร เวียนรอบเขาหน้าผาสูงชัน สุดทางชั้น 7 เป็นป่าไม้ร่มครึ้ม

==========================

 

 

(๖)

แก่งสะพือ

อุบลราชธานี

 

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังแก่งสะพือ อ.พิบูลมังสาหาร ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามมาก ทรงประทับพลับพลาริมแก่งสะพือ ซึ่งทางการจัดไว้ถวายแล้วเสด็จพระราชดำเนินลงไปตามก้อนหิน ทอดพระเนตรสายน้ำ แล้วเสด็จยังพระราชทานพระปรมาภิไธยบนแผ่นศิลา ซึ่งนายอำเภอพิบูลมังสาหาร ขอพระราชทานไว้เป็นที่สักการะของประชาชนต่อไป

 

แก่งสะพือ เป็นแก่งหินที่สวยงามในลำน้ำมูล ตั้งอยู่ที่บ้านสะพือใต้ ตำบลโพธิ์ศรี อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี มีลักษณะเดียวกันกับที่ “สามพันโบก” นั่นคือในช่วงฤดูน้ำหลาก แก่งหินจะจมอยู่ใต้น้ำ และจะถูกกัดเซาะด้วยแรงของกระแสน้ำวนจนเกิดเป็นแอ่งเล็กแอ่งน้อย

เมื่อน้ำในลำน้ำมูลแห้งขอดในฤดูแล้ง แก่งหินดังกล่าวก็จะโผล่พ้นน้ำกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติกลางแม่น้ำมูล เป็นโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมความสวยงามของแก่งหินที่ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเว้าแหว่ง มองเห็นเป็นภาพศิลปะ ทั้งรูปวงกลม วงรี รูปดาว และรูปอื่นๆ อีกมากมาย ตามแต่จะจินตนาการ ซึ่งบรรยากาศแบบนี้จะมีให้สัมผัสเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคมเท่านั้น

==========================

 

 

(๗)

เมืองโบราณ

สมุทรปราการ

 

 

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ ออกต้อนรับและรับรอง สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธ และเจ้าชายฟิลลิป ณ บริเวณหน้ากำแพงเมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ

 

เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2506 โดยนายเล็ก วิริยะพันธุ์ นักธุรกิจเจ้าของบริษัทวิริยะประกันภัย เป็นสถานที่รวบรวมวัฒนธรรม ของไทย อาทิ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคอีสาน ห่างจากตัวจังหวัด 8 กิโลเมตร มีพื้นที่ 800 ไร่

ลักษณะที่ดินมีผังบริเวณคล้ายรูปขวาน เหมือนกับอาณาเขตของประเทศไทย ภายในจะมีโบราณสถาน ปูชนียสถาน วัดโบราณ พระราชวัง ต่างๆ เป็นต้น และยังมี ส่วนรังสรรค์เป็นสถานที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของไทย มีไว้จัดแสดงที่นี่ด้วย ภายในเมืองโบราณยังมีค่ายพักแรม ชื่อว่า “ค่ายริมขอบฟ้า”

==========================

 

 

(๘)

อ่าวพังงา

พังงา

 

 

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยเรือรบหลวงถึงอ่าวพังงา มีนายมนัส เจริญประสิทธิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายกและคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดเฝ้าฯ รับเสด็จฯ

 

อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในจังหวัดพังงา มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 400 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ป่าชายเลนผืนใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์คงสภาพธรรมชาติดั้งเดิมอยู่มาก เป็นป่าชายเลนกว้างใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในปัจจุบัน โดยมีเนื้อที่ป่าโดยรวมทั้งจังหวัด 190,265 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 18.17 ของเนื้อที่ป่าชายเลนทั้งประเทศ เขตอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงานับตั้งแต่เขตอำเภอเมืองพังงา เลียบตามชายฝั่งจนถึงเขตอำเภอตะกั่วทุ่ง

และบริเวณพื้นน้ำในทะเลอันดามัน ซึ่งมีพื้นที่ร้อยละ 80 ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ประมาณ 42 เกาะ เช่น เกาะเขาเต่า เกาะพระอาตเฒ่า เกาะโบยน้อย เกาะโบยใหญ่ เกาะรายาหริ่ง เกาะพนัก เกาะห้อง เกาะปันหยี เขาพิงกัน เป็นต้น

อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ สวรรค์ทะเลใต้ เที่ยวเกาะห้อง พายแคนู ที่อ่าวพังงา

==========================

 

 

(๙)

เขื่อนสิริกิติ์

อุตรดิตถ์

 

 

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดเขื่อนสิริกิติ์ อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๐

 

เขื่อนสิริกิติ์ หรือที่เรียกกันในชื่อท้องถิ่นว่า เขื่อนท่าปลา จัดเป็นเขื่อนดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่ในอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ กั้นแม่น้ำน่าน ที่ไหลลงมาจากอำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน เดิมอยู่ในความดูแลของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายหลังได้ติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงาน และมอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับผิดชอบดูแลต่อไป ทั้งนี้พื้นที่เหนือเขื่อนเป็นแอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์

 

 

และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง จากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในภูมิภาคประเทศ ที่พระองค์เคยเสด็จฯ และยังมีที่อื่นๆ อีกมายมายที่เราไม่ได้นำเสนอครับ

 

 

 

 

สถานที่เที่ยว โครงการหลวง ที่น่าสนใจอื่นๆ

9 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ งานของพ่อ เพื่อชาวไทยทุกคน

ปักหมุดแผนที่ ตามรอย โครงการหลวง

 

 

อัพเดทที่พักสุดชิลล์ ที่เที่ยวสุดมันส์ ที่กินสุดฮิป

ติดตาม travel.trueid.net ได้ที่

Facebook Twitter

และ แอปพลิเคชั่น

TrueID Application Add friend ที่ ID : @TrueID