เรามีโอกาสไปเที่ยวสุราษฎร์ธานี หน้าฝนเดือน กค. 2565 โดยมีเวลา วันแรกแค่ครึ่งวัน วันที่ 2 มีเต็มวัน และวันที่ 3 มีอีกครึ่งวัน จะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง แต่บอกคำเดียวว่าโปรแกรมอัดแน่นมากเทียบกับเวลาที่มีเราอยากบินตรง เชียงใหม่ - สุราษฎร์ธานี เลยต้องใช้บริการ แอร์เอเชีย เพราะมีบินตรงเจ้าเดียว ถ้าเลือกสายการบินอื่นต้องไปต่อเครื่องที่ดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิวันแรก เที่ยวบินออกจากเชียงใหม่ 11.25 ไปถึงสุราษฎร์ธานี 13.15 น. ใช้เวลา 1 ชม. 50 นาที ปรากฏว่าเครื่อง แอร์เอเชีย ลงตรงเวลาเป๊ะ 13.15น. สนามบินเชียงใหม่ สนามบินสุราษฎร์ธานี เพิ่งเคยมาครั้งแรก ดีไซน์สวยงามมากค่ะพอลงเครื่อง เราก็เดินไปถามที่เคาเตอร์ พันทิพย์ท่องเที่ยว ในสนามบิน จนท.ก็บอกให้เดินมาด้านหน้าสนามบิน จะมีรถของ พันทิพย์ท่องเที่ยว จอดรอรับทุกเที่ยวบินที่ลงมา (เพราะรถเค้าจะเช็คจาก app thai flight สีฟ้าๆ ว่าวันนี้มีเที่ยวบินไหนลงเวลาไหน แล้วเค้าจะรอรับทุกเที่ยวบิน) จนท.บอกให้ขึ้นไปนั่งรอบนรถได้เลย รถเหมือนจะรอผู้โดยสายไฟลท์อื่นๆด้วย รถออกจริงตอน 13.50 คนก็ไม่เต็มรถนะ นั่งกันสบายๆ มี 8 คน อยากให้ที่เชียงใหม่มีรถโดยสารแบบนี้บ้าง เพราะค่า taxi สนามบินเชียงใหม่แพงมาก จากสนามบินไปใกล้ๆ 15 กิโล ค่า taxi 350 บาท รอบนรถสักพักก็มีเจ้าหน้าที่ ขึ้นมาเก็บค่ารถ 100 บาทและให้ตั๋วบนรถเลยค่ะ โทรสอบถามได้ตามเบอร์ในตั๋วเลยค่ะ รถใช้เวลาวิ่งจากสนามบิน 45 นาที ก็มาจอดส่งหน้า ออฟฟิศ พันทิพย์ท่องเที่ยว ในตัวเมือง ( ค้นกูเกิ้ลคำว่า phantip travel ได้เลย) จากออฟฟิศพันทิพย์ท่องเที่ยว เรากะจะเดินไปโรงแรมมายเพลส แต่เราดันเดินหลงทางไปทางตรงข้าม เพราะเน็ตมันติดๆหลุด เปิดแผนที่กูเกิ้ลก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เลยเดินหลงไปทางตลาดเกษตร 2 เจอท่ารถที่สามารถเดินทางไปหลายที่เลย (มา search google ทีหลัง ตรงที่เราเดินหลงไป คือ คิวรถตู้ตลาดเกษตร 2) ก็ดีได้รู้ว่า มีรถไปที่ไหนบ้างสะดวกพอสมควร คิวรถตู้ตลาดเกษตร 2 ตอนอยู่แถวคิวรถตู้ เน็ตเริ่มกลับมาแล้ว เลยรู้ว่าหลงทาง เดินหลงประมาณ 15 นาทีได้มั้ง และเริ่มเดินกลับมาที่โรงแรมมายเพลส ระยะทาง 700 เมตร (ถ้าไม่หลงทาง แล้วเดินจาก พันทิพย์ท่องเที่ยว ไปโรงแรมมายเพลส คือ 500 เมตร)ในที่สุดก็เจอโรงแรมมายเพลสแล้ว ดีใจจัง เป้หนักมาก มาถึงโรงแรมมายเพลสตอน 15.00น. พอดีตอนเช็คอินผิดหวังหน่อย เพราะโทรจองล่วงหน้า 1 เดือนขอห้องพัดลมราคาประหยัด 199 บาท (ใช้ห้องน้ำรวม) พนง.บอกว่าจองและลงบันทึกให้เรียบร้อย (พนง.ถามแค่ชื่อเรา แต่ก็ไม่ได้ถามเบอร์โทรไว้ ก็งงๆเหมือนกัน) แต่พอไปถึง พนง.บอกว่า ห้องพัดลมราคาประหยัดเต็ม เพราะลูกค้าขออยู่ต่อ เลยได้ห้องพัดลมธรรมดา ราคา 220 บาท (ใช้ห้องน้ำรวม) เหอะๆ เราถามว่า ต่างกันยังไง พนง. บอกว่า ห้อง 220 บาท ได้น้ำกับทิชชูเพิ่ม แต่ด้านการจอง ก็ไม่ประทับใจ คงไม่ได้มาพักที่นี่อีกแล้วค่ะ ห้องพักเป็นห้องพัดลม แต่ลองเปิดพัดลมแล้วหายใจไม่ออก จมูกตันหนักมาก พอปิดพัดลมเลยรู้ว่า อากาศเย็นอยู่แล้วนี่นา นอนห่มผ้าเปิดหน้าต่างคือกำลังดี แต่หน้าต่างก็น่ากลัวเล็กน้อยเพราะมีระเบียงที่เชื่อมต่อทั้งอาคาร คือสามารถปีนจากหน้าต่างห้องอื่นมาหน้าต่างห้องเราได้ ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกติดฟิล์มกระจก ไม่ทราบว่ามีคนอยู่ไหม เพราะมองเข้าไปก็มืด ห้องก็มีแค่ตู้เสื้อผ้า กับโต๊ะเครื่องแป้ง เก้าอี้ เตียง โต๊ะหัวเตียง และโต๊ะอีกโต๊ะไว้วางกระเป๋าได้ แต่ห้องก็ใหญ่ดี แต่ทิชชูที่ให้เป็นเศษครึ่งม้วนที่ใช้ต่อจากคนก่อนหน้านะจ๊ะ ห้องน้ำรวมไม่มีทิชชู มีแต่สบู่เหลวสีชมพูให้กดได้ ที่เราสังเกตคือ ชั้น 4 ไม่มีแขกผู้หญิงคนอื่นเลย เห็นแต่แขกผู้ชายเดินมาเข้าห้องน้ำรวม มีโซฟานั่งพัก ฝั่งริมสุดของชั้น 4 ดูท่าจะนั่งสบาย ได้พักชั้น 4 ขึ้นลงบันไดหลายๆรอบ ก็หอบแฮ่ก พอสมควร ไม่มีลิฟท์จ้ะ ลองติดต่อ พนง. ว่าจองรถ พันทิพย์ท่องเที่ยวให้มารับที่โรงแรมพรุ่งนี้เช้า ได้ไหม พนง.ติดต่อให้และยื่นตั๋วให้ ราคา 150 บาท คือ เงิบจ้า อ๋อ โรงแรมเค้าบวกเพิ่มค่าเรียกรถมารับ 50 บาท เราเลยบอก ไม่เป็นไร เดินไปเองดีกว่า 500 เมตร เดินสบายๆ ประหยัดไป 50 บาทที่เที่ยว 1 # เกาะลำพูค้นก่อนจะมาแล้ว ว่าเกาะลำพูเดินไปได้ไม่ไกลมากจากโรงแรมมายเพลสแค่ 1.7 กิโล และเป็นสวนสาธารณะที่มีวิวแม่น้ำสวยดีและมีต้นไม้ร่มรื่นเน็ตเริ่มกลับมาใช้ได้ เลยเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำตาปี จะไปเกาะลำพู บนสะพานมีฟุตปาทเดินสบายตอนเดินข้ามสะพานมองเห็นเกาะลำพูอยู่ด้านข้างทางเข้าเกาะลำพูต้นลำพูขึ้นรอบๆเกาะ สมชื่อเกาะลำพูโชคดีมาก พอข้ามสะพานไปถึงเกาะแล้ว เจอร้านเช่าจักรยาน ที่กำลังอยากได้พอดี ค่าเช่า 1 ชม. 50 บาท แต่ดูท่าฝนจะตก เพราะอากาศเย็นๆ ลมแรง เลยขอเช่า 30 นาที 25 บาท บรรยากาศเกาะลำพูดีมาก ร่มรื่น ลมเย็น มีเครื่องออกกำลังกายหลายๆจุด มีสระน้ำ มีเลนให้คนและจักรยานวิ่ง คือดีงามพระราม 8 มาก คนสุราษฎร์ธานีโชคดีจัง ถ้าเราอยู่สุราษฎร์ธานีจะมาเดินเล่นชิลๆ พักผ่อนที่นี่บ่อยๆ ชอบมากๆบรรยากาศเกาะลำพู เหมาะกับเป็นสวนสาธารณะมากๆ แต่ก็รีบเดินกลับ เพราะลมมาแรง ท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนจะตก เราไม่มีร่มด้วยที่เที่ยว 2 # ศาลหลักเมืองตอนเดินกลับแวะไหว้ศาลหลักเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคลที่ได้มาเยือนจังหวัดสุราษฎร์ธานีกลับถึงโรงแรมมายเพลสแล้วอาบน้ำ ฝนก็ตกเลยจ้า เราเที่ยวแบบสว.น้า ขอกลับโรงแรมก่อนมืดแต่ตอนออกขอออกเช้าตรู่ พรุ่งนี้ตื่นตี 5 เพื่อไปซื้อของกินที่ family mart ใกล้ๆโรงแรมมายเพลส ร้านเปิดตี 5 วันที่ไป อาหารแช่แข็งมีให้เลือกน้อยไปหน่อย อาจเป็นเพราะไปเจอจังหวะที่ร้านรอรับของล็อตใหม่ก็ได้ เราก็รีบซื้อกลับมากินที่ห้อง ลิ้นห้อยตอนขึ้นชั้น 4 อีกตามเคย พอกินเสร็จ ก็เก็บของ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย แล้วก็เช็คเอาท์เพื่อเผื่อเวลาเดินไปรอขึ้นรถ พันทิพย์ท่องเที่ยว ไปสนามบิน รอบ 7 โมงเช้า ซึ่งรถจะออกจากหน้าออฟฟิศ พันทิพย์ท่องเที่ยว 7 โมงตรง ใช้เวลาเดินจาก my place 5 นาที เราต้องไปสนามบินเพราะเรามีนัดกับกลุ่มที่จะไปปฏิบัติธรรมที่สนามบิน ประมาณ 8.30น. คือคนอื่นเค้าบินกันมาจาก กทม.วันนี้ แต่เราบินมาล่วงหน้า 1 วันเพราะไฟลท์บินตรงเชียงใหม่ - สุราษฎร์ธานีมีแค่วันละ 1 ไฟลท์เท่านั้น และมาถึงสุราษฎร์ธานี 13.15 น. ของทุกวัน เช็คเอาท์ซะเช้าเลยประมาณ 6.45น. เดินไปถึงขึ้นนั่งรอบนรถ พันทิพย์ท่องเที่ยวอีกรอบ ซื้อตั๋วด้านในออฟฟิศ พันทิพย์ท่องเที่ยว ได้เลย หรือ จะรอ พนง.มาขายตั๋วบนรถก็ได้ รถจะจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามออฟฟิศ ต้องข้ามถนนมา แต่ข้ามง่าย รถว่างรถใช้เวลาวิ่ง 45 นาที ก็มาถึงสนามบิน 7.45 น. มีเวลาถ่ายรูปเบอร์โทรตามบู๊ทรถเช่าต่างๆ เผื่อมาใช้บริการรอบหน้า จากตรงนี้ คือ เราไปปฏิบัติธรรม เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน พอวันที่ 8 ตรงกับเช้าตรู่วันเสาร์ ก็จบคอสออกมา เราเลยได้เพื่อนจากกลุ่มปฏิบัติธรรม มาเที่ยวด้วยกัน 12 คน ตั้งแต่เช้า ถึงประมาณ บ่าย 2 โมง ดีต่อใจมากๆ ทุกคนจะจองไฟล์ทกลับ กทม. กันวันนี้ แต่ละคนจองไฟล์ทกลับ คนละเวลากัน มีตั้งแต่ช่วง บ่าย 3 - หกโมงเย็น โดยพวกเราเช่าเหมารถตู้มาเที่ยวกันในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ที่เที่ยว 3 # เขาท่าเพชรที่แรกที่มา คือ ป่าในเมืองเขาท่าเพชร ที่นี่จะมีพระธาตุศรีสุราษฎร์ให้ได้สักการะบูชาด้วย พอไปแล้วก็ต้องขึ้นเขา แต่ไม่ชันมาก และขึ้นเป็นระยะทางสั้นๆ เห็นคนมาออกกำลังกายกัน หรือบางคนก็มาวิ่ง ได้สักการะ พระธาตุศรีสุราษฎร์และมีต้นไม้ที่ในหลวง ร.9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์และกรมสมเด็จพระเทพได้ทรงปลูกไว้ด้วย มีศาลาตั้งตรงจุดชมวิว เห็นตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ที่นี่มีงูในขวดโหล ตั้งโชว์ไว้ด้วย มีทางเดินศึกษาธรรมชาติและมีศาลเจ้าแม่กวนอิมให้สักการะบูชาด้วยเห็นว่ากำลังมีการก่อสร้างอาคาร ครอบศาลาในหลวง ร.9 และ ครอบศาลากรมสมเด็จพระเทพ และต่อไป จะมีสร้างทางเดินกระจกยื่นออกไปเป็นจุดชมวิวด้วย เห็นทีจะต้องมาอีก ตอนทางเดินกระจกเสร็จซะแล้วโปรแกรมต่อไป ไปกินอาหารกันที่ร้าน ลำพู 3 ที่เลือกร้านนี้เพราะเพื่อนค้นมาว่าอาหารมาเร็วและอยู่ริมแม่น้ำ วิวสวยกว่าสาขาอื่น ปรากฏว่าอาหารมาเร็วทันใจจริงๆ วิวแม่น้ำก็ลมเย็นดี สั่งอาหารมา 2 ชุด กินกัน 12 คน ตกคนละ 365 บาท รสชาติอร่อยใช้ได้เลย ที่เที่ยว 4 # ล่องเรือชมคลองบางใบไม้โปรแกรมต่อไป ไปล่องเรือชมวิถีชีวิตที่คลองบางใบไม้ ลอดอุโมงค์ต้นจาก เจ้าของเรือผู้นำชม คือ คุณภาณุ เบอร์โทร 086 - 267 - 6695ให้โทรนัดกับคุณภาณุล่วงหน้า เผื่อคุณภาณุมีนัดกับลูกค้าอื่นจะได้เลือกเวลาที่ว่างตรงกันได้ และคุณภาณุจะขอทราบจำนวนคนเพื่อจะเตรียมเสื้อชูชีพและร่มมาให้เพียงพอคุณภาณุล่องเรือมารับตรงท่าเรือตรงข้ามศาลหลักเมืองคุณภาณุไม่ใช่แค่นำล่องเรืออย่างเดียว แต่เขาอธิบายดีมาก เขาบอกว่าล่องเรือพานักท่องเที่ยวชมคลองบางใบไม้ หรือ เขาตั้งชื่อว่าคลองร้อยสาย มา 20 กว่าปีแล้ว คุณภาณุคอยอธิบาย ถึงจุดต่างๆที่ล่องเรือผ่านตลอด เช่นบอกว่า ต้นไม้ที่ล่องเรือผ่านนี้ต้นอะไร บ้านหลังนี้อายุหลายร้อยปีแล้วมีต้นจากปลูกอยู่มากมาย คุณภาณุบอกว่า อยู่หน้าบ้านใคร คนนั้นคือเจ้าของผู้ดูแล เพิ่งเคยเห็นดอกลำพู คุณภาณุล่องเรือไปใกล้ และเด็ดมาให้ชม มีผ่านต้นไม้ที่นกกระยางหลายๆตัวชอบมาเกาะด้วย ล่องเรือมาสักพักก็มาถึงแล้ว จุดไฮไลท์ จุดเช็คอิน อุโมงค์ต้นจากบรรยากาศสวยงามจริงๆ คุณภาณุจอดเรือให้ทุกคนได้ถ่ายรูปเดี่ยวหน้าเรือจนครบทุกคน เสร็จแล้วคุณภาณุก็ขอถ่ายรูปพวกเราเป็นที่ระทึก 555ผ่านบ้านไม้โบราณ 100 ปี ที่ยังมีคนอาศัยอยู่ปกติ ไฮไลท์อีกอย่าง คือ คุณภาณุ จะมีการสาธิตวิถีชีวิตชาวบ้าน คือ การทำมวนบุหรี่จากใบจาก การทำหลังคามุงจาก และทำกระบวยตักน้ำจากใบจาก โดยทำเสร็จแล้วก็ให้กลุ่มเรามาเป็นที่ระลึกด้วย ทุกคนประทับใจมากๆ ที่ได้ดูการทำของพื้นบ้านแบบสดๆ โปรแกรมกับกลุ่มเพื่อน จบลงแค่ตรงนี้ เพราะถึงเวลาที่ทุกคนจะแวะร้านของฝาก และไปสนามบินแล้ว เราเป็นคนเดียวที่อยู่สุราษฎร์ธานี ต่ออีกคืน เลยขอลงรถก่อน ที่ โรงแรม Sleep Station ที่เป็นทางผ่านก่อนไปร้านของฝากพอดี (ถ้าค้นแผนที่กูเกิ้ล มันจะโผล่มัน 2 อัน แต่อันที่ใช่คือ Sleep Station ที่มีตัวอักษร S ใหญ่นำหน้า)เราจองโรงแรมนี้ผ่านโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ราคาเต็ม 490 บาท พอลดราคาแล้ว จ่ายเองที่ 294 บาท เราเลือกพักฝั่งรีสอร์ท มีที่จอดรถหน้าห้อง เพราะถูกกว่า ฝั่ง Sleep Station ซึ่งราคาจะเป็น 590 บาทในห้องมีน้ำเปล่าให้ 2 ขวด ทิชชู 1 ม้วนเต็ม ในห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัว 2 ผืนลองเปิดไฟทุกดวงในห้อง ก็ยังมืดไปหน่อย มันไม่มีดวงไหนที่เป็นไฟสว่างๆ ให้อ่านหนังสือเลยอะ มีแต่ไฟแบบสลัวๆเป็นห้องแบบไม่มีหน้าต่างอะค่ะ เลยดูอึดอัดเล็กน้อย ดีที่ห้องน้ำแยกโซนเปียก โซนแห้ง แต่พออาบจริงก็เปียกไปถึงโซนแห้งพอสมควร เพราะไม่มีม่านกั้น ขออภัยมือสั่นภาพเบลอ มีเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ให้ แต่ไม่มีโซฟาเช็คอินแล้วนั่งพักแป๊บเดียว เราก็โทรไปติดต่อเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ร้าน motorbike rentals suratthani (ค้นกูเกิ้ลใช้คำนี้เลย) โทร 081 164 6865ร้านบอก จะมารับที่โรงแรม เพื่อพาไปทำสัญญาเช่าที่ร้าน ให้มายืนรอหน้าโรงแรม รอซัก 15 นาที เจ้าของร้าน motorbike rentals suratthani ก็เอารถยนต์สีขาวมารับ ไปที่ร้าน ซึ่งอยู่ห่างกันแค่ 1.7 กิโลงงนิดหน่อย เพราะก่อนจะมาซัก 2-3 อาทิตย์โทรมาถามร้าน ว่า มีบริการ รับ-ส่งรถที่โรงแรมในตัวเมืองไหม เค้าบอกมี แต่พอโทรไปวันนี้ตอนมาถึงจริง จะเช่าจริงเค้าพูดทำนองว่า ที่มารับนี่เป็นบริการพิเศษ แต่จริงๆคุณต้องมารับ-ส่งรถเองที่ร้านและอีกอย่างที่งงๆ คือ เจ้าของร้านต้องถามเราทุกครั้งที่โทรไปถาม ว่า น้องมาจากไหน เลยคิดว่า มันมีผลต่อการเช่าแน่เลย เรื่องที่ว่า เรามาจากไหนรถ scoopy กับ click 110 cc ค่าเช่าวันละ 250 บาทต่อ 24 ชม. ส่วนรถ click 125 cc ค่าเช่า 300 บาทต่อ 24 ชม. คือถ้าเช่า บ่าย 2 วันนี้ ต้องคืน บ่าย 2 วันรุ่งขึ้น จ่ายค่ามัดจำ 2000 บาท (ร้านคืนให้ตอนคืนรถ) ถ้าจะเช่าเราต้อง 1. เซ็นเอกสารสัญญาเช่า 2. ร้านถ่ายรูปหน้าบัตรประชาชนเรา 3. ร้านถ่ายรูปหน้าตรงของเรา 4. เราจ่ายค่ามัดจำ 2000 + ค่าเช่า 250 = 2250 บาทเราเลือกเช่า scoopy ร้านบอกให้เติมน้ำมัน 91, 95 และชี้ทางไปปั๊มให้ ซึ่งใกล้กับร้านมากๆที่เที่ยว 5 # ป่าในเมืองบ้านห้วยทรัพย์เช่าเสร็จประมาณ 14.00 ก็รีบไปเติมน้ำมัน เพราะรถมอเตอร์ไซค์เช่านี่น้ำมันต้องอยู่ที่ขีดแดงทุกคัน เติมเสร็จสบายใจ ก็มุ่งหน้าไป ป่าในเมืองบ้านหัวยทรัพย์ที่หมายใจไว้ อยู่ห่างไป 17 กิโลวิ่งไปเรื่อยๆ พอเข้าทางหลักเส้น 2007 แล้วตรงอย่างเดียว เลี้ยวขวาตอนใกล้จะถึง ไม่ยากถึงแล้ว ป่าในเมืองบ้านห้วยทรัพย์บรรยากาศเงียบสงบมาก ตอนเราไปถึง เจอกลุ่มน้องผู้ชายวัยรุ่นเดินออกมา 3-4 คน เอง พอเค้าออกไปแล้ว ก็เหลือแต่เรา ไม่มีใครอื่น ชอบๆๆ บรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่น เป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์ มาศาลาให้นั่งเล่น หลายๆจุด ตามทางเดินด้วยค่ะ และมีสะพานข้ามแม่น้ำ เดินมาถึงศาลารองสุดท้าย ฝนก็ตกลงมา เราเลยไปหลบฝนในศาลา แต่ตกหนักแป๊บเดียวก็ซาแล้ว เลยเดินต่อไป มองไปตามพื้นจะเห็นปูวิ่งเต็มเลย แล้วก็ถึงจุดปลายสุดของทางเดินค่ะ อันนี้คือเริ่มเดินกลับทางเดิมแล้วค่ะ บางช่วง ราวสะพานชำรุด ถ้ามีเด็กมาด้วยระวังตกนะคะ เจอศาลาชำรุด เอียงกะเท่เร่ และมีโครงสร้างทางเดินที่สร้างไม่เสร็จมาถึงตรงนี้ จะขอเลี้ยวซ้ายไปดูหน่อย เพราะขามา ไม่ได้เลี้ยวไป เจอน้องลิงก่อนเลี้ยวซ้ายด้วย ดีเหมือนกัน ไม่กล้าเผชิญหน้าน้องลิง กลัวน้องกระชากกระเป๋าหาของกิน (ระแวงจัด) เจอรากต้นไม้สวยงามมากเดินมาไม่ไกลก็สุดทาง เป็นระเบียงชมวิวกลับมาทางเดิมที่เจอน้องลิง โชคดีน้องลิงไปแล้ว ปลอดโปร่ง จบทริปวันนี้ เนื่องจากเราไม่กินข้าวเย็น เลยเดินทางกลับโรงแรมเลยมาถึง Sleep station ประมาณ 5 โมงเย็น ยังไม่มืด ตามสไตล์สว. ไม่กินข้าวเย็น เข้าห้องพักผ่อนยาวเลย พรุ่งนี้ออกเช้าตรู่อีก สรุป ไม่ค่อยได้หลับเต็มตาเท่าไร เพราะห้องข้างๆ ขี่บิ๊กไบค์มาและเข้าออกตลอด แค่สตาร์ทเครื่องเสียงก็ดังลั่นซอยแล้วจ้า ล่าสุดได้ยินเสียงแล้วดูนาฬิกา ก็ ตี 2 ครึ่ง เหอะๆๆ ตื่นตี 5 ออก 6 โมง กะจะไปชิมร้านมังสวิรัต หรือ ค้นในกูเกิ้ล ว่า บั้งไฟ หรือ bungfireไปถึง คือ เงิบจ้าเงิบ คือโทรไปก่อนตั้งแต่เมื่อวานจะถามว่าเปิดไหม ก็มีคนรับ แต่บอกว่าไม่ใช่เบอร์ร้าน ค้นหาเบอร์ร้านเบอร์อื่นก็ไม่เจอ ปรากฏว่าร้านปิดทุกวันอาทิตย์จ้า แหม อย่างกับถูกหวย มีแต่แมวมารอต้อนรับ ที่เที่ยว 6 # น้ำตกวิภาวดี (น้ำตกบ้านใน)ช่างมัน ไปต่อที่หมายถัดไป น้ำตกวิภาวดี (น้ำตกบ้านใน) เวลาค้นกูเกิ้ลให้ใช้คำว่า น้ำตกบ้านใน เพราะน้ำตกวิภาวดีจะมี 2 แห่งก่อนจะถึงเล็กน้อย จะเห็นสะพาน และมีถนนแยกออกซ้ายมือก่อนถึงสะพาน ให้ออกซ้ายมาตามถนนนี้ แล้ววิ่งไปลอดใต้สะพาน จะถึงง่ายกว่า ไม่ต้องไปยูเทินไกล น้ำตกอยู่ติดถนนใหญ่ เรียกว่า เป็นน้ำตกที่เดินทางสะดวกดีทีเดียว เราไปถึง 8 โมงเช้า เลยเงียบกริบ ไม่มีคนเลยซักคนเดียว แต่เห็นแผงร้านขายอาหารหลายร้านหน้าน้ำตก ถ้ามานั่งกินส้มตำคงจะฟินน่าดู ที่นี่จะทำบันไดปูน และทางเดินปูนไว้ให้ริมน้ำตกเลย แต่ถ้าเปียกน้ำและมีตะไคร่ก็ลื่นพอควร ที่นี่ยังทำที่นั่งเหมือนอัฒจันทร์รอบๆน้ำตกด้วย อะแฮ่ม ตอนแรกวันนี้กะจะมาน้ำตกนี้ที่เดียว แต่เห็นเวลาเหลือ เพราะไม่ได้แวะกินข้าวเช้า เลยเปลี่ยนแผน คือจะไปคลองน้ำใสเพิ่ม ซึ่งไกลพอควร วิ่งไป 90 กว่ากิโล ใช้เวลาชั่วโมงกว่า งั้นรีบไปกันเลยีระหว่างทางตื่นเต้นระทึกหน่อย เพราะกูเกิ้ลมันแนะนำว่าเจอเส้นทางใหม่ จะเลือกไปไหม เร็วขึ้น 4 นาที เราก็เลยกดยอมรับ ปรากฏว่าเป็นถนนเส้นที่ไม่มีปั๊มเลยเป็นระยะยาวมากๆ (มาค้นทีหลัง ว่าถนนเส้นนี้คือถนนเส้น 44) เราวิ่งรถไปเรื่อยๆจน น้ำมันใกล้จะหมด ขี่ไปใจเริ่มสั่น พอผ่านตรงที่คล้ายๆค่ายทหารเลยแวะถามหาปั๊ม เค้าบอกไปต่ออีก 5 กิโลจะเจอปั๊มเชลล์ (มาค้นทีหลังจุดที่เราแวะถาม คือ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 46) เลยรู้สึกโล่งขึ้นมาก เพราะ 5 กิโล เราคิดว่าไปถึงชัวร์ๆ วิ่งไปสักพักก็เจอปั๊มเชลล์ตามที่เจ้าหน้าที่เค้าว่า จนท.เค้าบอก มอเตอร์ไซค์มาน้ำมันหมดแถวนี้เยอะเพราะเป็นเส้นที่ไม่มีปั๊มยาวมาก ต้องไปเดินหาปั๊มหลอดมาเติมซึ่งแพงมากๆ พอเติมน้ำมันเสร็จแล้วสบายใจมาก (มาค้นทีหลัง พบว่า ปั๊มเชลล์ อยู่ห่าง หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 46 ไป 8 กิโล และตอนออกจากน้ำตกวิภาวดีวิ่งไปตามเส้น 401 ไปไม่ไกลจะมีปั๊ม ปตท. กับปั๊มเชลล์ แล้วจากปั๊มเชลล์บนเส้น 401 นี้ วิ่งไปตามเส้น 401 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าเส้น 44 จะไม่มีปั๊มอีกเลย จนถึงปั๊มเชลล์ที่เราไปเติมบนเส้น 44 เป็นระยะทั้งหมด 51 กิโล มิน่า ถึงว่า ทำไมรู้สึกวิ่งรถไกลมากๆ ไม่เห็นปั๊มเลย)เติมน้ำมันได้ รอดแล้วไปต่อกันเลย ที่เที่ยว 7 # คลองน้ำใสถึงแล้ว คลองน้ำใส มาถึงประมาณ 9.40น.หิวมาก โชคดีร้านหน้าคลองน้ำใสเปิดแล้ว เลยสั่งข้าวไข่เจียว 20 บาทเท่านั้น แม่ค้าถามว่าจะให้ใส่มะเขือเทศกับผักเพิ่มไหม เราก็รีบบอก จัดมาเลยค่าน้องหมา จะมาขอกินด้วย แต่เค้าขอโทษ เค้าหิวมากกินหมดแล้ว น้องแมวตามมาจะขอเล่นอย่างเดียว เอาเท้ายื่นมาให้ตลอดกินเสร็จ รีบเดินสำรวจ เพราะกะว่า 10 โมงกว่าจะก็จะกลับแล้ว อยากถึงโรงแรม 11 โมง แล้วต้องเผื่อเวลาว่าจะเอากระเป๋าไปฝากที่ พันทิพย์ท่องเที่ยว ก่อน แล้วค่อยไปคืนรถมอเตอร์ไซค์ แล้วค่อยเดินตัวเบาๆสบายๆ ไม่มีกระเป๋าไป พันทิพย์ท่องเที่ยว ระยะห่าง ระหว่างร้านมอเตอร์ไซค์กับ พันทิพย์ท่องเที่ยว 1 กิโล เดิน 15 นาที เพราะรถ พันทิพย์ท่องเที่ยว ออก 12.00 ตรง เที่ยวบินขากลับเราคือ 13.50น.คือ ค้นมาก่อนหน้า จะเห็นว่า คลองจะมีน้ำสีออกฟ้าๆ แต่พอมาจริงน้ำเป็นสีขุ่นเพราะหน้าฝน หึๆ แบบนี้ แปลว่าต้องมาเที่ยวอีกทีหน้าร้อน คราวหน้า ชิมิ จะได้เห็นน้ำสวยๆใสๆ และจะเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเพราะจะมาลงเล่นน้ำด้วย มีทางเดิน ไปต่อได้เรื่อยๆ แต่เราไปไม่สุด เพราะเวลาไม่พอ เลยเดินกลับมาทางเดิม เริ่มเห็นคนอื่นมา เตรียมชุดมาด้วย แปลว่าจะลงเล่นน้ำ บรรยากาศด้านใน มีที่นั่งให้นั่งกินข้าว รอคนเล่นน้ำหลายจุด กลับแล้วจ้า มาแบบชะโงกทัวร์ก่อนนะทริปนี้ เดินทางออกจากคลองน้ำใสประมาณ 10.10น. ที่เที่ยว 8 # อุโมงค์ต้นยางพารา ตำบลวัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานีอันนี้ ของแถมแบบ ชอบๆๆๆๆ คือ เรามาตามกูเกิ้ล ที่มันมีสัญญาณมั่ง ไม่มีมั่ง (บางจุด มันบอก ไม่มีสัญญาณ gps) แต่กูเกิ้ลมันพามาผ่านเส้นทางนี้โดยเราไม่ได้ค้นมาก่อนเลย เราก็วิ่งๆรถอยู่เห็นวิวสวยก็คิดว่า ทำไมถนนเส้นนี้สวยจังวะ แล้วก็เจอป้าย จุดเช็คอินอุโมงค์ต้นยางพารา ตำบลวัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เลยจอดถ่ายเลย ชอบมากๆสวยๆๆๆอุโมงค์ต้นยางพารา ตำบลวัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี กลับถึงโรงแรม Sleep Station ประมาณ 11.20 รีบเก็บของสุดๆ ตอนแรกเปลี่ยนแผนกะจะไปร้านมอเตอร์ไซค์คืนรถเลย แต่พอไปถึงร้านมอเตอร์ไซค์เห็นเวลาเหลือเลยตัดสินใจเลยไป พันทิพย์ท่องเที่ยว ก่อน (จากร้านมอเตอร์ไซค์ ไป พันทิพย์ท่องเที่ยว ระยะทาง 1 กิโล) เพื่อไปฝากกระเป๋า แล้วค่อยกลับมาคืนรถเพราะคิดว่า จะได้เดินจากร้านมอเตอร์ไซค์ไป พันทิพย์ท่องเที่ยว แบบตัวเบาๆสบายๆ เพราะเห็นพี่เจ้าของร้านมอเตอร์ไซค์พูดว่า ปกติต้องมาคืนรถที่ร้านไม่มีรับส่งนอกสถานที่ แต่เกิดอีเว้น คือ วิ่งจากร้านมอเตอร์ไซค์ไป 600 เมตร น้ำมันหมดจ้า คือวิ่งๆอยู่เครื่องก็เบาลงแล้วดับเลยตอนนั้นคือระทึกมาก เพราะกลัวไปขึ้นรถ พันทิพย์ท่องเที่ยว ไม่ทัน แล้วตกเครื่อง เลยจำต้องหน้าด้าน ร้องขอให้พี่ผู้หญิงที่ขี่จอดติดไฟแดงอยู่ว่า น้ำมันหมดค่ะช่วยถีบรถไปปั๊มให้หน่อย พี่เค้าก็ใจดีมากๆ พอร้องขอ แกก็วิ่งรถตัดเลนมาที่เราที่อยู่เลนฝั่งตรงข้าม ช่วยถีบรถดันไประยะนึงตามซอยย่อยแล้วก็มาเจอน้องผู้ชายอีกคน ขี่ผ่านถามว่า น้ำมันหมดเหรอพี่ แล้วน้องบอก พี่เดี๋ยวผมช่วยดันต่อ เราเลยขอบคุณพี่ผู้หญิง แล้วน้องผู้ชายก็ช่วยดันรถไปต่อจนถึงปั๊มเชลล์ (ที่มาค้นตอนหลังว่าห่างไปจากจุดที่เครื่องดับ 750 เมตร) ขอบคุณพี่ผู้หญิงและน้องผู้ชายมากๆ คนใต้ใจดีจริงๆ เราเลยเติมน้ำมัน เพิ่ม 20 บาท แล้วสตาร์ทรถได้ก็รีบวิ่งฉิวมาคืนรถที่ร้าน ตอน 11.50 รีบเร่งพี่ผู้หญิงเจ้าของร้านเค้าให้เอาสัญญามาให้เซ็นว่าคืนแล้วได้คืนมัดจำ 2000 บาท พี่เค้าไม่เห็นเช็ครถสภาพรถเลย และหน้าด้านขอพี่ผู้ชายเจ้าของร้านช่วยไปส่ง พันทิพย์ท่องเที่ยวหน่อยเพราะรถจะออก เที่ยงตรง กลัวเดินไปไม่ทันแน่ (กูเกิ้ลบอกว่าเดิน 15 นาที) พี่เค้าก็ใจดี เอารถยนต์มาส่งที่ พันทิพย์ท่องเที่ยว ขอบคุณหลายๆเด้อ รถ phantip รอบนี้ว่างมาก มีผู้โดยสารแค่ 2 คน รถออกเที่ยงตรงจริงๆ สรุป รถ พันทิพย์ท่องเที่ยว ออก เที่ยงตรง มาถึงสนามบินสุราษฎร์ธานี 12.45 น.เข้าสนามบินแล้วรอ 20 นาทีเองมั่ง ก็เรียกขึ้นเครื่องแล้ว จบทริปอย่างฉุกละหุกระทึกเล็กน้อย แต่ก็ผ่านมาด้วยดีเพราะน้ำใจคนใต้ที่ดีงาม ขอบคุณมากๆจ้า เครดิตภาพทั้งหมด ผู้เขียนถ่ายเอง ยกเว้นภาพจานอาหารที่ร้านลำพู 3 เป็นเครดิตภาพของคุณตรี เพื่อนร่วมทริป *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี` คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565