นอกจากดอกทิวลิปและกังหันลมแล้ว สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของประเทศเนเธอร์แลนด์คือการปั่นจักรยาน ไม่ว่าจะไปทำงาน ไปรับ-ส่งลูกหลานที่โรงเรียน ไปหาเพื่อน ไปหาหมอ ไปซื้อของ ชาวเนเธอร์แลนด์ต่างนิยมใช้จักรยานในการเดินทาง เนื่องด้วยมีเส้นทางจักรยานที่ปลอดภัย สะดวกและเชื่อมหากันได้ทุกที สภาพอากาศที่ไม่ร้อนมากเกินไปของทวีปยุโรป อีกทั้งภูมิประเทศที่เป็นพื้นที่ราบ จึงทำให้ชาวดัตช์เลือกที่จะปั่นจักรยานมากกว่าการใช้รถยนต์ส่วนตัว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สวนดอกไม้ในเนเธอร์แลนด์ต่างออกดอกเบ่งบาน หากเพื่อนๆได้มีโอกาสไปเยือนประเทศเนเธอร์แลนด์และอยากจะลองปั่นจักรยานชมเมืองดูซักครั้ง ก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบการปั่นจักรยานอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของเพื่อนๆและผู้ใช้ถนนคนอื่นๆด้วย วันนี้ผู้เขียนจึงขอแชร์กฎระเบียบพื้นฐานในการปั่นจักรยานในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่เพื่อนๆต้องรู้ก่อนที่จะไปปั่นจริงอุปกรณ์ที่ต้องมี คือ ต้องติดไฟหน้า ไฟท้ายและกระดิ่งที่จักรยาน หากไม่มี 3 สิ่งนี้ อาจทำให้เพื่อนๆโดนโทษปรับได้ อุปกรณ์ที่ควรมี แต่ไม่บังคับ คือ หมวกกันน็อกจักรยาน เพื่อนๆคงแปลกใจใช่มั้ยล่ะคะว่าทำไมหมวกกันน็อกจึงไม่ใช่อุปกรณ์ที่จำเป็นที่สุด นี่ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ เพราะผู้ใช้จักรยานบางคนเชื่อว่าการใส่หมวกกันน็อกไม่ได้ช่วยลดอุบัติเหตุระหว่างรถยนต์กับจักรยานและจักรยานด้วยกันเอง อีกทั้งการหอบหิ้วหมวกกันน็อกจักรยานไปทุกที่ก็เป็นภาระและอาจทำให้คนใช้จักรยานลดลง แต่คงเถียงไม่ได้ว่าหมวกกันน็อกช่วยลดความรุนแรงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากสวมใส่ก็ทำให้ปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้นจึงยังไม่มีกฎระเบียบบังคับใส่หมวกกันน็อก เว้นแต่เด็กเล็กที่จำเป็นต้องใส่หมวกกันน็อกในระหว่างที่ปั่นจักรยานในเมืองใหญ่ของเนเธอร์แลนด์จะมีเลนสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ ซึ่งพื้นจะเป็นสีแดง หากเพื่อนๆปั่นจักรยานช้าให้ชิดขวา ถ้าต้องการแซงจักรยานข้างหน้าให้กดกระดิ่งส่งสัญญาณ แล้วแซงซ้าย การแซงขวาถือว่าผิดกฎระเบียบและเป็นการกระทำที่อันตรายมากหากต้องการเลี้ยวซ้ายหรือขวา ให้ส่งสัญญาณมือบอกผู้ขับขี่ด้านหลังโดยการกางแขนออกไปประมาณ 45 องศาทางด้านที่ต้องการเลี้ยว หากเพื่อนๆอยู่ทางแยก แล้วไม่แน่ใจว่าเราอยู่ทางหลักหรือทางรอง ให้สังเกตสัญลักษณ์บนเลน ถ้าพบว่าเลนของเพื่อนๆมีรูปวาดคล้ายฟันปลาฉลามสีขาว เพื่อนๆกำลังอยู่บนทางรอง ดังนั้นเพื่อนๆต้องรอให้รถทางหลักไปก่อน จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีรถแล้วจึงจะสามารถปั่นต่อไปได้ ในเมืองเล็กๆ จะไม่มีเลนสีแดงสำหรับจักรยานชัดเจน หากเจอป้ายจราจรรูปจักรยานหมายความว่าสามารถปั่นจักรยานได้ หากมีป้ายจราจรลูกศร 2 อันชี้ขึ้นและลง หมายความว่าสามารถปั่นจักรยานสวนทางกันได้และให้ระวังจักรยานที่สวนทางมา จากรูปด้านบนเป็นถนนในเขตชุมชนปกติ สามารถปั่นจักรยานร่วมกับรถยนต์ได้ แต่ต้องปั่นชิดขวาตลอดห้ามปั่นจักรยานในพื้นที่เขตย่านการค้าหรือเขตที่อนุญาตสำหรับคนเดินเท้าเท่านั้น หากเพื่อนๆอยากเข้าไปเขตนั้น ให้จอดจักรยานในจุดจอดและล็อกจักรยานไว้กันสูญหายหรือสามารถเดินจูงจักรยานเข้าไปได้ห้ามใช้และจับโทรศัพท์มือถือระหว่างปั่นจักรยานเด็ดขาด (No hand-held cell phone use) ถ้าต้องการใช้โทรศัพท์มือถือให้จอดจักรยานในจุดที่ไม่กีดขวางการจราจรก่อน เช่น จอดและยกจักรยานขึ้นมาจอดบนริมทางเท้าแล้วจึงจะสามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้ หากเพื่อนๆต้องการดูแผนที่บนมือถือขณะปั่นจักรยาน ก็ควรใช้ที่จับยึดโทรศัพท์มือถือไว้ ขอแถมอีกข้อสำหรับเพื่อนๆที่อยากเดินเล่นชมเมือง ห้ามเดินบนเลนจักรยานเด็ดขาดนะคะ ต้องเดินบนทางเท้าเท่านั้น จริงอยู่ที่ผู้ใช้จักรยานจะกดกระดิ่งให้เราระวังและเดินหลบ แต่ผู้ใช้จักรยานบางคนอาจบ่น สบถ และอาจเฉี่ยวชนเราก็ได้นะคะ เพราะเราไปล้ำเส้นพื้นที่ของเค้าเอง ดังนั้นเพื่อนๆควรระวังกันด้วยนะคะสุดท้ายนี้ ไม่ว่าเพื่อนๆจะไปประเทศไหน จะไปปั่นจักรยาน เช่ารถ เดินชมเมืองหรือใช้รถขนส่งสาธารณะ การปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบของประเทศนั้นๆ ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ขอให้มีความสุขกับทุกๆการเดินทางนะคะ Geniet van je reisภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียนเองส่องที่เที่ยว พิกัดลับห้ามพลาด มุมถ่ายรูปสวยที่ทรูไอดีคอมมูนิตี้