มีบางสถานที่ท่องเที่ยวที่เราเพียงได้ยินชื่อ ก็ให้นึกเบื่อเอือมระอาว่า จะน่าสนใจคุ้มค่ากับการไปเยือนหรือไม่... ยิ่งเป็นหอศิลป์ แสดงภาพขะยุกขะยุย ปาดสีน้ำไปมา แล้วก็มองไม่ออกว่ามันคืออะไรก็ยิ่งทำให้มึนงงสงสัยมากขึ้นไปอีก... แต่การมาเมืองน่านนั้น.. หลายครั้งไปในที่ ๆ ไม่คิดว่าจะมีอะไรน่าสนใจ แต่เมื่อเข้าไปสัมผัสแล้วก็พบว่าหลายแห่งเหมือนมีมนต์เสน่ห์ดลใจให้หลงรักหลงใหลได้โดยไม่ยากนัก ไม่ว่าะเป็นผู้คน เหตุการณ์ สถานที่ และเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลัง ยิ่งทำให้การค้นหา และการเดินทาง เป็นไปอย่างมีความหมายมากขึ้น เรียกว่าครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้รับรู้ ได้สัมผัส เป็นประสบการณ์ที่จะบอกเล่าให้กับผู้คนที่ไม่เคยผ่านมาได้รับรู้เรื่องราว และเข้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวนั้น ๆ ได้ อย่างชื่นใจ และได้รับสัมผัสที่ดีงามเช่นที่เราเคยได้รับมาแล้ว หอศิลป์ ริมน่าน เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ขอแนะนำให้ผู้ที่ผ่านมาที่จังหวัดน่าน ได้หาเวลาไปเที่ยวให้ได้สักครั้ง แล้วจะรู้สึกประทับใจ ไม่รู้ลืม.... การเดินทางไปหอศิลป์ ริมน่าน ออกจากตัวเมืองไปแค่ 21 กิโลเมตร ถ้าขับรถเองก็ตั้งจีพีเอสไปไม่ยาก เริ่มต้นจากวัดภูมินทร์กลางเมืองขับไปทางบิ๊กซี ใช้เส้นทางท่าวังผาก็จะไปถึงหอศิลป์ได้โดยง่าย โดยขับผ่านหน้าศูนย์ราชการ แล้วไปยูเทิร์น เพื่อเลี้ยวขวาผ่านเส้นทางเลี่ยงเมือง ผ่านไร่ศรีภิรมย์ ถึงสามแยกใหญ่แล้วเลี้ยวซ้าย ไปทางอ.ท่าวังผา อ.ปัว (ทางเดียวกัน) ผ่านศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติของจังหวัดน่าน ถ้าขับรถทำความเร็วมาก ๆ ออกจากเมืองจะใช้เวลาประมาณ 18 นาที ... แต่ต้องคอยมองริมทางด้านขวามือก่อนถึงจะเป็นร้านกาแฟ-แช่น้ำจุดเช็คพอยน์ของนักท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน จากตรงนั้นผ่านไปอีก 2 กิโลเมตร ก็จะถึงยังหอศิลป์ริมน่านที่ผู้เขียนได้แนะนํา... เผอิญว่าผู้เขียนไปช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ วันสุดท้ายปีเก่า 2562 ซึ่งมีรถผ่านเยอะมาก ทางเข้าก็เป็นช่วงโค้ง กว่าจะเลี้ยวเข้าไปได้ก็ใช้เวลาเป็นนาที.... สภาพถนนทางเข้าก็ยังเป็นหินเกล็ดและดินลูกรัง และดินฝุ่นฟุ้งกระจายทั่วไป... ค่าเข้าชมคนละ 20 บาท ไป 5 คนก็ 100 บาทพอดี... เดินเข้าไปด้านใน จะมีป้ายหอศิลป์ริมน่านตัวหนังสือสีทองบนป้ายไม้แบบคลาสสิคสวยงาม ด้านข้างจะมีรถตู้เก่า ๆ จอดประดับอยู่ตกแต่งสาดสีสวยงามสมกับเป็นหอศิลป์ ด้านซ้ายมือเป็นห้องแสดงรูปปั้นของเก่า ด้านหน้ารูปปั้นโลหะรูปกระซิบรัก และตะโกนบอกรัก ที่ว่าตะโกนบอกรัก เหตุเพราะสมัยหนุ่มสาวอาจใช้วิธีกระซิบแล้วได้ยิน เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานอายุอานามมากขึ้น คำกระซิบกระซาบอาจไม่ได้ยินแล้ว ก็เลยต้องใช้วิธีตะโกนแทน... เข้าไปด้านในจะห้องแสดงของเก่ามีพระพุทธรูป และรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมพร้อมทั้งรูปวาดพิมพ์ลายโบราณปู่ม่าน ย่าม่าน รูปสลักดุลเป็นรูปครุฑ รูปสลักยันต์เสือและรูปอื่น ๆ อีกหลายแบบลายโบราณ น่าค้นหาเรื่องราวที่อยู่ในภาพ.. ยิ่งโดยเฉพาะภาพสาวงามที่หน้าคล้ายกับเบลล่า ราณี ดาราทีวีเรื่องบุพเพสันนิวาส พอเข้าไปอ่านประวัติความเป็นมาของภาพก็ทราบว่าเป็นภาพในจินตนาการของผู้เขียน ที่เชื่อว่าเป็นภาพของพระนางปทุมมาราชเทวี ผู้มีศรัทธาสร้างองค์พระธาตุวัดสวนตาล ในวาระครบ 600 ปี ภาพโดยศิลปิน วินัย ปราบริปู สวยงามน่าชมยิ่งนัก... ออกจากห้องแสดงพระพุทธรูปของเก่าดังว่าแล้ว ข้ามถนนทางเล็กไปด้านขวาจะเป็นห้องแสดงภาพศิลป์ซึ่งแปลกตาหลายอย่าง รูปที่เห็นครั้งแรกก็เป็นรูปที่เขียนด้วยดินผสมสี 2 รูปเป็นรูปบุคคลสำคัญที่มีคุณูปการ เช่น หมอท่านหนึ่งซึ่งเคยสนองงานในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เคยเสด็จมาเมืองน่าน... รูปศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ซึ่งท่านเป็นชาวต่างประเทศผู้มารับราชการในประเทศไทยเมื่อสมัยอดีต.เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ.. ตั้งแต่เงินเดือน 700 บาท.. และเป็นผู้มีคุณูปการแก่ประเทศเป็นอย่างมากจนปัจจุบัน... ภายในหอแสดงภาพศิลป์จะมีภาพของ วินัย ปราบริปู เป็นส่วนใหญ่ มีรูปปั้นชำเลืองรัก โคลงสี่สุภาพของท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์.. ที่อ่านแล้วสุดประทับใจ อีกทั้งรูปรักอมตะก็ชวนเคลิบเคลิ้มกับถ้อยคำที่เขียนอยู่บนภาพวาด... ที่สุดของที่สุดก็คือ ภาพวาดฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ที่ทรงพระราชทานไว้ให้ประชาชนชาวน่านได้ชม ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นแก่ชาวน่านที่อยู่บนชั้นสองของหอแสดงภาพ เดินออกมาจากหอศิลป์ก็เป็นเฮือนพญาผาบ ซึ่งเป็นผู้ปกครองถิ่นของน่านสมัยก่อน เป็นบ้านเรือนไทยสองชั้น ชั้นบนจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณซึ่งรุ่นเด็ก ๆ ลูกหลานคงไม่เคยเห็นเป็นแน่แท้... กลับจากหอศิลป์ด้วยความอิ่มใจและรู้สึกคุ้มค่ากับค่าผ่านประตูเพียง 20 บาท แต่ได้รับรู้เรื่องราวและเห็นสิ่งต่าง ๆ มากมายที่เป็นของเก่าของดีเมืองน่าน หากผู้อ่านท่านใดแวะมาเที่ยวจังหวัดน่านก็ขอแนะนำอีกสถานที่หนึ่งที่น่ามาสัมผัสครับ