แม้ว่าการไปเที่ยวทริป “ปาย...มาแว้ว” จะผ่านล่วงเลยมาเกือบ 6 ปีแล้ว แต่ทริปนี้ยังคงอยู่ในความทรงจำของเราเสมอ วันนี้เราเลยจะมาย้อนความทรงจำในการเที่ยวทริปนี้แทนความคิดถึงค่ะ สำหรับใครที่วางแผนว่าจะไปเที่ยวที่นี่ในช่วงปลายปีก็เที่ยวทิพย์ผ่านการอ่านรีวิวนี้ไปก่อนนะคะ แหม่...เกริ่นซะนาน เพื่อน ๆ คงเบื่อแย่ งั้นมาเที่ยวพร้อม ๆ กันเลยค่ะ! ^^วันแรกทริปนี้เดินทางไกลมาก เพราะต้องขึ้นเครื่องบินไปลงสนามบินเชียงใหม่และนั่งรถตู้เปรมประชาที่สถานีขนส่งเชียงใหม่ไปยังเมืองปายอีก 3 ชั่วโมงด้วยเส้นทาง 752 โค้ง หากใครเมารถ อย่าลืมเตรียมถุงเปล่าด้วยนะคะ หรือถ้าต้องการไปถึงเร็ว ๆ ก็สามารถนั่งเครื่องต่อไปยังสนามบินปายได้เลย แต่เราขอแนะนำว่าให้นั่งเครื่องจากกรุงเทพฯ ไปถึงปายเลยจะสะดวกที่สุดค่ะพอมาถึงสนามบินดอนเมืองปุ๊บ เราก็เข้าแถวเช็กอินและตรวจกระเป๋า จากนั้นก็ไปกินอาหารเช้าก่อนขึ้นเครื่อง แต่ระหว่างเดินเข้าไปข้างในก็ถ่ายรูปแสงอาทิตย์ยามเช้ากันหน่อยค่ะ ^^โชคดีที่เราจองที่นั่งติดริมหน้าต่าง (เพิ่มเงินจองอีก 70 บาท) ระหว่างนั่งเครื่องบิน เลยได้ถ่ายรูปวิวด้านล่างค่ะออกจากสนามบินแล้วก็รอรถตู้มารับไปสถานีขนส่งผู้โดยสารอาเขต เพื่อนั่งรถตู้ต่อไปยังเมืองปาย เมื่อเดินทางมาถึงแล้วก็เช็กอินเข้าที่พัก “อ๋อ...อยู่ปาย” พร้อมทั้งจ่ายค่า One Day Trip ที่ทางที่พักหาให้ (สำหรับใครที่ขี้เกียจเดินไปถนนคนเดินเพื่อหาซื้อ One Day Trip จองผ่านทางที่พักได้จะสะดวกสุด) จากนั้นก็ไปกินข้าวและซื้อของใช้นิดหน่อย จึงกลับมาถึงที่พัก เพื่อพักผ่อนก่อนออกไปกินอาหารเย็นและเดินเล่นที่ถนนคนเดินแล้วก็กลับมาอาบน้ำนอนค่ะวันที่สองวันที่สองเป็นวันที่เราตื่นเช้ามาก ๆ ประมาณตี 3 - 4 เพื่อให้ทันขึ้นรถตู้ไปเที่ยว ซึ่งสถานที่เที่ยวแห่งแรกที่เดินทางไปคือ “ปางอุ๋ง” หรือ “โครงการพระราชดำริปางตอง 2” ค่ะ“ปางอุ๋ง” หรือ “โครงการพระราชดำริปางตอง 2” เป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริของ ร.๙ ที่ทรงต้องการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ทางธรรมชาติให้มีความสมบูรณ์ยั่งยืน รวมถึงพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น เนื่องจากในอดีตเคยเป็นพื้นที่ติดชายแดนไทย-พม่าที่มีการปลูกฝิ่น ค้ายาเสพติด และตัดไม้ทำลายป่า ด้วยบรรยากาศและธรรมชาติที่สวยงามคล้ายประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์ไทยแลนด์” หรือ “สวิตเซอร์แลนด์แดนสามหมอก” ถือได้ว่าเป็นสถานที่สุดไฮไลท์ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน และหากใครมาเที่ยวชมปางอุ๋งห้ามพลาด “การล่องแพไม้ไผ่” เด็ดขาดเลยนะคะ (สามารถอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่บทความ “ล่องแพไม้ไผ่เที่ยวชมบรรยากาศสวิตเซอร์แลนด์แดนสามหมอก ณ “ปางอุ๋ง” จังหวัดแม่ฮ่องสอน”)หลังจากล่องแพไม้ไผ่ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางของปางอุ๋งแล้วก็ขึ้นรถไปเที่ยว “บ้านรักไทย” ต่อค่ะ“บ้านรักไทย” แต่เดิมชื่อว่า “บ้านแม่ออ” ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงใกล้กับชายแดนไทย-พม่า ซึ่งบ้านรักไทยเป็นชุมชนชาวจีนยูนนานที่อาศัยอยู่ร่วมกับพี่น้องชนเผ่าอื่น ๆ โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่กลางหมู่บ้านที่รายล้อมไปด้วยบ้านเรือนและร้านค้าต่าง ๆ เมื่อมาเที่ยวชม “บ้านรักไทย” ห้ามพลาดกับกิจกรรมการเที่ยวชมหมู่บ้าน, การชิมอาหารจีนยูนนาน, การชิมชา แต่หากมีเวลาว่าง ๆ ก็สามารถล่องเรือในอ่างเก็บน้ำหรือขี่ม้าเลาะชายแดนได้ค่ะจากนั้นเดินทางต่อไปยัง “น้ำตกผาเสื่อ” ค่ะ“น้ำตกผาเสื่อ” ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดกลางที่มีน้ำไหลให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมตลอดทั้งปี โดยจุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้คือช่วงฤดูฝนจะมีสายน้ำตกแผ่ซ่านเป็นม่านน้ำขนาดใหญ่กว้าง 15 เมตร คล้ายกับเสื่อผืนยักษ์ที่แผ่ปกคลุมหน้าผาหินจนกลายเป็นชื่อน้ำตก สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะในการมาเที่ยวชมคือ เดือนกรกฎาคม - กันยายน แต่ด้วยบริเวณรอบน้ำตกเป็นป่าเบญจพรรณ ประกอบกับกระแสน้ำค่อนข้างแรง จึงไม่เหมาะในการลงเล่นน้ำค่ะพอชม “น้ำตกผาเสื่อ” กันแล้วก็เดินทางต่อไปยัง “ภูโคลนคันทรีคลับ” เพื่อแช่เท้าน้ำแร่ร้อน, พอกหน้าหรือตัวด้วยโคลน หรือนวดแผนโบราณกันค่ะ“ภูโคลนคันทรีคลับ” เป็นแหล่งโคลนคุณภาพดีที่สุดติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก ซึ่งเกิดจากโคลนเดือดบริสุทธิ์ที่แทรกออกมาจากรอยเลื่อนใต้พิภพ อุณหภูมิประมาณ 60 - 140 องศาเซลเซียส โดยตะกอนโคลนสีดำสนิทจะผุดขึ้นมาพร้อมกับน้ำแร่ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อผิวหนังและระบบไหลเวียนโลหิต นอกจากนั้นยังสามารถดูดซับสารพิษตกค้างและชะล้างความมันหรือสิ่งสกปรกที่อุดตันตามผิวหนังได้ด้วยค่ะแช่เท้าในบ่อน้ำแร่ร้อน เพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยเท้าเสร็จแล้วก็เดินทางต่อไปยัง “สะพานซูตองเป้” กันต่อค่ะ“สะพานซูตองเป้” เป็นสะพานแห่งศรัทธาที่สร้างขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจระหว่างพระภิกษุสามเณร, ชาวบ้านกุงไม้สัก และผู้มีจิตศรัทธาต่าง ๆ เพื่อให้พระภิกษุสามเณรบิณฑบาตได้สะดวกมากขึ้นในฤดูฝนและชาวบ้านในบริเวณนั้นใช้เป็นเส้นทางสัญจรไปมาทั้งสองฝั่ง ซึ่งสะพานซูตองเป้เป็นสะพานไม้ไผ่ทอดยาวผ่านผืนนาระหว่าง “หมู่บ้านกุงไม้สัก” กับสถานปฏิบัติธรรม “สวนธรรมภูสมะ” ด้วยความที่คำว่า “ซูตองเป้” นั้นเป็นภาษาไทยใหญ่ หมายถึง “การอธิษฐานที่สำเร็จสัมฤทธิผล” สะพานแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนคำอธิษฐานที่สำเร็จของทุกคนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันสร้างขึ้นมานั่นเองค่ะจากนั้นแวะกินอาหารกลางวันที่ร้านอาหารข้างทาง แล้วเดินทางไปชมวิถีชีวิตของชาวปาดองหรือกะเหรี่ยงคอยาวที่ “หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวห้วยเสือเฒ่า” กันต่อค่ะ“หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวห้วยเสือเฒ่า” เป็นหมู่บ้านที่กลุ่มชาวปาดองหรือกะเหรี่ยงคอยาวอาศัยอยู่ในกลุ่มชนของตนเอง ซึ่งหมู่บ้านมีลักษณะเป็นถนนสายสั้น ๆ ที่ขนาบด้วยบ้านยกพื้น หลังคามุงใบตองตึงประมาณ 20 หลัง ส่วนหน้าบ้านดัดแปลงเป็นเพิงร้านค้าจำหน่ายสินค้าแฮนด์เมดต่าง ๆ ในราคาไม่แพง โดยในชีวิตประจำวันนั้น ผู้ชายจะไปรับจ้างและหาของป่า ส่วนผู้หญิงจะทอผ้าและจำหน่ายของที่ระลึกต่าง ๆ หน้าบ้านค่ะเดินทางต่อไปยัง “วัดพระธาตุดอยกองมู” เพื่อกราบไหว้พระธาตุ เสริมสร้างสิริมงคลให้แก่ชีวิตค่ะ“วัดพระธาตุดอยกองมู” ตั้งอยู่โดดเด่นเหนือดอยกองมู เดิมทีชื่อว่า “วัดปลายดอย” แต่ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามนามพระธาตุเป็น “วัดพระธาตุดอยกองมู” ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นวัดที่สำคัญมากของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องจากเป็นวัดแห่งแรกที่สร้างขึ้นในจังหวัดนี้ ถือได้ว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแม่ฮ่องสอนเลยทีเดียว โดยภายในวัดมีพระธาตุเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญที่สำคัญ 2 องค์ คือ “พระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่” กับ “พระธาตุเจดีย์องค์เล็ก ส่วนบริเวณใกล้ ๆ กันเป็นวิหารพระแบบศิลปะไทใหญ่ นอกจากนั้นยังมีจุดชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอนในมุมสูงที่สุดและสวยงามที่สุดอีกด้วยค่ะเดินทางไปเที่ยวชม “ถ้ำปลา” กันต่อค่ะ“ถ้ำปลา” ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-ผาเสื่อ เมื่อเข้ามาด้านในก็จะพบกับบรรยากาศอันร่มรื่นไปด้วยร่มไม้เขียวครึ้มกับไอเย็น ๆ จากแม่น้ำแม่สะงีที่ไหลออกมาจากปากถ้ำ ส่วนด้านหน้าถ้ำเป็นวังน้ำลึกประมาณ 1.5 เมตร มีปลาพลวงตัวใหญ่หลายร้อยตัวแหวกว่ายไปมา ซึ่งลักษณะพิเศษของถ้ำปลาคือมีธารน้ำไหลออกมาจากโพรงถ้ำใต้ภูเขาตลอดเวลา โดยปลาพลวงเรียกอีกอย่างว่า “ปลามุง” เป็นปลาตระกูลเดียวกับปลาคาร์ฟ สามารถพบได้ตามธารน้ำตกค่ะเที่ยวชมปลาพลวงและวิวธรรมชาติสวย ๆ ที่ถ้ำปลาแล้วก็เดินทางต่อไปยัง “บ้านจ่าโบ่” กันค่ะ ^^“บ้านจ่าโบ่” เป็นชุมชนชาวเขาที่ตั้งอยู่ในอำเภอปางมะผ้า ซึ่งจุดเด่นของที่นี่ก็คือ “ร้านก๋วยเตี๋ยวชมวิวบ้านจ่าโบ่” นั่นเอง ว่ากันว่าร้านก๋วยเตี๋ยวนี้ราคาหลักสิบ แต่วิวระดับหลักล้าน โดยร้านก๋วยเตี๋ยวมีมุมที่นั่งให้ห้อยขากินก๋วยเตี๋ยวไป ชมวิวธรรมชาติแบบไกลสุดลูกหูลูกตาไปพร้อม ๆ กัน แต่ถ้าใครกลัวความสูง ทางร้านยังมีที่นั่งด้านในไว้คอยบริการค่ะจริง ๆ ในตอนแรกต้องแวะชมวิวที่ “ดอยกิ่วลม” กันก่อน แต่เพราะใกล้ค่ำแล้ว คนขับรถเลยจอดให้ชมวิวแป๊บเดียว จากนั้นก็เดินทางกลับปายค่ะเมื่อถึงปายแล้ว เราก็แวะไปกินอาหารเย็นและเดินเล่นซื้อของที่ถนนคนเดิน แล้วจึงกลับที่พัก เพื่อเก็บแรงไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ ก่อนกลับกรุงเทพฯ ในตอนเย็นค่ะ ^^วันที่สามวันรุ่งขึ้นเราก็ตื่นเช้าอีกเช่นเดิม เพื่อไปชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่ “อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง” แต่ระหว่างรอรถ เราก็ถ่ายรูปที่พัก “อ๋อ...อยู่ปาย” ค่ะ ^^ที่พัก “อ๋อ...อยู่ปาย” นั้นมาจากพี่เจ้าของที่พักชื่อ “อ๋อ” นั่นเอง หากใครต้องการขี่จักรยานเที่ยวชมรอบเมืองปายก็สามารถนำไปขี่ได้ฟรี แต่อย่าลืมนำจักรยานมาจอดคืน หรือถ้าหากเบื่อ ๆ ก็สามารถมานั่งเล่นชมสวน หรือซื้อขนมมากินได้ค่ะ“อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง” เป็นอุทยานที่เชื่อมต่อจังหวัดเชียงใหม่และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ภูเขาสูงสลับซับซ้อน และเป็นป่าต้นน้ำลำธาร รวมไปถึงมีจุดชมวิวที่สวยงามร่มรื่น โดยเฉพาะในตอนเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเห็นทะเลหมอกได้มากที่สุด สำหรับคนที่มาพักค้างแรม ทางอุทยานก็ยังมีที่ว่างให้กางเต็นท์หรือบ้านพักอุทยานคอยให้บริการค่ะเดินทางต่อไปยังร้านกาแฟที่ “Coffee In Love” ค่ะ“Coffee In Love” เป็นร้านกาแฟน่ารัก ๆ บนยอดเขาที่สามารถชมวิวทิวทัศน์สวย ๆ ของเมืองปายได้รอบด้าน ทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะเข้ามากันไม่ขาดสาย ซึ่งภายในร้านจะจำหน่ายทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ นอกจากนั้นยังมีมุม Postcard, ของฝาก และของที่ระลึกอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นทางซ้ายมือยังมีบ้านหลังสีเหลืองสดใสเป็นมุมถ่ายรูปสุด Hi-Light ที่ใครเดินทางผ่านจะต้องแวะถ่ายรูปนั่นเองค่ะ (ภาพบ้านหลังสีเหลืองถ่ายเมื่อตอนบ่ายก่อนเดินทางกลับ)พอแวะร้านกาแฟ Coffee In Love แล้วก็กลับเข้าที่พัก เพื่อ Check-Out แล้วก็เดินทางต่อไปยังวัดพระธาตุแม่เย็นค่ะ“วัดพระธาตุแม่เย็น” เป็นวัดเก่าแก่ที่ต้องเดินขึ้นบันไดกว่า 300 ขั้น เพื่อไปสักการะ “พระพุทธโลกุตระมหามุนี” พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่สีขาวที่ประดิษฐานอยู่บนเนินเขาสูง ส่วนทางด้านหลังพระอุโบสถเป็นเจดีย์ทรงระฆังและมียอดเจดีย์แบบพม่า หลังจากไหว้พระกันแล้วก็ชมวิวสวย ๆ ของเมืองปายแบบ 360 องศาให้หายเหนื่อยค่ะจากนั้นก็เดินทางต่อไปยัง “บ้านต้นไม้ปาย” ค่ะ“บ้านต้นไม้ปาย” เป็นรีสอร์ทสวยในเมืองปายที่ตกแต่งห้องพักสไตล์ล้านนาบนต้นไม้ ช่วยให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ซึ่งบ้านต้นไม้เป็นความฝันของเจ้าของรีสอร์ทในวัยเด็กว่าต้องการมีบ้านบนต้นไม้สักหลัง สำหรับใครรู้สึกเบื่อ ๆ สามารถออกมาทำกิจกรรมของทางรีสอร์ทได้ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งช้างลงเล่นน้ำ การล่องแพ หรือทำสปาค่ะเดินทางต่อไปยัง “โป่งน้ำร้อนท่าปาย” ค่ะ“โป่งน้ำร้อนท่าปาย” อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง มีลักษณะเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ไหลมาจากใต้ดิน ซึ่งบริเวณรอบ ๆ เป็นป่าสักที่สมบูรณ์ร่มรื่นโอบล้อมด้วยขุนเขา และมีบ่อน้ำร้อนกลางแจ้งขนาดใหญ่จำนวน 2 บ่อให้สามารถลงไปแช่ตัวได้ ส่วนบ่ออื่น ๆ จะมีน้ำผุดขึ้นมาหลายจุดด้วยกัน โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 80 - 100°C ทำให้สามารถต้มไข่ให้สุกได้ แต่อุณหภูมิจะลดลงเรื่อย ๆ ตามระยะทาง นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจึงนิยมมาแช่ตัวค่ะเดินทางต่อไปยัง “สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย” ค่ะ“สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย” เป็นแลนด์มาร์คของเมืองปายที่สวยงามและคลาสสิก แต่เดิมเป็นสะพานนวรัฐอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาก็ได้ยกมาตั้งอยู่ที่นี่ เพื่อใช้เป็นเส้นทางคมนาคมระหว่างสองฝั่งแม่น้ำ และบริเวณใกล้ ๆ กับสะพานยังมีบริการล่องแม่น้ำปายด้วยแพไม้ไผ่อีกด้วยค่ะเดินทางไปกินอาหารกลางวัน เพื่อเติมพลังยามบ่ายที่ “สวนสตรอว์เบอร์รีมนตรี” กันก่อน เดี๋ยวเป็นลมค่ะ 5555“สวนสตรอว์เบอร์รีมนตรี” เป็นสวนสตรอว์เบอร์รีที่ตั้งอยู่บนเส้นทางเชียงใหม่-ปาย ซึ่งมีทั้งร้านอาหารและร้านขายของฝากเป็นเมนูที่ทำจากสตรอว์เบอร์รี เช่น ขนมเค้ก เบเกอรี่ และเครื่องดื่มเย็น โดยตกแต่งบรรยากาศดูดีน่ารักด้วยซุ้มถ่ายรูปต่าง ๆ ที่มีให้เลือกอย่างจุใจ แต่มุมถ่ายรูปสุด Hi-Light ของนักท่องเที่ยวอยู่ทางด้านหลังร้าน เนื่องจากวิวด้านหลังเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนรายล้อมสวนสตรอว์เบอร์รีอย่างสวยงามค่ะกินข้าวกลางวันและถ่ายรูปสวย ๆ กันแล้วก็เดินทางต่อไปยัง “กองแลน Pai Canyon” กันค่ะ“กองแลน Pai Canyon” เป็นกองดินภูเขาสีส้มน้ำตาลที่เกิดจากการยุบตัวหรือกัดเซาะดินของลมและฝนตามหุบเขาจนกลายเป็นเพียงทางเดินเล็ก ๆ บนสันเขาท่ามกลางภูเขาสูงสลับซับซ้อน บรรยากาศจะสวยงามคล้ายแพะเมืองผี จังหวัดแพร่ สามารถเดินสำรวจเส้นทางได้เป็นวงกลมและชมวิวสวยงามโดยรอบได้แบบ 360 องศา แต่เส้นทางเดินบางช่วงจะค่อนข้างแคบและชวนน่าหวาดเสียว โดยในช่วงฤดูฝนพื้นจะลื่น ดังนั้นจะต้องเดินด้วยความระมัดระวังค่ะเดินทางไปเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวจีนยูนนานใน “หมู่บ้านสันติชล” กันต่อค่ะ ^^“หมู่บ้านสันติชล” เป็นหมู่บ้านที่จำลองวิถีชีวิตตามวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของชาวจีนยูนนาน ซึ่งสมัยก่อนมักเรียกขานกันว่า “บ้านน้ำฮูจีน” แต่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “หมู่บ้านสันติชล” นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตชาวจีนยูนนานแล้วยังสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในหมู่บ้านได้อีกด้วย เช่น ขี่ม้ารอบหมู่บ้าน ชมกำแพงเมืองจีนจำลอง ซื้อของที่ระลึก และโล้ชิงช้าไม้โบราณค่ะ (สามารถอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่บทความ “รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวสไตล์จีน รับตรุษจีนที่... “หมู่บ้านจีนยูนนานสันติชล””)เดินทางต่อไปยัง “วัดน้ำฮู” กันต่อค่ะ“วัดน้ำฮู” แต่เดิมเป็นวัดร้าง ต่อมาได้มีการบูรณะวัดใหม่และได้อัญเชิญ “พระอุ่นเมือง” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองปายมาประดิษฐานเป็นพระประธานภายในโบสถ์ โดยทางวัดจะเปิดโบสถ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปนมัสการเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น หากเป็นช่วงอื่นต้องขออนุญาตเจ้าอาวาสก่อนค่ะเดินทางไปยัง “น้ำตกแพมบก” เพื่อชมธรรมชาติและน้ำตกสวย ๆ กันค่ะ“น้ำตกแพมบก” ตั้งอยู่บริเวณน้ำตกแพมกลาง ซึ่งมีลักษณะเป็นน้ำตกสายเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านหน้าผาในช่องเขาสูงกว่า 40 เมตร แบ่งออกเป็น 8 ชั้นย่อย ๆ ด้วยกัน โดยสายน้ำจะตกลงมาตามช่องเขา เกิดเสียงกระทบที่ไพเราะ ฟังแล้วเพลิดเพลิน สำหรับการเดินเข้าไปชมน้ำตกจะต้องเดินทางขึ้นเขาไป 150 เมตรค่ะหลังจากชมน้ำตกแพมบกแล้ว เราขึ้นรถกลับไปที่ท่ารถตู้เปรมประชา เพื่อเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ที่สถานีขนส่งอาเขต ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นก็นั่งรถสองแถวแดงไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินเชียงใหม่ กลับถึงกรุงเทพฯ ที่สนามบินดอนเมืองค่ะรีวิวทริปเที่ยวย้อนความทรงจำ “ปายมาแว้ว” แบบ Alone Trip จบแล้ว สำหรับใครที่สนใจไปเที่ยวเมืองปาย ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ล่ะก็... สามารถเที่ยวชมได้ทุกเมื่อเลยนะคะ เพราะนอกจากจะได้ชมบรรยากาศสวย ๆ ในสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ รอบเมืองปายกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว ยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนที่นั่นอีกด้วยค่ะ 😊😊😊 ออกแบบหน้าปกใน Canva โดย: Windy_55 (ผู้เขียน)เครดิตภาพประกอบบทความทั้งหมดโดย: Windy_55 (ผู้เขียน) อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !