เมื่อเข้าสู่หน้าฝน หลายคนคงนึกถึงความเขียวชอุ่มของผืนป่า เราก็เช่นกัน รออะไรล่ะ หาที่พักได้ก็เก็บของเลยทันที ทริปนี้เราจะพาทุกคนไปสัมผัสไอหมอกหน้าฝน บนภูเขาที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เดินทางง่าย แถมมีฝูงกระทิงให้ชมด้วย 3 วัน 2 คืน กับภูเขา 2 ลูก นั่นคือ เขายายเที่ยง กับเขาแผงม้า จังหวัดนครราชสีมา ใช้เส้นทางถนนมิตรภาพ (ถนนหมายเลข 2) รับรองไม่หลงทาง แต่อาจจะหลงเสน่ห์สถานที่ ที่เรากำลังจะไปแทน (เตือนแล้วนะ)จุดแรกเราขอแวะเติมคาเฟอีนที่ AROMA CAFE AND EATERY ร้านกาแฟบรรยากาศดี แสงสวย ตกแต่งสไตล์วินเทจ เป็นร้านที่อยู่ริมถนนมิตรภาพ ใกล้สะพานต่างระดับปากช่อง แต่ทุกคนจะไม่เห็นความสวยงามจากด้านนอก จนกว่าจะได้เดินผ่านประตูรั้วเข้ามาภายในพื้นที่ของร้าน ยิ่งได้เปิดประตูเข้าไปในส่วนของร้าน "ว้าว...กลิ่นเนยหอมอ่อน ๆ ทำให้อยากลองชิมขนมสักชิ้น" ร้านนี้นอกจากมีเบเกอรี่ และเครื่องดื่มแล้ว ใครหิวมื้อหนักก็สามารถสั่ง MAIN COURSE STEAK มาทานได้ ส่วนวันนี้เราได้ลองชิม ช็อกโกแลตเย็น ชาเขียวมัทฉะเย็น และ ครัวซองต์ คิดราคามา 245 บาท ก็ถือว่ารสชาติอร่อยสมราคาทานขนมมาพอกรุบกริบ ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ เขายายเที่ยง มองหาร้านอาหารเพื่อทานกลางวัน โดยตั้งโจทย์ไว้ว่าต้องเป็นร้านที่นั่งรับลมเย็น ๆ มีวิวเขาสีเขียว ๆ สบายตา ขับรถขึ้นเขามาสักพัก ก็มาเจอที่นี่ The Pandora Camp ตรงโจทย์สุด เป็นทั้งที่พักและร้านอาหาร วิวคือดีมาก มีสกายวอก พนักงานให้การต้อนรับอย่างดี เมนูอาหารหลากหลาย จะสั่งเป็นกับข้าว อาหารจานเดียว อาหารไทย อาหารยุโรป หรือจะชาบูทางร้านก็มีบริการ เราสั่งไปทั้งหมด 3 อย่าง มีแพนดอร่าซีซาร์สลัด (ทางร้านแจ้งว่าน้ำสลัดเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ซึ่งเราลองแล้วก็ว่าอร่อยดีไม่เลี่ยน) สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมา และปีกไก่ทอดเกลือ คิดราคามา 580 บาท กินพอหนักท้องเลยขอเดินถ่ายรูปเล่นบริเวณร้านสักรอบ ก่อนเดินทางไปที่พักของเราคืนนี้ซึ่งห่างจากตัวร้านอาหารไปอีกแค่ 300 เมตรเองและแล้วเราก็มาถึงที่พักสุดน่ารัก Ma du dao (มาดูดาว) เป็นที่พักที่หลายคนบอกว่าอยู่จุดสูงที่สุดของเขายายเที่ยง ที่นี่ไม่มีแอร์ และโชคดีที่มีน้ำอุ่น เพราะเป็นจุดที่ลมเย็นพัดผ่านตลอดเวลา ทางที่พักมีพัดลมให้นะ แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีจังหวะได้เปิดใช้แน่ และเนื่องจากวันที่เรามาเป็นวันธรรมดา บรรยากาศคือเงียบมากทั้งรีสอร์ตมีเราแค่ห้องเดียว แต่ถึงอย่างนั้นพนักงานก็ยังดูแลเราอย่างดี มื้อเย็นเราก็ฝากท้องกับร้านอาหารของมาดูดาว พนักงานแนะนำให้ลองหมึกลิบงแดดเดียว เลยจัดไปตามคำแนะนำ เพิ่มเติมอีกสักอย่างคือมาภูเขาแล้วอยากทานไข่เจียว เลยได้อีก 1 เมนูคือน้ำพริกไข่ปูเพราะร้านจะเสิร์ฟพร้อมไข่เจียว เราสั่งไปแค่ 2 อย่าง กับขนมหวานอีก 2 ถ้วยแต่สุดท้ายทานไม่หมด ต้องขอถือกลับไปทานต่อในห้องเผื่อดึก ๆ จะหิว วิวจากระเบียงห้องที่เราพักยามเย็น พอได้มองเห็นแสงอาทิตย์ตกอยู่ทางด้านขวาของระเบียง นั่งเล่นได้สักระยะ อากาศเริ่มหนาว เมฆฝนเริ่มก่อตัวพร้อมกับความมืดของยามค่ำ วิวตรงหน้ากลับเต็มไปด้วยแสงของ ดาวบนดิน ถ้าวันไหนอากาศดี เราคงได้เห็นทั้งดาวบนฟ้า และดาวบนดินไปพร้อม ๆ กันอยากให้ทุกคนได้มาเห็นจังอรุณสวัสดิ์พร้อมความสดชื่น หลังจากได้หลับเต็มอิ่ม สูดอากาศเต็มปอดเรียบร้อย ก่อนเช็กเอ้าท์ทางที่พักได้เตรียมข้าวต้มทะเลจัดเต็มทั้ง หมึก กุ้ง หอยแมลงภู่ เนื้อปลา ชิ้นใหญ่ ๆ เนื้อเด้ง ๆ ทานจนพุงกางเลยเรา ได้เวลาต้องเดินทางต่อ จุดหมายต่อไปเราขอแวะไป กังหันลมเขายายเที่ยง ขึ้นไปเช่าจักรยานปั่นชิว ชมวิว ปล่อยพลังซะหน่อยก่อนจะลงจากเขายายเที่ยงในช่วงเที่ยง ที่นี่มีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่ 2 กิจกรรมหลักคือ นั่งรถสองแถวนำเที่ยวค่าบริการคนละ 30 บาท ใช้เวลานั่งรถแค่ 5 นาทีโดยรถจะพาเราไปชมวิวบนผายายเที่ยง ส่วนอีกกิจกรรมคือการเช่าจักรยานปั่นชมวิว ค่าบริการคิดคันละ 40 บาทไม่จำกัดเวลา แต่หากใครไม่มีแรงปั่นก็มีรถกอล์ฟบริการ ครึ่งชั่วโมงคิด 200 บาทเป็นทางเลือกสำหรับผู้สูงอายุสมควรแก่เวลา โบกมือลาเขายายเที่ยง เพื่อมุ่งหน้าไปตามหากระทิงบนเขาแผงม้า อีกเป้าหมายของการเดินทางทริปนี้ เราเดินทางย้อนกลับไปอำเภอวังน้ำเขียว โดยใช้ถนนมิตรภาพเช่นเดิม ลงจากเขายายเที่ยงใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็มาแวะทานข้าวที่ สวนแม่หม่อน ฟาร์ม แอนด์ คาเฟ่ วังน้ำเขียว สารภาพว่าเจอร้านนี้โดยบังเอิญ เพราะสะดุดตากับรีวิวใน Google map ว่าที่นี่ มีไอศกรีมโฮมเมด รสวานิลลาที่ทำมาจากต้นวานิลลาที่ปลูกเอง และเป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตรสามารถเก็บผลมัลเบอรี่ได้ ไม่มีค่าเข้าชม แถมราคาอาหารและเครื่องดื่มไม่แพงเลย ร้านบังเอิญที่เราคิดว่าโชคดีจังที่ได้เจอ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มาซ้ำแน่นอนหากได้ผ่านมาอีก เป็นธุรกิจที่ทำกันเอง พ่อ แม่ ลูก น่ารักและมีความใส่ใจในบริการสุด ๆ คิดค้นปรับปรุงสูตรอาหารอยู่ตลอดเวลา เราประทับใจที่นี่มาก วัดได้จากเราทานไอศกรีมไปทั้งหมด 9 รส และบอกกับเจ้าของว่า เดือนมีนาคมปีหน้า เราจะแวะมาเก็บไอศกรีมอีก 3 - 4 รสที่เหลือ เพราะเจ้าของบอกกับเราว่าช่วงเดือนมีนาคม เป็นช่วงที่ต้นวานิลลาออกดอกสะพรั่ง (อยากมาชมสักครั้ง)อิ่มอร่อยมื้อกลางวันเสร็จ ก็ได้เวลาเช็กอินเข้าที่พักคืนที่สองของเราที่ บ้านสวนเพลินดารา วังน้ำเขียว เจ้าของเป็นลุงกับป้า (น่าจะเป็นชาวจีนที่พูดไทยได้) ซึ่งหากใครคาดหวังการบริการเยอะแยะมากมายล่ะก็ ไปนอนที่อื่นได้เลย เพราะที่นี่อารมณ์เหมือนมานอนบ้านญาติ ดูแลกันแบบง่าย ๆ ด้วยเหตุจากตัวห้องพักอยู่บนเนินเขามีความชันพอควร ซึ่งลุงกับป้าเจ้าของพักอยู่ด้านล่าง การจะให้เดินขึ้นลงเนินไปมาก็พอเข้าใจได้ ดังนั้นทางที่พักจึงมีกติกาเล็กน้อย เช่น ช่วยกันประหยัดไฟอย่าเปิดแอร์ทิ้งไว้ อาหารเช้าจะเตรียมไว้ด้านล่างบริเวณร้านอาหารซึ่งรบกวนผู้มาพักเดินลงมาทาน ตอนเช็กเอ้าท์ก็ขอให้ผู้เข้าพักเก็บของให้เรียบร้อย ปิดไฟ และเสียบกุญแจไว้ที่ประตูห้องก็ถือว่าเป็นการเช็กเอ้าท์เรียบร้อย จากที่พักของเราคืนนี้ ห่างจากจุดชมวิวเขาแผงม้าเพียง 5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 15 นาที ทำให้มีเวลาเหลือ ไม่ต้องรีบร้อน เพราะเท่าที่เราหาข้อมูลมา ช่วงเวลาดูกระทิง แบ่งเป็น 2 ช่วงหลักที่มีโอกาสเห็นกระทิงเยอะที่สุด คือช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 06.00 - 08.00 น. และช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 16.00 - 18.00 น. เราเลือกไปดูกระทิงช่วงเย็น เพราะเผื่อว่าถ้าพลาด ก็ยังแก้มือได้ในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น ไม่ผิดหวังเลยจริง เมื่อเรามาถึงจุดบริการนักท่องเที่ยว ชำระค่าผ่านทางคนละ 30 บาท เจ้าหน้าที่ก็บอกกับเราว่า "วันนี้อากาศดี ไม่มีแดด กระทิงเลยออกมาโชว์ตัวทั้งวัน" ได้ยินแบบนั้นก็รีบก้าวเท้าแทบวิ่ง ระยะทางแค่ 50 เมตรจากจุดบริการนักท่องเที่ยว ภาพตรงหน้าคือ กระทิงฝูงใหญ่ ละลานตา บนจุดชมวิวเจ้าหน้าที่ได้ตั้งกล้องส่องทางไกลไว้ 2 ตัว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นกระทิงชัด ๆ ผ่านเลนส์กล้องกลับออกมาจากจุดชมกระทิง ก็ได้เวลามื้อเย็น ร้านอาหารครัวสีดา เป็นร้านเด็ดที่แนะนำให้มาฝากท้อง อาหารพื้นบ้าน จานใหญ่ รสเด็ด เมนูที่ต้องลองคือ หมูกรอบมะนาว ขาหมูทอด ไข่เจียวเห็ดหอม และยำผักกูด ถ้ามากันหลายคนคงได้สั่งมาลองทั้งหมดแน่เพราะดูน่าทานไปซะทุกอย่าง เดินทางถึงที่พักก็หลับฝันดี บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ได้สัมผัสสายลม นั่งทอดสายตามองความเขียวชอุ่มของผืนป่า ไอหมอกล่องลอยปะทะผิว ที่สำคัญได้เจอกระทิงสมใจจบแล้วกับทริปพาเที่ยวเขา หน้าฝน นอนมองไอหมอก นั่งส่องกระทิง ใครอยากตามรอย สามารถคลิ๊กลิงค์ได้จากชื่อสถานที่ได้เลย การออกเดินทางก็เหมือนการหลุดออกจากกรอบเดิม ได้พบเจอเรื่องราวใหม่ เพื่อนใหม่ ประสบการณ์ใหม่ ครั้งหน้าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหน ก็ฝากกดติดตามกันด้วยจะได้ไม่พลาดทริปดี ๆ ท้ายนี้เราขอให้ทุกคนสนุกกับการเดินทางนะ...ภาพทั้งหมดโดย : ผู้เขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !