อรขอเล่าต่อจากบทความ "ผู้หญิงคนเดียวเที่ยวจีน 2024 วันที่ 3...เริ่ม!! (ทริปปักกิ่ง BEIJING - ฮาร์บิน HARBIN 9 วัน)" [อ่านบทความอื่น ๆ ได้ด้านล่าง]วันที่ 4 ของการเดินทาง วันที่ 11 มกราคม 2567 วันนี้ตื่นนอนแต่เช้ายังพอมีเวลาอีกครึ่งวันค่ะ ก่อนเราจะไปสถานีรถไฟปักกิ่ง (Beijing Railway Station) ไปนอนบนรถไฟตู้นอนเตียงแข็ง 15 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อไปเมืองฮาร์บิน (Harbin) กันนั้น อรกะว่าจะไปเที่ยวอีกสักที่ก่อน คือ หอสักการะฟ้าเทียนถาน (Temple of Heaven) สร้างในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง เมื่อ ค.ศ. 1420 อดีตหอสักการะเคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีบวงสรวงต่อสวรรค์ ให้จักรพรรดิทำพิธีการบวงสรวงฟ้าดินเพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข ให้บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์และให้ฝนตกตามความเชื่อโบราณของจีน และยังเป็นสถานที่ที่โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมการวางผังและด้านวัฒนธรรม เป็นสถานที่อันโด่งดังและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2541 อีกด้วย วันนี้เราจะเดินทางด้วยรถเมล์กันค่ะ เริ่มต้นออกจากโรงแรมเดินไปที่ป้ายรถเมล์ไม่ไกลโรงแรมค่ะ แล้วขึ้นรถเมล์สาย 72 สายเดียวไปถึงป้ายรถเมล์ฝั่งประตูทิศตะวันออกของหอสักการะฟ้าเทียนถานเลยค่ะ แล้วเดินไปจะเจอจุดซื้อตั๋วเข้า...เดินไปซื้อกันเลยค่ะ ราคาประมาณ 140 บาท (28 หยวน) และดูจากแผนที่แล้วเราอาจจะต้องรีบเดินกันเลยทีเดียวค่ะ ภายในบริเวณหอสักการะฟ้าเทียนถาน กว้างมากค่ะมีพื้นที่ 273 เฮกตาร์ = 1,706.25 ไร่ มีสถานที่หลายที่ให้เข้าชมทั้ง พระราชวังถือศีลอด (Fasting Palace), กำแพงเสียงสะท้อน (Echo Wall), ตำหนักหวงฉงอี่ (Imperial Vault of Heaven), แท่นบูชาสวรรค์ (Circular Mound Altar) สวยมาก ใหญ่โตมโหฬารมากเลยค่ะ เราก็ต้องรีบเดิน รีบถ่ายรูปกันค่ะ หอสักการะฟ้าเทียนถาน (Temple of Heaven) กำแพงเสียงสะท้อน (Echo Wall), ตำหนักหวงฉงอี่ (Imperial Vault of Heaven), แท่นบูชาสวรรค์ (Circular Mound Altar) เดินเสร็จแล้วก็กลับไปที่ทางออกประตูฝั่งตะวันออกค่ะ เดินเรียบข้างกำแพงฝั่งตะวันออกไปยาว ๆ ค่ะ และได้มุมถ่ายรูปสวย ๆ มากมายฝั่งนี้ ระหว่างเดินไปทางออกนั้น อรเจอคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งใส่เสื้อกันหนาวสีแดงคู่กันสะดุดตาเพราะสีเหมือนเสื้อกันหนาวของอรเลยค่ะ ขอสักรูปนะคะ ^^ เพราะน้องชายอรบอกว่าอรใส่เสื้อที่แดงไม่เหมือนใครเลยดูเด่นไปหน่อย แต่จากที่ถ่ายรูปมานั้น ก็ดูสวยและเข้ากับสถานที่ได้ดี (ชมตัวเองสักหน่อย) จากนั้นนั่งรถเมล์สายเดิมกลับมาอาบน้ำ แต่งตัว และเช็คเอาท์โรงแรม รีบเรียกแท็กซี่ผ่านแอพ(ครั้งแรกค่ะ) ไปสถานีรถไฟปักกิ่ง (Beijing Railway Station) กันเลยค่ะ สถานีรถไฟใหญ่โตอลังการมาก คนเยอะมากเช่นกัน ตั๋วรถไฟอรจองตั๋วรถไฟผ่านเว็บไซต์มาล่วงหน้าค่ะแนะนำควรจองก่อนนะค่ะ ^^ (เปิดให้จองล่วงหน้าได้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อนการเดินทางนะคะ) ตั๋วขาไปจากเมืองปักกิ่งไปเมืองฮาร์บิน อรเลือกรถไฟความเร็วปกติ ประเภทตู้นอนเตียงแข็ง ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 15 ชั่วโมง 30 นาที ประสบการณ์นี้จะเป็นยังไง ตามมาเลยค่ะ การเดินทางโดยรถไฟนี้เมื่อเราเป็นคนต่างดาว...เอ้ย ต่างชาติ เราจะต้องโชว์พาสปอร์ตให้กับเจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ เขาจะเอาไปเช็คกับในระบบ อรขอแนะนำว่า...เราต้องเดินไปช่องที่มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่พร้อมเครื่องสแกนนะคะ ไม่ต้องไปต่อแถวอื่นที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ เสียเวลาค่ะเพราะเขาจะไล่เราไปต่อแถวใหม่ คนนั่งรอเยอะมากเลยค่ะ และอากาศข้างในก็อบอุ่นเลยทีเดียวถึงขั้นต้องถอดเสื้อกันหนาวออกก่อนค่ะ ตอนนี้ต้องนั่งรอเจ้าหน้าที่เรียกนะคะ เขาจะเรียกให้ขึ้นรถไฟเป็นภาษาจีน รถไฟที่อรต้องขึ้นคือหมายเลข K383 (...ซันปาซัน) ***ดีนะที่อรฟังภาษาจีนได้นิดหน่อย พอเขาเรียกก็ไปเข้าแถว เดินไปที่เจ้าหน้าที่ที่มีเครื่องสแกนพาสปอร์ตนะคะ ก่อนไปเข้าแถวขอบอกว่าให้เตรียมใส่เสื้อกันหนาวรอเลยนะคะ ร้อนตอนที่ต่อแถวสแกนตั๋วแป๊บเดียวเองเพราะพอเดินผ่านประตูเข้าไปอากาศหนาวเย็นกระทบหน้าจัง ๆ เลย แล้วรู้สึกเย็นกว่าด้วยเพราะอยู่ในอาคารโถงขนาดใหญ่ บวกกับอากาศข้างนอกหนาวติดลบด้วยแล้ว รู้สึกแบบเย็นวาบจนหน้าชาและต้องรีบเอาถุงมือมาใส่และรีบเอาผ้าพันคอมาปิดจมูกเลยค่ะ นี่คือรถไฟความเร็วธรรมดาที่เราจะนั่ง + นอนไปเมืองฮาร์บินกันค่ะ เดินมาเห็นแล้วสวยงามอย่างบอกไม่ถูกเลย และบรรยากาศเหมือนรถไฟในหนังแฮร์รี่พอตเตอร์เลย เราก็เดินไปหาตู้นอนกันนะคะ ตู้เลขที่ 8 เตียงแข็ง เลขที่ล็อคเตียงนอน 20, เตียงกลาง เจ้าหน้าที่ก็จะขอตรวจพาสปอร์ตอีกรอบก่อนขึ้นรถไฟนะคะ ยืนรอไปสักพัก โชว์ตั๋วให้เขาดูแล้วแต่เขาก็ยังไม่ให้เข้าค่ะ แล้วที่ปวดหัวคือเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้... สรุปคือ เขาหาเลขพาสปอร์ตเราไม่เจอ พอได้ยินเขาถามกันเองเลขพาสปอร์ต ๆ อยู่ตรงไหน (ภาษาจีน) อรก็เลยชี้ไปให้ เช็คเลข จบสวย...ได้ขึ้นรถไฟสักทีค่ะ เตียงนอนของเราคือเตียงเลขที่ 20 เตียงกลางนะคะ เดินหาเลขกันเลยค่ะ เมื่อเจอเตียงนอนแล้วก็หาที่เอากระเป๋าเดินทางวางค่ะ จะเอาไว้ข้างบนที่นอนก็ดูจะนอนลำบาก ส่วนจะเอาไว้ที่วางของอีกฝั่งก็เต็มค่ะ เลยได้เอากระเป๋าไว้ที่ใต้เตียงด้านล่างสุด กระเป๋าเดินทางขนาดใส่ได้พอดิบพอดีเลย เตียงนอนของเราก็ไม่ได้แข็งเหมือนชื่อนะคะ เขามีเบาะรองนอนให้อยู่ มีหมอนและผ้าห่มที่หนามากด้วย แต่จะบอกว่าอากาศในรถไฟอบอุ่นค่ะ ถึงขั้นร้อนเลยค่ะต้องถอดเสื้อกันหนาวเอาวางไว้ที่ที่นอนก่อนเลย ระหว่างการเดินทางนี้ไม่เหงาเลยค่ะ เพราะเจอเพื่อนร่วมทางเป็นคนจีนล็อค 19 I 20 และล็อค 21 I 22 ด้านข้างอยากคุยด้วยมากเพราะนึกว่าอรเป็นคนจีนเหมือนกันเลยพูดกับอรเป็นภาษาจีนใหญ่เลย พอบอกไปว่าไม่ใช่คนจีนเป็นคนไทยทุกคนก็ยังพยายามจะพูดกับเราอีก (ประเด็นคือพวกเขาไม่สนใจแหละว่าเราจะเข้าใจภาษาจีนไหม แต่อยากพูดด้วย) กูเกิ้ลทรานสเลทต้องมาแล้ว... แต่ก็ยังโชคดีที่อรได้เจอเด็กมหาลัยจีน 2 คนที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีสามารถสื่อสารเข้าใจกันได้เลยช่วยกันแปล ปวดมือไปตาม ๆ กันเลยค่ะ ฮ่าฮ่า พอตกดึกประมาณสามทุ่มทุกคนก็เริ่มขึ้นไปนอนบนเตียงนอนกันแล้วค่ะ ครั้งแรกคิดว่าจะมีคนพูดกันเสียงดังหนวกหูซะอีก อรอุตส่าห์เตรียมที่อุดหูมาด้วย...ผิดคาดค่ะ แต่แล้วหลังจากที่บางคนเริ่มกรนก็มีคนส่งเสียงดังมาจากล็อคแรก ๆ เหมือนจะทะเลาะกันซักอย่าง ความอยากรู้อยากเห็นของเรานั้นก็เริ่มขึ้น...ก็ต้องลุกขึ้นมานั่งฟังทั้งที่ตัวเองก็ฟังไม่รู้เรื่องค่ะ แต่ไม่ใช่เราคนเดียวนะคะที่อยากรู้อยากเห็น (ดูจากในรูปด้านล่างซ้ายมือสิคะ) ก็เลยถามพี่ใหญ่เสื้อดำที่นั่งเตียงด้านบนสุดฝั่งตรงข้ามว่าเกิดอะไรขึ้นได้คำตอบว่าเขาทะเลาะกันเรื่องที่นั่งที่นอนประมาณนี้ค่ะ สักพักตำรวจรถไฟก็เดินมาหลังจากนั้น 10 นาทีทุกอย่างก็เงียบลง นอนได้แล้วค่ะ ฮ่าฮ่า วันที่ 4 ในจีนกับประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นทั้งวันค่ะ ประสบการณ์นอนบนรถไฟในต่างแดนหลายชั่วโมง ก็จบได้ด้วยดีอีกแล้วค่ะ วันถัดไปเราจะเจอกันที่เมืองฮาร์บินแต่เช้าตรู่... ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอตัวไปนอนก่อน อิอิ วันนี้อรเดินไปทั้งหมด 11,491 ก้าว โดยประมาณ 7.40 กิโลเมตร รูปประกอบทั้งหมดโดยเจ้าของบทความรูปภาพประกอบที่ 8 จาก travelchinaguide อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !