สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักนะจ๊ะ... นี่ก็จะมานำเสนอการไปกำแพงแสนด้วยตัวเอง ยอมรับเลยว่าพลาดงานเกษตรกำแพงแสนปีนี้มาก (ลากเสียงยาวเลย) เพราะว่าชนกับช่วงฝึกงาน ซึ่งโดยปกติจะมีงานช่วงวันที่ 1-10 ธันวาคมทุกปีเลยล่ะ แล้ววันนี้ก็ต้องมากำแพงแสนอีกครั้งเนื่องด้วยติดภารกิจส่วนตัว โดยปกติจะไปที่กำแพงแสนด้วยรถไฟ ผู้เขียนเองก็เป็นนิสิตย่านนี้อยู่แล้ว จึงมารีวิวชักชวนไปเที่ยวกำแพงแสนกันเถอะ รูปแรกของเรื่องนี้...เป็นการนั่งรถไฟจากลพบุรีเพื่อที่จะไปลงบางเขน ถ่ายวิวมาก่อนเดี๋ยวจะหาว่าโม้ ไม่ได้ขึ้นจริงหรอก นี่ขึ้นจริง ๆ โดยส่วนตัวชอบนั่งรถไฟมากกว่ารถตู้ เพราะเมารถง่าย ไม่ชอบกลิ่นแอร์รถตู้สักเท่าไหร่ ถ้านั่งด้วยความจำเป็นจริง ๆ ต่อเดียวก็พอจ้า เดี๋ยวจะ Error เข้า การนั่งรถไฟเหมือนได้มีที่หายใจ ระบายอากาศอยู่บ้าง ถ้าลมแรง ๆ ก็ต้องระวังฝุ่นเข้า แต่วันนี้อากาศกำลังสบาย ถ้าช่วงสาย ๆ บอกเลยร้อนตับแลบที่แท้ทรู เรทค่าโดยสารตกอยู่ที่ราคา 25 บาท การนั่งรถไฟเหมาะกับต้องการประหยัดงบ และไม่ได้รีบร้อนอะไรมากมาย ถ้ารีบ ๆ แบบต้องการด่วนจี๋แบบ Kerry ล่ะก็ ควรไปนั่งรถตู้นะจ๊ะ เหตุที่ต้องเซ็นเซอร์ตรงนี้ไว้เพราะมีคนทั้งโอเคและไม่โอเคเรื่องไม่ใช้เงินสดจ่าย จ่ายด้วยบัตร ใคร ๆ ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเพราะเหตุใด เพื่อจะได้ไม่มาขัดแย้งในภายหลัง เห็นว่าอีกไม่นานหัวลำโพงก็จะถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนหัวหลักจะเปลี่ยนมาใช้บางซื่อแทนถ้าจำไม่ผิด เพราะบางซื่อจะเป็นสถานีที่ต่อรถไฟไปสายอื่นได้เลย ไม่ว่าจะสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สายใต้ สายเหนือ แต่ผู้เขียนขึ้นสายเหนือ แต่เป็นเที่ยวล่อง (เที่ยวล่องจะเข้ากรุงเทพฯ) ขอหลับตางีบสักพักแล้วค่อยรีวิวต่อ ยังไม่หายจากอาการเตียงดูดเลย ฮ่า ๆ พอมาถึงบางเขนปุ๊บยังมึนงงอยู่เลย แล้วกระเตงของกินข้ามไปที่ รพ.วิภาวดี อยู่ตรงข้าม ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน แล้วก็ข้ามถนนเดินเลาะ ๆ ริมเพื่อที่จะเข้าประตูงามวงศ์วาน 3 เพื่อที่จะต่อรถตู้เข้า ม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ซึ่งเป็นรถตู้ระหว่างวิทยาเขต เที่ยวนึงก็ตกอยู่ที่ราคา 90 บาท จะมีเที่ยว 06.00-18.00 น. ออกเป็นรอบ ๆ ไปตามคิวคนขับ และทำเวลาพอสมควร ฉะนั้นเวลาจะไปไหนแล้วต้องใช้สายนี้ เผื่อเวลาไว้สักนิดก็ยังดี รถสายนี้ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาทีโดยประมาณ อาจจะเลทบ้างขึ้นอยู่กับจราจรล้วน ๆ ผ่านเส้นแคราย เรียกเส้นนี้ง่าย ๆ ว่ารถติดยันลูกบวช ถ้ามาเย็นกว่านี้ไม่ต้องเอ่ย ค่อนข้างติดขัดพอสมควร พอผ่านเส้นนี้ได้ก็จะผ่านโซนบางบัวทอง นพวงศ์ (ใครจะลงเซ็นทรัล เวสต์เกต สามารถลงได้เลยนะจ๊ะ) ตั้งแต่ผ่านนพวงศ์ไปได้สักพัก ผู้เขียนเริ่มมึนงงคล้ายจะเมารถ ช่างไม่ชอบเอาเสียเลย หน้ากากหมูที่ใส่ไปก็ไม่ช่วยอะไรจริง ๆ แล้วก็เป็นแบบนี้มานานจนถึง ม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน นี่แหล่ะหน้ากากหมูที่ใส่ไป เห็นว่าหน้ากากแพงหูฉี่กัน เลยใส่แฟนซีไปละกัน 555555 ก็ไม่มีตังนี่หว่า ไม่ถูกสเปกกลิ่นแอร์ แต่ชอบใจเรื่องการขับรถ เพราะคนขับขับไม่เกิน 90 km/h เลย ซึ่งถ้าเป็นโซนข้ามจังหวัดน่ะ ความเร็วมาตรฐานตามกฎหมายเลย ตรงท่ากำแพงแสนมี 2 จุดคือใต้สะพานลอยหน้า ม. กับตรงใน ม. ใกล้ ๆ กับป้อมยาม ผู้เขียนเองรีวิวไปด้วยความสะลึมสะลือพอสมควร แต่อย่าเลียนแบบเด็ดขาด ช่วงที่นั่งรถตู้อย่าเล่นมือถือ ไม่อย่างนั้นมันจะเบลอง่าย และมันจะเร่งให้เมารถมากกว่าเดิม พยายามมองตรงไว้ ถ้ามึนมากก็แค่งีบไป อย่าฝืนเล่นมือถือเลย เอาที่พอหอมปากหอมคอนะจ๊ะ อ๊าก!!!! ตับอีช้อยจะแตกจ้า ร้อนเว่อร์จนชนิดที่ว่าดินแดนอาทิตย์ 12 ดวงชัด ๆ มาถึงได้เที่ยงเป๊ะ บริเวณโดยรอบถือว่ายังมีร่มเงาช่วยบ้าง มีหวัง Heat Stroke ถามหาเป็นแน่ แต่...ยังไม่ใช่หน้าของช่วงของชมพูพันธุ์ทิพย์ออกดอกซะด้วยสิ อันนี้ขอมาทำธุระก่อน เสร็จแล้วจะรีบกลับ มีงานลนบั้นท้ายอยู่ รูปภาพที่ถ่ายทั้งหมด ผู้เขียนถ่ายเอง รีวิวเองสด ๆ เลย ส่วนใครอยากมาดูชมพูพันธุ์ทิพย์ด้วยตัวเอง หรือจะมาเกษตรกำแพงแสนช่วงธันวาคม สามารถมาเส้นนี้ได้เลยตามที่บอกไว้ ขอจบรีวิวเดินทางมากำแพงแสนเพียงเท่านี้ล่ะจ้ะ บ๊ายบาย...จะกลับกรุงเทพไปนอนละ หมายเหตุ รูปทุกรูปรีวิวเองจ้า ถ่ายเอง มึนเอง ฮ่า ๆ เครดิตทุกรูปคือผู้เขียนถ่ายทั้งหมด