ปอยส่างลอง หรือบวชลูกแก้ว เป็นประเพณีการบรรพชาสามเณรตามแบบฉบับของชาวไทใหญ่ ซึ่งจะถูกจัดขึ้นในช่วงเดือนสี่หรือเดือนเมษายน ของทุกปี ผู้ที่จะเป็นส่างลอง(ผู้ที่จะบวช)นั้นควรมีอายุไม่ต่ำกว่า 7 ปีบริบูรณ์จึงจะเหมาะสมตามพระธรรมวินัย ชาวไทใหญ่มีความเชื่อว่าการบวชส่างลองนี้ได้อานิสงส์แรง จึงได้จัดงานขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการบอกกล่าวแก่ญาติมิตรให้มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วยภาพจากเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน บวชส่างลองทำไมไม่โกนคิ้ว การบวชส่างลองจะโกนผมเกลี้ยงเกลาแล้วใส่หมวกแบบพม่า แต่ไม่โกนคิ้ว นั่นเพราะภิกษุทางพม่าจะไม่โกนคิ้ว ซึ่งการโกนคิ้วของภิกษุในไทยเริ่มมีขึ้นในสมัยพระเจ้าตากสิน เพื่อเป็นการป้องกันไส้ศึกที่แฝงตัวมาในคราบของภิกษุสงฆ์นั่นเองภาพจากpixabay.com เด็กชายทุกคนต้องบวชส่างลอง ? ภาพจากเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ชาวไทใหญ่ทุกครอบครัวที่ศรัทธาในพุทธศาสนาล้วนต้องการให้บุตรหลานได้เป็นส่างลองทั้งสิ้น เพราะถือเป็นเกียรติ เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัวอย่างสูงสุด แต่การจัดปอยส่างลองแต่ละครั้งต้องมีค่าใช้จ่ายสูงพอสมควร บางครอบครัวที่ขาดความพร้อมด้านการเงินก็จะมีผู้อุปการะให้การสนับสนุนการบวช ชาวไทใหญ่เรียกว่า “พ่อข่าม แม่ข่าม” ซึ่งครอบครัวนั้นมักจะเป็นผู้ที่ไม่มีบุตรชายแต่มั่งมีในทรัพย์สิน ส่วนพ่อแม่ของส่างลองจะถูกเรียกว่า “พ่อส่าง แม่ส่าง” --ภาพโดยผู้เขียน-- ส่วนครอบครัวที่รักความเรียบง่ายนิยมให้ลูกหลาน “บวชดิบ” หรือ “ข่ามดิบ” เป็นการบรรพชาสามเณรโดยไม่มีการจัดงานรื่นเริง ไม่มีการแห่รอบเมือง มีเพียงการขอขมาบอกกล่าวแก่คนใกล้ชิดแล้วรอเข้าพิธีบรรพชาพร้อมกับส่างลองคนอื่น ๆ ที่วัด นอกจากส่างลองแล้วก็จะมี “จางลอง” คือผู้ที่มีอายุมากกว่า 21 ปี ที่จะเข้ารับการอุปสมบทพร้อมกับส่างลอง แม้จะมีทั้งจางลองและส่างลองแห่ร่วมขบวนเดียวกัน แต่โดยรวมแล้วจะเรียกประเพณีนี้ว่า “ปอยส่างลอง” --ภาพโดยผู้เขียน-- ด้วยประเพณีปอยส่างลองนี้จะถูกจัดขึ้นเพียงปีละครั้งในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน รวมถึงมีการแห่ส่างลองขี่คอพี่เลี้ยงไปตามถนนสายหลักของเมือง มีคณะกลองยาวไทใหญ่หลายสำนักมาร่วมขบวนแห่สร้างความคึกครื้น คึกคัก เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ อยากชมประเพณีวัฒนธรรมสุดยิ่งใหญ่อลังการของชาวไทใหญ่ใจจังหวัดแม่ฮ่องสอน 3-5 เมษายน 2563 ณ วัดดอนเจดีย์ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน --ภาพโดยผู้เขียน-- ภาพปกจากเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน