ท่องเที่ยว ประเทศจีน ไปครั้งเดียวก็ติดใจ รอบนี้เราไปท่องเที่ยวที่ ฉงชิ่ง เมืองที่มีประชากรที่เยอะที่สุดในประเทศจีน จุดเด่นของ ฉงชิ่งคือ ความประสมประสานระหว่าง ความทันสมัยของเมืองใหญ่ อยู่ท่ามกลางขุนเขา ห่างออกจากตัวเมืองไป มีอุทยานแห่งชาติระดับ 5A ที่ไปเช้าเย็นกลับได้ และยังมีโอกาสได้แตะหิมะในฤดูหนาวบนยอดเขา ในวันที่สองของการเดินทาง เราตั้งใจไปที่ อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้าสะพานสวรรค์ (Three Natural Bridges) แตะหิมะที่เขานางฟ้า (Fairy Mountain) บทความก่อนหน้าผมได้เขียนถึง การจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรม พร้อม Application ที่จำเป็น และ แผนท่องเที่ยววันแรกที่แนะนำของผม บทความนี้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมเดินทางไปในวันที่สอง ช่วงที่ผมไปคือ คืนวันที่ 25 ถึง ค่ำๆวันที่ 29 ธันวาคม 2024 อากาศที่ฉงชิ่งประมาณเลขตัวเดียว และค่าฝุ่นน่ากลัวมาก แต่เนื่องจากชอบอากาศหนาว จึงถือว่า เป็นช่วงที่เที่ยวได้สบายๆเลยทีเดียว แต่ถ้าขึ้นมาที่เขานางฟ้า ก็ต้องเตรียมเครื่องนุ่งห่มมาให้พร้อม อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้าสะพานสวรรค์ (Three Natural Bridges 天生三橋) แตะหิมะที่เขานางฟ้า (Fairy Mountain) จองทริป หนึ่งวัน ออกไปสัมผัสธรรมชาติระดับ 5A กับ China Easy Ticket เที่ยวฉงชิ่งได้ทั้งแบบเมืองและธรรมชาติ วันนี้เราซื้อ 1 day trip แบบไม่มีไกด์ คือมีรถรับส่งและค่าเข้าบางส่วนไว้จาก China easy ticket ตอนหลังผมมาดู You tube ของบางท่าน ก็มีใช้บริการของ Trip.com แต่ก็จะเป็นรถทัวร์คันใหญ่ สำหรับของที่ผมใช้บริการจะเป็นรถตู้แบบ 8 ท่าน เป็นแบบรวมทริปกับท่านอื่น ของผมมีสี่คน ได้ไปรวมกับคนสิงคโปร์อีกสี่คน โชคดีมาก ได้ให้น้องๆชาวสิงคโปร์ช่วยสื่อสารภาษาจีนให้ เพราะร้านอาหาร และ คนขับรถ พูดจีนล้าน น้องๆก็ช่วยแปลเป็น ภาษาอังกฤษให้พี่ๆฟัง ยังมีแต้มบุญเหลืออยู่บ้าง สำหรับค่าใช้จ่าย จะแตกต่างกันแต่ละช่วง สามารถสอบถามกับทาง page โดยตรงได้ครับ การจอง China easy ticket เราติดต่อไว้ตั้งแต่อยู่เมืองไทย จ่ายเต็มจำนวน เรียบร้อย ก่อนวันเดินทางหนึ่งวัน ทาง คนขับรถและทาง China easy ticket จะสร้าง group บน We chat ขึ้นมา เพื่อจะนัดแนะกับเรา ประมาณสองทุ่มครึ่งของที่จีน ก็ได้รับการ เชิญเข้า กลุ่มของ We chat ซึ่งก็จะมีการนัดแนะเวลาว่า พรุ่งนี้จะมาด้วยรถทะเบียนอะไร กี่โมงจุดไหน ซึ่งของเราเค้ามารับหน้าโรงแรมช่วง 7:30 เนื่องจาก We chat มีระบบแปลภาษาให้ ก็ทำให้เราใช้ช่วงทางนี้ในการคุยกับคนขับรถเป็นหลัก นอกจากนี้ ทาง China Easy Ticket ก็จะ อยู่ในกลุ่ม We chat เดียวกับเรา คอยให้ความช่วยเหลือ แปลภาษาให้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือเราติดอะไร เราก็สามารถ Voice call ไปคุยได้ ก็ทำให้เราอุ่นใจไม่น้อย เนื่องจากอาหารเช้าเรา 7:00 โมง เราก็รีบมาทานให้เรียบร้อยก่อนแล้วก็รีบไปรอหน้าโรงแรมเนื่องจากจอดรถรอไม่ได้ พร้อมถ่ายรูปพวกเราตอนรอให้ทาง คนขับดู จะได้รู้ว่าเราหน้าตาเป็นยังไง รถก็ใหญ่พอสมควรไม่อึดอัด เวลาเดินทางขาไปจะใช้ประมาณ 4-4.5 ชั่วโมง ขากลับประมาณ 3 ชั่วโมง อย่าถามว่าทำไม ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะขึ้นเขาลงเขามั้ง และขาไปมีแวะให้เข้าห้องน้ำตรงจุดพักรถข้างแม่น้ำประมาณ 20 นาที ซึ่งเป็นวิวโค้งน้ำของแม่น้ำ ผมเข้าใจว่าเป็นแม่น้ำ แยงซีเกียง (ถ้าเข้าใจผิดก็ต้องขออภัยด้วย) วันนี้มีหมอกหรือฝุ่นหนา ก็เห็นภาพมัวๆเล็กน้อยแต่ก็เป็นวิวที่สวยงามมาก หลังจากแวะเข้าห้องน้ำ ก็จะถึงเวลาที่จะรับประทานอาหาร ซึ่งไม่รวมในค่าทริป (ราคาอาหารจะแพงกว่าในเมือง น่าจะเป็นเพราะไกล หรือเป็นทางผ่านไปแหล่งท่องเที่ยว) รอบนี้กว่าจะสั่งรู้เรื่องก็ต้องรบกวนน้องๆสิงคโปร์ที่มาในทริปเดียวกันมาช่วย อ่านเมนู เรื่องนึงที่ต้องระวังคือ อาหารบางอย่าง จะเป็นราคาต่อน้ำหนักไม่ใช่ต่อจาน เช่นปลา อาจจะเจอตัวละ 2-3 กิโล ราคาก็คูณไป แต่น้ำหนักที่นี่ ก็ไม่ใช่กิโลกรัม อาจจะเป็น ชั่ง หรือเปล่าก็ไม่รู้ เรื่องนึงที่ต้องระวัง เนื่องจากอยู่ในเส้นทางนอกเมือง อินเตอร์เน็ตไม่เสถียร ทำให้เราไม่สามารถใช้ อินเตอร์เน็ตในการแปลเมนูภาษาจีนได้ อีกข้อสังเกตนึงคือ อาหารที่ผัดกับเนื้อสัตว์จะจานใหญ่เช่น Chicken Spicy ไก่ผัดกับพริกมาล่า แต่ถ้าเป็นผัดผักก็จะจานปกติ เอาจริงๆ สี่คน จานเนื้อสัตว์จานนึง กับผักจานนึงก็พอละ สามจานด้านล่างราคารวม 268 หยวน จานไก่ผัดพริกใหญ่มาก แต่เราก็เหมาเรียบ อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า สามสะพานสวรรค์ มาถึงอุทยานแห่งชาติเขานางฟ้า ทางรถ ก็มาส่งถึง หุ่น Bubble-bee ตรงทางเข้าเลย แนะนำว่าให้ถ่ายรูปเพราะขาออกจะออกอีกทาง ตรงนี้เราต้องเลือกว่าเราอยากจะออกไปตรง กระจกที่ยื่นออกไปตรงหน้าผมหรือไม่ ซึ่งกระจกตรงนี้ยื่นออกไปประมาณ 3 เมตร ตรงนี้ผมว่า จะออกไปหรือไม่ออกก็ได้ ถ่ายรูป กระจกสะท้อนเลยอาจจะไม่เห็นความสูง เหมือนที่ตาเราเห็น ตรงนี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เริ่มการเดินทางเราจะผ่านประตูทางเข้าที่มี Bubble-bee ยืนต้อนรับเราอยู่ เมื่อเข้าไปแล้ว ก็จะเป็นการเดินบนหน้าผา เพื่อไปยังลิฟท์ ในระหว่างทางเดินก็มีวิวข้างทางที่เราสามารถดูในมุมสูงได้ มองลงไปจะเห็นทางเดินในอุทยาน ที่อีกซักพักเราต้องลงไปเดินตรงนั้นสุดทางหน้าผา จะมีทางลงลิฟท์ เมื่อลงลิฟท์ ลงมาแล้วเราต้องเดินลงบันไดยาวพอสมควร ตอนลงบันได ถ้าเป็นหนุ่มสาวก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็จะมีคนหามเกี้ยวช่วยให้เรานั่งสบายๆไปได้ (แต่พวกเราไม่ได้ใช้บริการจึงไม่ได้ถามราคา) เมื่อลงมาถึงข้างล่างจะมีแผนที่ทางเดิน ซึ่งทางเดินหลัก เราสามารถเดินไปเรื่อยไม่หลงแน่นอน ทางเดินที่นี่จะผ่านช่องเขา สามช่อง และ หนึ่งโรงเตี๊ยม โดยช่องเขาสามช่องจะมีช่องที่มีรูปเป็นนิ้วโป้ง ช่องที่สองจะเหมือนเป็นดาบ ส่วนช่องที่สาม ไม่รู้เหมือนกันเห็นเค้า แบมือถ่ายแต่ไม่รู้ว่ารูปอะไร ทางคนขับรถให้เวลาเราเดิน สองชั่วโมง แต่พวกเราใช้เวลาเกินเนื่องจากเข้าใจผิดเรื่องระยะทางที่เหลืออยู่ ใช้ไป สองชั่วโมงครึ่ง ก็ทำให้เราต้องเร่งช่วงไปเขานางฟ้า ที่ห่างออกไป 40 นาที สำหรับ อุทยานหลุมฟ้า ผมว่าก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ได้เดินเล่นถ่ายรูป สบายๆ ทางเดินก็ดีมาก มีแค่ช่วงแรกที่ลงบันไดอาจจะมีท้อหน่อย ทางเดินยาวพอสมควร ผมจำไม่ได้ว่ากี่กิโลเมตร ระหว่างทางจะผ่านช่องเขาและรูปปั้นให้เป็นจุดถ่ายรูป สำหรับช่องเขาแรกเมื่อเราเดินรอดช่องเขาออกไป แล้วมองย้อนกลับมา ก็จะสามารถชูนิ้วโป้ง มาเทียบกับช่องเขา ก็แปลกตาไปอีกแบบ สำหรับช่องเขาที่สองก็สามารถทำเป็นมือกำถือดาบได้ จริงๆมีมุมที่เค้ามีจำลอง ด้ามดาบให้เรา ก็จะทำให้สมจริงมากกว่า ไฮไลท์ของที่นี่ที่พลาดไม่ได้คือ โรงเตี๊ยมโบราณ ก่อนถึงโรงเตี๊ยมจะมีทางเดินให้เราสามารถขึ้นไปถ่ายมุมสูงได้ ใครไหวก็ขึ้นสูงหน่อย ถ่ายจากมุมสูงได้ภาพโรงเตี๊ยมสวยดี ภายในโรงเตี๊ยมจะมีร้านขายของที่ระลึก เล็กๆน้อยๆ เมื่อเราเดินออกมาถึงทางออก จะมีสถานรถกอล์ฟ ที่เราต้องจ่ายเงินอีกครั้ง คนละ 15 หยวน เพื่อจะนั่งรถกอล์ฟขึ้นไปที่ทางออกจริงที่มี ลานจอดรถ ที่รถเรารออยู่ แนะนำว่าอย่าเดิน ทางขึ้นเขายาวทีเดียว เห็นคนจีนเดินกลางทางแล้วคิดในใจว่า จะเดินกลับก็ไม่ได้ เดินไปข้างหน้าก็ทางขึ้นล้วน คงท้อใจพอสมควร จ่ายเถอะอย่าทะลึ่งเดินขึ้นเขาเลยครับ !!!!! เขานางฟ้า ช่วงปีใหม่ หิมะตามต้นสนและพื้น สวยมาก เมื่อขึ้นไปบนเขานางฟ้า พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็น ต้นสน และ ลานหญ้ากว้างๆ ช่วงปีใหม่ที่ผมไปหิมะน่าจะเพิ่งเริ่มตกไม่กี่วัน ทำให้ หิมะไม่ได้เยอะมาก แต่ตามต้นสนจะมีหิมะ อยู่ตามกิ่งต่างๆ สลับกับสีเขียวของใบสน ดูแล้วสวยงามมาก เหมือนต้นคริสมาสตามห้างในกรุงเทพเลย แต่อยู่กันเป็นป่า เพราะถ้าหนาวกว่านี้ ก็จะขาวโพลนไปหมด เมื่อขึ้นไปด้านบน คนขับรถก็ถามว่า จะไปเดินในป่าสนกับทุ่งหญ้าที่มีเครื่องเล่น หรือว่าจะไปขึ้นรถไฟซึ่งก็พาไปทุ่งอีกทุ่งนึง พวกผมเลือกนั่งรถไฟ แต่ว่าน้องๆอีกกลุ่มจากสิงคโปร์เข้าไปในป่าสนแทน เมื่อเราไปถึงสถานีรถไฟ (รถไฟแบบรถมีล้อในสวนสนุก) รถก็จะพาเราขึ้นไปประมาณ 10 นาทีจะถึงทุ่งหญ้า ที่มีทางเดินให้เราเดินเล่นไปถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัย ตรงนั้นจะมีร้านอาหารทานเล่นให้เราเลือกซื้อถ้า และถ้าเราถ่ายรูปเสร็จแล้ว (ใช้เวลาตรงลานกว้างนี้ประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง) ก็สามารถนั่งรถไฟกลับลงไปสถานี ซึ่งขากลับ รถไฟจะพาเราไปลงอีกทาง ใช้เวลาพอสมควรน่าจะ 25-30 นาทีได้ เราก็นั่งดูวิวทิวทัศน์ไปได้ตลอดทาง รู้สึกดีได้แตะหิมะ มีครบทุกรสจริงๆเที่ยวฉงชิ่งต้นฤดูหนาว กว่าเราจะเสร็จจากเขานางฟ้า เวลาก็ล่วงเลยมาถึงหกโมงเย็น หลังจากนั้นเราก็นั่งรถกลับฉงชิ่ง ถึงฉงชิ่ง สองทุ่มกว่าเกือบสามทุ่ม ตรงนี้เราก็สามารถหาอาหารเย็นทานได้ ถ้ายังหิวอยู่ วันนี้ก็ได้ความรู้สึกอีกแบบ ที่มีความประทับใจ ได้สัมผัสธรรมชาติ ไม่เหนื่อยมาก แต่ว่า นั่งรถนาน แต่ก็เป็นสถานที่ที่ต้องมา ไม่งั้นเดี๋ยวหาว่ามาไม่ถึง ฉงชิ่ง ที่มาของรูปภาพ รูปภาพปกและสถานที่ เจ้าของบทความเป็นผู้ถ่ายและตกแต่งเอง สามารถดูบทความของวันแรกของสถานที่ด้านล่าง ได้ที่ https://intrend.trueid.net/post/481040 เจี่ยฟ่างเป่ย มหาศาลาประชาคม สถานีหลีจื่อป้า ตึกตะเกียบ Chongqing Art Gallery Huaujueping Grafiti Street ถนนแห่งสตรีทอาร์ตที่ใหญ่ที่สุดในจีน ย่านมหาวิทยาลัย Sichuan Fine Arts Institute ร้านชาบนเนินเขา ถนนอาหาร Chongqing Haochi Street อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !