หากพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อเรื่องทะเลหมอกและอากาศเย็นตลอดทั้งปีในภาคเหนือของไทย หนึ่งในสถานที่ที่คนไทยนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ คือ “ภูทับเบิก” จังหวัดเพชรบูรณ์ ภูทับเบิกเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดนี้ อยู่ในอำเภอหล่มเก่า มีความสูงประมาณ 1,768 เมตรจากระดับน้ำทะเล บรรยากาศบนยอดภูเต็มไปด้วยธรรมชาติ ภูเขาสลับซับซ้อน หมู่บ้านชาวม้ง และไร่กะหล่ำปลีขนาดมหึมา ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่ใครได้มาเยือนสักครั้งก็อยากกลับมาอีก เส้นทางการเดินทางสู่ภูทับเบิก การเดินทางไปภูทับเบิกสามารถไปได้หลายเส้นทาง แต่ที่นิยมที่สุดคือจากตัวเมืองเพชรบูรณ์ ใช้ถนนหล่มสัก–พิษณุโลก (ทางหลวงหมายเลข 12) แล้วเลี้ยวเข้าสู่ทางขึ้นภูทับเบิกที่อำเภอหล่มเก่า เส้นทางขึ้นมีโค้งค่อนข้างเยอะ เป็นทางชันแบบภูเขา แต่ถนนลาดยางอย่างดี เหมาะสำหรับรถยนต์ส่วนตัว โดยเฉพาะช่วงเช้าตรู่ที่หมอกยังคลอเคลียตามขอบเขา จะได้เห็นทิวทัศน์สองข้างทางที่สวยงามมาก ระหว่างทางยังมีจุดชมวิวเล็ก ๆ ให้แวะพักเป็นระยะ ๆ ถ้าคุณไม่มีรถส่วนตัว ปัจจุบันมีรถสองแถวและรถตู้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวจากหล่มเก่าและหล่มสักขึ้นไปภูทับเบิก ค่าบริการไม่สูงมาก และสะดวกสบายพอสมควร บรรยากาศบนภูทับเบิก เมื่อขึ้นไปถึงยอดภูทับเบิก สิ่งแรกที่สัมผัสได้คืออากาศเย็นสดชื่น แม้ในฤดูร้อนก็ยังเย็นกว่าด้านล่างหลายองศา อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ราว 18–25 องศาเซลเซียส ในฤดูหนาวอาจต่ำกว่า 10 องศา ทำให้ต้องเตรียมเสื้อกันหนาวหรือผ้าคลุมไปด้วย วิวรอบ ๆ เป็นทิวเขาสูงต่ำสลับกันไกลสุดลูกหูลูกตา เมื่อมองลงไปจะเห็นทะเลหมอกลอยละล่องหนาแน่น โดยเฉพาะช่วงเช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น นักท่องเที่ยวจำนวนมากมักตื่นตีห้าเพื่อมาจองมุมสวย ๆ ถ่ายภาพทะเลหมอกที่เปลี่ยนสีไปตามแสงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ โผล่พ้นขอบฟ้า ความรู้สึกตอนนั้นมันทั้งสงบ อบอุ่น และน่าตื่นตาตื่นใจในเวลาเดียวกัน หมู่บ้านชาวม้งและวิถีชีวิต บนภูทับเบิกเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวม้งจำนวนมาก ชาวบ้านยังคงดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิม มีการปลูกผักเมืองหนาวเป็นอาชีพหลัก เช่น กะหล่ำปลี ข้าวโพด สตรอว์เบอร์รี บรอกโคลี และพืชผักอีกหลายชนิด นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมไร่กะหล่ำปลีที่กว้างสุดลูกหูลูกตา หรือเลือกซื้อผักสด ๆ กลับบ้านได้ในราคาย่อมเยา นอกจากนี้ยังมีโฮมสเตย์และร้านอาหารท้องถิ่นที่เปิดบริการโดยชาวบ้าน ให้คุณได้สัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายและอบอุ่น เช่น อาหารพื้นบ้านแบบม้ง หมูกระทะท่ามกลางลมหนาว หรือกาแฟดริปร้อน ๆ ที่ชงจากมือเจ้าของร้านเอง จุดชมวิวสำคัญ ภูทับเบิกมีจุดชมวิวหลักหลายจุด แต่ละจุดมีเอกลักษณ์ต่างกัน จุดชมวิวหลักบนยอดภู เป็นลานกว้างที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกได้เกือบ 360 องศา ลานกางเต็นท์และที่พัก ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ตามสันเขา นักท่องเที่ยวจะได้เห็นทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินในที่เดียว ไร่กะหล่ำปลี อีกหนึ่งจุดถ่ายรูปยอดนิยม โดยเฉพาะช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ ๆ ที่แสงแดดอ่อน ๆ สาดลงมาบนแปลงผัก ทำให้ได้ภาพสวยแปลกตา ที่พักและการกางเต็นท์ ภูทับเบิกมีทั้งรีสอร์ต โฮมสเตย์ และลานกางเต็นท์หลากหลายระดับราคา ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน บางรีสอร์ตตกแต่งสไตล์บ้านไม้ มีระเบียงชมวิว บางที่มีบริการหมูกระทะเสิร์ฟถึงหน้าห้อง สำหรับคนชอบสัมผัสธรรมชาติใกล้ชิด การกางเต็นท์บนภูทับเบิกถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด ยามกลางคืนคุณจะได้เห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และอากาศเย็นสบาย พร้อมเสียงลมพัดเบา ๆ พอตื่นเช้ามาก็แค่เปิดเต็นท์ออกมาก็เจอทะเลหมอกอยู่ตรงหน้า กิจกรรมที่ทำได้บนภูทับเบิก 1. ชมทะเลหมอกยามเช้า – เป็นกิจกรรมหลักที่ทุกคนต้องทำ 2. ถ่ายภาพวิวและไร่กะหล่ำปลี – ได้ทั้งภาพวิวกว้างและภาพแนวศิลป์ 3. นั่งจิบกาแฟ/กินหมูกระทะ – บนยอดเขาอากาศเย็น ๆ การนั่งกินหมูกระทะถือเป็นฟีลที่หลายคนติดใจ 4. เดินเล่นหมู่บ้านม้ง – ดูวิถีชีวิตและเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่น 5. ขับรถ/ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวจุดชมวิวอื่น ๆ รอบ ๆ – เช่น พระตำหนักภูทับเบิกหรือจุดชมวิวเขาค้อที่อยู่ไม่ไกล เคล็ดลับการไปเที่ยวภูทับเบิก เลือกช่วงเวลา: เดือนตุลาคม–กุมภาพันธ์จะได้หมอกหนาและอากาศเย็นสุด ส่วนช่วงฤดูฝนก็จะได้วิวเขียวชอุ่มแต่ต้องระวังฝนตก เตรียมเสื้อผ้า: อากาศบนภูหนาวกว่าที่คิด ควรเตรียมเสื้อกันหนาว หมวก และถุงมือ ขับรถด้วยความระมัดระวัง: ทางขึ้นเป็นโค้งชันและมีหมอก ควรใช้เกียร์ต่ำและไม่ขับเร็ว จองที่พักล่วงหน้า: โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวหรือเทศกาล เพราะคนเยอะมาก ความรู้สึกหลังได้มาเยือน ภูทับเบิกไม่ใช่แค่จุดชมวิว แต่เป็นสถานที่ที่ทำให้เราได้หยุดพักจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ มองดูทะเลหมอกที่เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ฟังเสียงลมพัดผ่านไร่กะหล่ำปลี และสัมผัสรอยยิ้มของชาวบ้านที่เป็นมิตร ทุกอย่างทำให้ทริปนี้เต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆไม่ว่าคุณจะมาแบบครอบครัว คู่รัก หรือกลุ่มเพื่อน ภูทับเบิกก็มีเสน่ห์ที่ทำให้แต่ละคนได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป บางคนมาหาความโรแมนติก บางคนมาหาความสงบ และบางคนมาหาภาพสวย ๆ แต่ทุกคนล้วนกลับไปพร้อมความประทับใจ สรุป “ภูทับเบิก” คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไปให้ได้สักครั้งในชีวิต ด้วยธรรมชาติที่งดงาม อากาศเย็นสดชื่น วิถีชีวิตชาวม้งที่น่าสนใจ และทะเลหมอกที่ตราตรึงใจ เมื่อคุณได้มายืนอยู่บนยอดภูในเช้าตรู่ มองดูพระอาทิตย์ค่อย ๆ โผล่ขึ้นจากทะเลหมอก คุณจะรู้ว่าการเดินทางที่ยากลำบากคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้เจอ #ภูทับเบิก #ทะเลหมอก #ที่เที่ยวเพชรบูรณ์ #ที่เที่ยวหน้าหนาว #เที่ยวภูเขา ---- เครดิตภาพ : เจ้าของบทความ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !