รู้จัก ยูเครน Ukraine แดนวัฒนธรรมยุโรปตะวันออก อารยธรรมชาวสลาฟ
ยูเครน Ukraine ประเทศในยุโรปตะวันออกที่อยู่ระหว่างโปแลนด์กับรัสเซีย แม้วันนี้เราจะได้ยินชื่อประเทศนี้บ่อยครั้งในหน้าข่าวต่างประเทศ แต่หากในช่วงเวลาปกติแล้ว ยูเครนเองก็ถือเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมนี่น่าสนใจมากมาย อาคารบ้านเรือนที่มีทั้งแบบออสเตรีย ตุรกี และการผสมผสานของผู้คนหลากเชื้อชาติ จึงทำให้เราอยากแนะนำให้รู้จักกับยูเครนกันให้มากขึ้นในครั้งนี้
ข้อมูลเบื้องต้น ประเทศยูเครน
ยูเครน เป็นประเทศที่มีเนื้อที่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในยุโรปรองจากรัสเซีย มีประชากรราว 44.6 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ยูเครน มีชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์รัสเซีย (17%) เบลารุสและโรมาเนียพอสมควร ภาษายูเครนเป็นภาษาราชการ ภาษารัสเซียเป็นภาษาที่สอง ศาสนาหลักของประเทศ คือ ศาสนาคริสต์นิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อสถาปัตยกรรม วรรณกรรมและดนตรียูเครน
เมืองหลวงของยูเครนคือ กรุงเคียฟ (Kyiv) เป็นเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรคีฟรุสโบราณ (Kievan Rus) ซึ่งสถาปนาโดยชาวรุส (Rus) ที่มาจากแถบสแกนดิเนเวียในศตวรรษที่ 6 และปกครองชาวสลาฟที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้ และมีความเจริญรุ่งเรืองที่สุดในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 11 กระทั่งศตวรรษที่ 12 อาณาจักรนี้ได้เสื่อมสลายลง เนื่องจากสงครามระหว่างเจ้าผู้ครองนครต่างๆ และการรุกรานจากชาวมองโกลนั่นเอง
ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 กระแสการปฏิวัติในรัสเซียได้ลุกลามมายังยูเครน ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น จากนั้น ดินแดนส่วนตะวันตกของยูเครนได้ถูกผนวกรวมกับโปแลนด์ ในขณะที่ดินแดนตอนกลาง และตะวันออกถูกผนวกรวมเข้าไปอยู่ภายใต้ระบอบสหภาพโซเวียต
กระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 สหภาพโซเวียตจำเป็นต้องให้อำนาจแก่สาธารณรัฐ และดินแดนปกครองตนเองต่างๆ มากขึ้น ยูเครนจึงประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียต เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ.1991 ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ.1991 ชาวยูเครนได้ลงประชามติให้ยูเครนประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียต
เมือง ที่เที่ยวน่าสนใจในยูเครน
1. กรุงเคียฟ (Kiev)
เคียฟ เมืองหลวงที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนีเปอร์ (Dnieper River) สมัยก่อนเป็นศูนย์กลางการค้าขายระหว่างทะเลบอลติก และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางอารยธรรมในแถบนี้เลย ใครที่ชื่นชอบการเดินชมสถาปัตยกรรมเก่าๆ จะต้องถูกใจที่นี่เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น โบสถเซนต์ ไมเคิล หรือโบสถ์เซนต์ โซเฟีย ที่ยังคงความสวยงามไว้ได้จนถึงทุกวันนี้
2. เมืองลวีฟ (Lviv)
นั่งรถไฟประมาณ 8 ชั่วโมงจากกรุงเคียฟ จะถึงเมืองลวีฟ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมยุโรป เพราะในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี และต่อมาก็ตกเป็นของโปแลนด์ และโซเวียต ตึกรามบ้านช่องส่วนใหญ่ล้วนมีอายุกว่า 300 ปีขึ้นไป ถนนหนทางในเมืองก็ออกแบบมาให้คนเดินเท้าเป็นหลัก บางส่วนไม่ให้รถยนต์เข้าด้วย ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยอยู่มากมาย ได้บรรยากาศเมืองเก่า
3. เมืองเคลเว่น (Klevan)
เมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในจังหวัดริฟเน (Rivne region) ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศยูเครน ที่มีชื่อเสียงขึ้นมาจาก อุโมงค์แห่งความรัก (Tunnel of Love) ที่หลายคนน่าจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว สมัยก่อนที่นี่ถูกใช้เป็นเส้นทางของการขนส่งอุตสาหกรรมโรงถลุงเหล็ก แต่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต และมีชื่อเสียงมากในยูเครน
4. เมืองโอเดสซา (Odessa)
เมืองโอเดสซาเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของประเทศ มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว เพราะเป็นเมืองที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง จึงมีสถาปัตยกรรมอันโบราณให้ดูมากมาย มีฉายาว่า "ไข่มุกแห่งทะเลดำ" เพราะเป็นเมืองท่าที่สำคัญของทะเลดำ (black sea)
5. เทือกเขาคาร์เพเทียน (Carpathian Mountains)
เทือกเขานี้ได้รับสมญาว่าเป็น “ไข่มุกสีเขียวแห่งยูเครน” เพราะเป็นศูนย์กลางของที่พัก รีสอร์ทเพื่อการท่องเที่ยว โดยแถบนี้จะเต็มไปด้วยป่าไม้ ภูเขา และทุ่งหญ้าอันสวยงาม
6. เชอร์โนบิล (Chernobyl)
เชอร์โนบิล ตั้งอยู่ในเขตของ เมืองพริเพียต (Pripyat) ประเทศยูเครน ซึ่งเป็นที่ตั้งของ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิล ในสมัยที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต และเกิดอุบัติเหตุระเบิดขึ้นในวันที่ 26 เมษายน 1986 ปัจจุบันเชอร์โนบิลยังคงถูกทิ้งร้าง เนื่องจากต้องกำจัดพลูโตเนียมที่แพร่กระจายปกคลุมไปทุกหนแห่ง โดยคาดว่าต้องใช้เวลามากกว่า 300 ปี เพื่อให้เมืองกลับมาดังเดิม
- อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ใน เชอร์โนบิล เมืองสยองที่ยูเครน โศกนาฏกรรมในหน้าประวัติศาสตร์โลก
====================