คืนถิ่นซัวเถา แวะ 5 ที่เที่ยว ชิม 5 อาหารอร่อย ในบ้านเกิดชาวไทยเชื้อสายจีน

     เมืองซัวเถา ประเทศจีน ที่นี่มีของดีมากมายที่มากกว่าแค่การมาเยี่ยมญาติของครอบครัวชาวจีนแล้วนะ ที่สำคัญคือเดี๋ยวนี้เขามีสายการบินบินตรง กรุงเทพ-ซัวเถา แล้วด้วย มีที่เที่ยวน่าสนใจมากกว่าที่คิด บ้านเมืองมีความเจริญมากมาย ผิดหูผิดตาจากสมัยก่อนที่บรรพบุรุษของเราหอบเสื่อผืนหมอนใบ ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงเมืองไทยเมื่อนานมาแล้ว

เมือง ซัวเถา อยู่ตรงไหนของแผ่นดินจีน ?

     ซัวเถา เป็นเมืองท่าที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลกวางตุ้ง ภาษาจีนกลางเรียกเมือง ซ่านโถว (Shàntóu) ครับ แม้สมัยก่อนเมืองนี้จะเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ค่อนข้างอดอยากเนื่องจากภัยสงครามอยู่เนืองๆ แต่ปัจจุบันก็มีความเจริญเติบโตกลายมาเป็นเมืองท่าสำคัญ และเป็นเมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีน

     คำว่า ซัวเถา หรือซ่านโถว มีความหมายว่า หัวภูเขา นั่นเองครับ เพราะบริเวณซัวเถาทั้งเป็นเกาะทั้งเป็นแผ่นดินใหญ่ มีหินก้อนโต เป็นเหมือนหัวภูเขามากมาย เลยได้ชื่อเมืองเป็นเช่นนี้

5 สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในซัวเถา

1. สุสานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เจิ้งหวางมู่

Sumeth anu / Shutterstock.com

     รู้ไหมครับว่า ที่ซัวเถานั้นมีสุสานของอดีตพระมหากษัตริย์ไทย สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ด้วย เพราะซัวเถาเป็นบ้านเกิดบิดาของท่านนั่นเองครับ สุสานนี้มีชื่อเรียกว่า เจิ้งหวางมู่ หรือถ้าเป็นภาษาแต้จิ๋วจะอ่านว่า แต่อ่วงหมอ

2. สะพานวัวคู่ เซียงจื่อเฉียว

Sumeth anu / Shutterstock.com

     มีชื่ออีกชื่อว่าสะพานกว่างจี้ เป็นสะพานเก่าแก่ของที่นี่ครับ ใช้สำหรับสัญจรข้ามแม่น้ำหานเจียง มีความยาวถึง 515 เมตร โดยในช่วงกลางสะพานจะใช้เรือ 18 ลำมาเชื่อมต่อกัน เพื่อจะได้สามารถเปิด-ปิดได้ในยามที่มีเรือต้องการแล่นผ่าน นับเป็นสะพานแห่งแรกของเมืองจีนที่เปิด-ปิดได้ด้วย

3. ศาลเจ้าแม่ทับทิบ ไฮตังม่า

     ศาลแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะหม่าสือ บริเวณปากอ่าวซัวเถา ซื่งชาวเมืองเชื่อกันว่าท่านจะคอยปกปักรักษาชาวประมง ทำให้คลื่นลมสงบยามเดินเรือ ทั้งยังคุ้มครองชาวเมืองที่ต้องอาศัยอยู่กับทะเลด้วย มีความเชื่อด้วยว่าหากใครอยากให้ชีวิตราบรื่น ก็ให้มาสักการะ ขอพรที่ศาลเจ้าแม่ทับทิมแห่งนี้ หรือใครที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวบ่อยๆ ก็มาขอพรให้เจ้าแม่ช่วยคุ้มครอง ปลอดภัยยืนหนึ่งได้เช่นกัน

4. ศาลเจ้าไต่ฮงกง

     ท่านไต่ฮงกง เป็นที่นับถือของชาวจีนทั้งในแถบนี้ และชาวจีนโพ้นทะเล และยังเป็นแหล่งกำเนิดของมูลนิธิปอเต็กตึ้ง ในประเทศไทยด้วย ซึ่งท่านไต่ฮงกงเป็นพระสงฆ์ที่ชอบช่วยเหลือผู้คน ช่วยฝังศพคนไม่มีญาติ จนมีผู้คนเลื่อมใสศรัทธาอย่างมากมาย

5. วัดไคหยวน

     ไม่ไกลจากซัวเถานัก เป็นที่ตั้งของวัดไคหยวน วัดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองแต้จิ๋ว สร้างเพื่อรำลึกถึงเสนาบดีหันเหวินกงผู้ซื่อตรงสมัยราชวงศ์ถัง แต่ถูกขุนนางกังฉินยุยงฮ่องเต้ และโดนเนรเทศลงมาภาคใต้ ซึ่งเป็นเมืองแต้จิ๋วในปัจจุบันนั่นเอง วัดนี้เคยถูกไฟไหม้ไปหลายครั้งแต่ได้รับการบูรณะให้กลับมามีสภาพคงเดิม

อาหารอร่อยซัวเถา มีอะไรกินบ้าง ?

     มาถึงถิ่นทั้งทีแล้ว ยังไงก็ต้องลองอาหารซัวเถาให้ได้นะครับ สไตล์อาหารที่นี่ก็จะเป็นแบบอาหารแต้จิ๋วนั่นเอง เน้นการนึ่ง ต้มเป็นหลัก ปรุงแต่งไม่เยอะ เน้นชูจุดเด่นของวัตถุดิบออกมาให้มากที่สุด ซึ่งแม้หน้าตาจะละม้ายคล้ายคลึงกับที่เรากินในบ้านเราเองอยู่แล้ว แต่คงเป็นเพราะความเป็นต้นกำเนิดล่ะมั้ง เลยทำให้รู้สึกว่ารสชาติดีงามกว่าในไทยอยู่ เราจึงรวมของกินมาให้ 5 อย่างด้วยกัน ที่คิดว่าต้องโดนครับ

1. ออส่วนหอยนางรม

     ใช่ครับ มันคือออส่วนปกติที่เรารู้จักกันอยู่แล้ว แต่สำหรับที่ซัวเถานั้นเขาจะเน้นหอยนางรมเป็นหลัก ที่สำคัญคือมาแบบแป้งกรอบๆ กัดไปทีดังกร๊อบบบเลยล่ะ ซึ่งจะต่างจากในไทยที่ออส่วนจะเน้นแบบแป้งนิ่มกันซะมากกว่า

2. ห่านพะโล้

     ห่านพะโล้ซัวเถานั้นเขาจะใช้ห่านสิงโต ซึ่งจะมีไซส์ใหญ่ เนื้อแน่น หนังมีความมันวาว เคี้ยวแล้วแทบจะละลายหายไปทันที ด้านของน้ำพะโล้นั้นต้องบอกเลยว่าของแต้จิ๋วนั้นเขาเป็นคนคิดค้นขึ้นเอง ฉะนั้นเรื่องความหอมของเครื่องเทศต่างๆ ต้องยกให้เขาจริงๆ

3. ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อ

     ที่ซัวเถานี้ยังเป็นต้นกำเนิดของอาหารที่คนไทยคุ้นเคยที่สุดอย่าง ก๋วยเตี๋ยว นั่นเองครับ ซึ่งคำนี้เป็นภาษาแต้จิ๋วแท้ๆ แน่นอน เส้นที่ใช้จะแบน ใหญ่ และหนา (แต่ยังไม่เท่าเส้นใหญ่บ้านเรา) ส่วนลูกชิ้นเนื้อนั้นอร่อยเด็ดจริง ทั้งเด้ง แน่นหนึบ และหอมกลิ่นเนื้อชัดเจน

     ใครที่งงว่าคนที่นี่เขาก็นับถือเจ้าแม่กวนอิม แล้วทำไมกินเนื้อ? อันนี้ก็ต้องบอกว่า มันเป็นความเชื่อเฉพาะของคนไทยเชื้อสายจีนนั่นเอง คนจีนรับประทานกันเป็นปกติจ้า

4. ติ่มซำ

     เป็นอีกหนึ่งของกินราคาไม่แพงในซัวเถา แถมยังหากินได้ง่ายด้วย ใครรู้สึกไม่อิ่มกับอาหารจีนทั่วไปตามร้าน บอกเลยว่าฝากท้องกับติ่มซำที่คุ้นเคยได้เลย คนซัวเถานั้นกินติ่มซำกันเยอะมาก จนแทบจะกินแทนข้าวกันเลย โดยเฉพาะกุยช่ายที่มีให้เลือกหลายไส้ ทั้งมันหวาน เผือก ถั่ว บัวหิมะ ฯลฯ หรือจะเป็นพวกขนมจีบ ฮะเก๋าก็มีเหมือนกัน (แต่เสียดายบ้านเขาไม่กินกับน้ำจิ้มเปรี้ยว จิ๊กโฉ่ว แบบบ้านเราแฮะ ไม่รู้ทำไม)     

5. สตรอเบอรี่เคลือบน้ำตาล

     จบท้ายด้วยของหวานล้างปากกันหน่อย ที่หาได้ง่ายที่สุดก็คือขนมประเภทเคลือบน้ำตาลต่างๆ หรือ ถังหูลู่ โดยเฉพาะสตรอเบอรี่เคลือบน้ำตาลที่เราคิดว่ารสชาติเข้ากันมากที่สุดแล้ว ทั้งเปรี้ยวทั้งหวานอยู่ด้วยกัน เห็นว่าช่วงอากาศร้อนเขาจะไม่ค่อยเอามาขายกัน เพราะถ้าร้อนๆ น้ำตาลมันจะเยิ้ม และไม่เคลือบจนเป็นกระจกนั่นเอง

===============