เรื่องเกิดที่ ณ นครวัดนครธม นะ ณ ปี 2548 เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสไปดูงานที่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชาหรือเขมรที่คนไทยรู้จักกันดี เมื่อถามคนไทยว่าอยากไปเที่ยวประเทศไหน คงไม่มีใครพูดถึงเขมรก่อนแน่ๆนะครับ ผมก็เช่นกันละครับ แต่เมื่อมีโอกาสได้ไปฟรีก็ควรจะไปเที่ยวละหาความรู้รอบตัวเพิ่มเติมด้วยครับ ผมก็เลยรีบเริ่มหาข้อมูลสถานที่เที่ยวเลยครับ เสียมราฐ หรือชื่อท้องถิ่นว่า เสียมเรียบ เป็นเมืองในประเทศกัมพูชาตั้งอยู่ใกล้นครวัด นครธม และปราสาทขอมอื่น ๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเมืองพระนคร แหล่งมรดกโลกของกัมพูชา ถ้านึกถึงหน้าตานครวัดนครธมไม่ออก ก็ลองหาดูธงชาติเขมรเลยครับ นั้นละจุดหมายปลายทางของผมในการเดินทางครั้งนี้ มีเพียง 2 ประเทศในโลกเท่านั้นที่มีสถานที่มีชื่อเสียงของประเทศบนผืนธงชาตินะครับ อีกประเทศหนึ่งคือ... อัฟกานิสถานนะครับ ขอบคุณรูปภาพ daniel-bernard,unsplash ณ เสียมเรียบ ถึงแล้วครับโดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เร็วกว่าการเดินทางในกรุงเทพอีก มาถึงก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกแบบเขมรเลยครับ นี่รึสนามบินเขมร สนามบินต่างจังหวัดที่เมืองไทยยังดูดีกว่าเลยครับ มีไกด์ชาวเขมรมารอต้อนรับคณะเราเลยพร้อมคำทักทายภาษาเขมรว่า “ซัวซไดย” แปลว่า “สวัสดี” หลังจากนั้นก็พาพวกเราไปโรงแรมที่พัก คำนิยามของคำว่าประเทศที่ด้อยพัฒนาเป็นอย่างไร ระหว่างทางบนถนนหนทางคุณจะได้พบคำตอบพร้อมภาพสดโดยโดยตัวคุณเองเลยนะครับ ขอบคุณรูปภาพจาก angkor feel,unsplash ขอบคุณรูปภาพจาก vouchlim-ton,unsplash พอถึงประตูทางเข้าโรงแรมจะพบรูปแกะสลักหญิงสาวร่ายรำ 2 คน หน้าตายิ้มแย้มอัธยาศัยดีมากเลยครับ เราเรียกว่านางอัปสรหรือนางอัปสรา (เทพธิดาแห่งความดีที่คอยปกป้องรักษาสถานที่เทวสถานต่างๆในเขมร) ดังนั้นจะไม่แปลกเลยครับว่าคุณไปที่ไหนในเมืองนี้คุณจะพบกับพวกเธอเหล่านี้ หลังจากเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยเราก็ต้องไปทำงานละครับ ไปสถานที่ก่อสร้างแห่งหนึ่งที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในเมืองนี้ครับ การก่อสร้างคือการพัฒนาจากที่ดินที่ไม่มีมูลค่าพัฒนาให้มีมูลค่ามากขึ้น หลังจากประชุมเสร็จเรียบร้อย ไกด์ท้องถิ่นของเราก็ได้พาเราไปเที่ยวปราสาทหินเล็กๆแห่งหนึ่งเพื่อดูความงามตอนพระอาทิตย์ตกดินที่ทางทิศตะวันตก พวกเราก็ต้องปีนป่ายขึ้นไปถึงบนจุดชมวิวพร้อมเหงื่อที่ชุ่มโชก หลังจากเสียพลังงานไปเยอะ เริ่มหิวละแต่พอไปถึงร้านอาหารก็ทานไม่ค่อยลง อาหารแปลกๆ คล้ายๆกับอาหารอีสานบ้านเรา พอทานเสร็จก็ยังไม่ดึกมาก ไกด์ได้พาพวกเราไปคาราโอเกะ ที่นี่ทำให้เราพอเข้าใจได้ดีเลยว่าทำไมที่เมืองไทยจึงมีคนเขมรอยู่เยอะมากมาย ทำไมองค์กรการกุศลต่างชาติต่างๆถึงต้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กๆที่นี่ครับ คนเราเลือกเกิดไม่ได้จริงๆครับแต่พวกเค้าเลือกที่จะทำได้ ถ้าพวกเค้ามีโอกาสได้รับการศึกษา คุณภาพชีวิตของพวกเค้าน่าจะดีขึ้นกว่านี้นะครับ ร้านอาหารเครื่องดื่ม ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆจะคิดราคาหน่วยเป็นดอลลาร์ ขอบคุณรูปภาพจาก camille,unsplash , camille,unsplash เช้าวันต่อมาพวกเราก็ได้ไปดูสิ่งที่เรียกว่าสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่มีชื่อเสียงที่สุดในเขมร ก็คือนครวัด สุดยอดปราสาทขอมปราสาทหินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นเทวสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีหินทรายเป็นวัสดุก่อสร้างหลัก มันกว้างขวางใหญ่มาก มิน่าถึงมีคนบอกว่าครั้งหนึ่งในชีวิตคุณต้องมาให้ได้นะครับ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากมายมาที่นี่ครับ รวมถึงมีคนไทยด้วยครับ ไม่เหงาแล้วครับ ต่อมาผมก็ได้พบกับเพื่อนใหม่ สาวหมวยชาวจีนที่มาพร้อมกับเพื่อนๆ ว่าแต่ทำไมถึงได้มีรูปคู่กับเค้านะ... นึกออกละครับเพราะว่าเค้าวานผมให้ช่วยถ่ายรูปหมู่ของกลุ่มเค้า ผมเลยขอถ่ายรูปกับเค้าเป็นที่ระลึกหน่อยครับ ภาพที่ 1 ขอบคุณรูปภาพจาก james-wheeler.unsplash ที่นี่คุณยังจะได้พบกับนางอัปสราถึงพันกว่าองค์ แต่ละองค์จะมีลีลาท่าทางต่างกันไป คือมีทั้งนางอัปสรายิ้มเห็นฟัน นางอัปสราลิ้นสองแฉก นางอัปสราเซเลอร์มูน (หายากหน่อย แต่ก็เจอนะครับ) นางอัปสรานุ่งมินิสเกิร์ต กว่าจะเดินปีนป่ายขึ้นบนยอดปราสาทเสร็จ ออกมาเหงื่อชุ่มอีกแล้วครับ ภาพที่ 2/3 ขอบคุณรูปภาพจาก siddhesh-mangela,unsplash, julia-volk,pexels ขอบคุณรูปภาพจาก alex-borghi,pexels ขอบคุณรูปภาพจาก bckfwd.unsplash ขอบคุณรูปภาพจาก giuliano-gabella,unsplash ตอนบ่ายเราก็ไปนครธมเป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายที่เข้มแข็งและรุ่งเรืองสูงสุดของเขมร ปราสาทที่นี่จะเล็กกว่านครวัด เราจะเห็นภาพเศียรแกะสลักเป็นพระพักตร์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรผินพระพักตร์ไปทั้งสี่ทิศ เห็นแล้วก็อดทึ่งไม่ได้นะครับ คนเขมรสมัยก่อนทำไมมีความสามารถได้ขนาดนี้นะ รูปสลักที่เราเห็นนั้นไม่เพียงแค่สะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองของศิลปวัฒนธรรมเขมรสมัยนั้นแต่ยังแสดงถึงว่าพวกเค้ามีความเลื่อมใสในศาสนาเป็นอย่างมากด้วยครับ กว่าจะเริ่มต้นจากการจัดวางผัง วางตำแหน่งของรูปสลักต่างๆ เริ่มวาดภาพทำร่างแกะสลัก สมควรเลยที่เราจะให้สถานที่แห่งนี้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งครั้งหนึ่งในชีวิตพวกคุณ คุณควรจะมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งนะครับ ภาพที่ 4 ภาพที่ 5 ขอบคุณรูปภาพจาก kevin-bluer,unsplash ขอบคุณรูปภาพจาก wei-gao,unsplash ภาพที่ 6 หลังจากนั้น เราก็ได้ไปตลาดขายของ สินค้าก็เหมือนเมืองไทยเลย คนขายก็พูดไทยได้ชัดเจน เพราะนักท่องเที่ยวชาวไทยไปเที่ยวเยอะ ถ้าคุณดูแค่เพียงรูปถ่ายก็อาจบอกได้ว่าที่นั่นคือเมืองไทย ณ วันสุดท้ายที่ได้ดูรูปถ่ายที่ผมได้ถ่ายไว้ ทำให้เข้าใจสำนวนเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ได้ดีเลยครับ เพราะถ่ายรูปมาดูผิวคล้ำโทรม เหมือนชาวเขมรมากเลยครับ อากาศร้อนแดดแรงมาก ค่าครองชีพก็แพงแต่ก็ต้องกินต้องใช้ตามคนอื่น ณ วันนั้นสถานที่ผมไปทำงานคือพิพิธภัณฑ์เสียมเรียบ แต่ ณ วันนี้คือ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกอร์ นะครับ เรื่องราวของ “ณ" และ "นะ” ก็มาถึงตอนจบแล้วนะครับ ลองนับดูกันนะครับว่าเรื่องนี้ผมมีการใช้ “ณ" และ "นะ” กี่คำครับ “ออกุนเจริญ” คือ ขอบคุณครับในภาษาไทยครับ ขอบคุณรูปภาพหน้าปก anne-nicole.unsplash ขอบคุณรูปภาพจากผู้เขียน ภาพที่1-6 และหน้าปก ชื่อ นักเขียน นายประสงค์ เกตุสมบูรณ์ศักดิ์ 0968680875 อัปเดตบทความท่องเที่ยวตามสถานที่อันหลากหลาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !