เมื่อพูดถึงการเที่ยวบนยอดเขา เคยไปยอดเขาที่มีความสูงที่สุดกี่เมตรกันเอ่ย ? สำหรับผู้เขียนที่นี่คือที่ที่สูงที่สุดที่เคยไปมา เพราะสูงถึง 3,143 เมตร เป็นการสัมผัสบรรยากาศอันหนาวเหน็บ แน่นอนว่าหลาย ๆ คนคงเคยเห็นภาพและได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างของความสวยงามของ ยอดเขาฟานซิปัน ที่ได้ชื่อว่าเป็นหลังคาอินโดจีน ยอดเขานี้อยู่ที่ประเทศเวียดนาม ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเที่ยวเมื่อปีที่แล้วช่วง เดือนตุลาขอบอกว่าเป็นช่วงที่ฝนตกด้วย ค่อนข้างทรหด ทั้งสภาพอากาศและความแรงของฝนชุก แต่ว่าได้ชมบรรยากาศที่แตกต่าง เป็นความงดงามที่หาจากที่ไหนไม่ได้จริง ๆ ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ผู้เขียนก็ได้เตรียมตัวอย่างมาก 555 เพราะเตรียมทั้งร่ม ทั้งเสื้อกันหนาว และเพื่อนบอกว่าให้กินยาพาราก่อน 1 เม็ดเนื่องจากฝนตกทั้งวัน กลัวป่วย แต่ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี สนุกและแฮปปี้ เรามาดูขั้นตอนการเดินทางขึ้นเขาฟานซีฟันกันเถอะการเดินทางไปยอดเขาฟานซิปัน : แรกเริ่มเลย ไกด์ก็แนะนำว่า เราสามารถเดินทางไปฟานซีฟันได้ 2 ทาง คือ 1. ขึ้นกระเช้า หรือ 2. เดินขึ้นไปบนยอดเขาแบบปีนเขา ก็ได้ซึ่งแบบเดินขึ้นไปก็จะมีความทรหดมากหน่อยเพราะเป็นเขาที่ค่อนข้างชัน การเตรียมอุปกรณ์เหมือนนักขึ้นเขาเลย และสภาพร่างกายต้องแข็งแรงด้วย ซึ่งเดือนที่ผู้เขียนไปเป็นช่วงหน้าฝนพอดี จึงไม่มีการเดินขึ้นเขา แต่สำหรับ ราคาขึ้นกระเช้า คนละ 700,000 vnd (ดงเวียดนาม) หรือเป็นเงินไทยประมาณ 1,000 บาท (ไป-กลับ) โดยมีความยาวถึง 6,292 เมตร หรือประมาณ 6 กิโลเมตรยาวมาก ๆ ความพิเศษของกระเช้าที่นี่ : ความยาวที่เราจะได้นั่งกันแบบยาวเต็มอิ่มมาก ๆ 6,292 เมตร หรือ 6 กิโล ยาวที่สุดในโลกเลย นั่งกันไปนานๆ เวลาเปิดทำการ (เวลาท้องถิ่น) : 07:00-18:00 น. สิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทาง : กระเช้าลอยฟ้าซัน เวิลด์ ฟานซิปัน ลีเกนด์ และมีรถรับส่ง บรรยากาศในการเดินทาง : ต้องเล่าก่อนเลยว่าเมื่อเราได้รับตั๋วแล้วก็ไปรอขึ้นกระเช้าไฟฟ้า เพื่อเดินทางไปลงบนยอดเขาซึ่งมีเดินขึ้นอีกเล็กน้อยจะไม่ได้ไปลงบนยอดเลยเพราะฉะนั้นเตรียมรองเท้าที่กันลื่นหน่อยเพราะต้องเดินขึ้นบันไดอีกหลายขั้นเลย และด้วยบรรยากาศที่หนาวเย็นบนที่สูงแล้วอย่าลืมเสื้อกันหนาวนะจ๊ะ กระเช้าไฟฟ้าบรรจุคนได้ถึง 35 คน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะตื่นเต้น น่ากลัว เพราะระบบความปลอดภัยเขาดีมากและไม่ต้องกลัวว่าโดดเดี่ยว หรือตื่นเต้น กลัวเพราะ มี เรายังเพื่อนนั่งในกระเช้าอีกหลายคน 55 แต่ผู้เขียนก็ยังแอบตื่นเต้นเวลามองลงไปข้างล่างอยู่ดี.. ลักษณะในกระเช้าไม่ได้เปิดให้อากาศเข้าได้แต่ปิดกระจกไว้ แต่บนช่องข้างบนก็มีรูระบายอากาศเล็ก ๆ เจ้าได้อยู่ ข้างในเย็นมาก ๆ ไม่ต้องกลัวร้อน ใช้เวลาในการเดินทาง Cable Car จาก Muong Hoa, SunWorld Fansipan ไปปลาย ตีนเขาฟานซิปัน ประมาณ 30 นาที (ไม่มีการหยุดพัก) ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มามักเดินทางในตอนเช้าเพราะจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของแสงพระอาทิตย์ที่สวยงาม แต่ในวันที่ผู้เขียนไป ก็ปรากฏว่าหมอกเยอะมาก แต่ยังไงก็จองตั๋วเดินทางไว้เลยไม่สามารถเปลี่ยนได้ สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือการมองเห็น วิวเมืองชนบทของเมืองซาปาแบบ 360 องศา วิวยอดเขาต่าง ๆ เมืองนี้เป็นเมืองภาคเหนือสุดของเวียดนาม เราจะเห็นนาขั้นบันได ยอดเขา ป่าไม้ธรรมชาติที่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่เยอะมาก ๆ ระหว่างที่นั่งกระเช้า เราก็จะเห็นกระเช้าของอีกฝั่งที่สวนกันก็คือมีทั้ง ขาไป- ขากลับ วันที่ผู้เขียนไปเมฆ หมอกเยอะมาก การทำใจไว้แล้วว่าไปถึงยอดซีปันอาจจะเห็นภาพไม่ชัด เพราะมีหมอก แต่ทุกอย่างก็เป็นบรรยากาศ ก็ถือว่าเป็นบรรยากาศและวิวอีกรูปแบบหนึ่งแล้วกัน ระหว่างนั่งกระเช้าก็ยืนมองวิวเราจะเห็นว่า ตามนาขั้นบันได ก็มีบ้านคนปลูกอยู่กลางนาขั้นบันไดมีชาวบ้านพื้นถิ่นอาศัยอยู่เยอะเหมือนกัน เห็นความอุดมสมบูรณ์ของนาขั้นบันได ลำธาร น้ำตก ต้นไม้ มีทั้งสัตว์ต่าง ๆ นก แมลง ผีเสื้อ เมื่อมาถึงแล้ว ลงมาจากกระเช้าแล้วต้องเดินขึ้นไปบนยอดเขาอีก ซึ่งเป็นวิวถ่ายรูปสุดฮิต ที่ทุกคนมาที่ซาปาต้องมาถ่ายให้ได้ เป็นรูปประติมากรรมแท่งสามเหลี่ยมและมีธงชาติประเทศเวียดนามด้วย เป็นการบอกว่าถึงแล้วนะตรงนี้ ยอดเขาฟานซีฟันไฮไลท์คือตรงนี้ !! มีข้อความ Fansipan 3,143 M. หมายถึง 'คุณคือผู้พิชิตยอดฟานซิปันหลังคาแห่งอินโดจีน' เป็นเทือกเขาที่สวยและหนาวเหน็บในเวลานี้ที่สุด อุณหภูมิ เลขตัวเดียวประมาณ 5-9 องศาได้ เพราะตอนที่ไป ฝนตกด้วย ยิ่งสูงออกซิเจนยิ่งบาง ใครที่ขึ้นมาแล้วหายใจไม่สะดวก ก็มีบริเวณนั่งพัก ยิ่งเป็นข้างทางตามบันได เห็นคนนั่งพักอยู่เยอะเลย มีที่นั่งพักและมีศาลเจ้าจีนต่าง ๆ บนนี้ด้วย ชาวเวียดนามนับถือศาสนาพุทธตั้งแต่ดั้งเดิม แต่ก็ยอมรับนับถือลิทธิขงจื้อ ลัทธิเต๋า และศานาคริสต์นิกายคาทอลิกอีกด้วย ขากลับลงจากเขา นั่งกระเช้ากลับมาลงก็จะเป็นจุดที่ มีร้านขายของมากมายเกี่ยวกับของที่ระลึกของยอดเขาฟานซีปัน เช่นตุ๊กตาแกะ พวงกุญแจสามเหลี่ยมที่มีเขียนว่า Fansipan 3,143 เมตร มีกระเป๋าที่ถักทอโดยชาวเขา มีร่ม มีหมวกเวียดนามขายมากมาย มี Cafe ตกแต่งร้านสไตล์ธรรมชาติ สวยๆ หวาน ๆ ให้ได้นั่งพักชม พักผ่อนหลังจากขึ้นเข้าเสร็จอีกด้วย นอกจากนี้ก็มีมุมถ่ายรูปข้อความภาษาต่างๆ เช่นภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ภาษาเวียดนาม ภาษาญี่ปุ่น เป็นป้ายวางเรียง ๆ ไว้ที่หน้าร้านค่าเฟ่ ให้นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ได้หยิบมาถ่ายภาพร่วมกัน จากการเดินทางครั้งนี้ผู้เขียนมีเทคนิคในการเตรียมตัวมาเที่ยวที่ยอดเขาฟานซีปันมาฝากดังนี้ : 1. บนยอดเขาฟานซิปัน นี้มักจะค่อนข้างมีหมอกค่อนข้างหนาอยู่แล้วด้วยความสูง บางครั้งขึ้นไปฝนตกมัว จะมองไม่เห็นอะไรเลย ควรเตรียม ชุดกันฝน หมวก และกระเป๋าเก็บของให้ดีเวลาฝนตก รวมไปถึงรองเท้าที่กันลื่นด้วย หากใครเป็นหอบหืด ควรเตรียม ออกซิเจนกระป๋องไปด้วยห้ามลืมเด็ดขาดเพราะขึ้นไปที่นั่นไม่มีขาย 2. การเลือกฤดูการท่องเที่ยวสำคัญมาก ควรดูพยากรณ์อากาศ เสียดายในวันที่ไปผู้เขียนไม่เห็นพระใหญ่เนื่องจากหมอกปิดบังหมด หากใครที่ไปท่องเที่ยวควรดูพยากรณ์อากาศไว้ล่างหน้านะจ๊ะ ภาพที่ 1-15 โดยผู้เขียน ภาพปก จาก Pixabay และภาพโดยผู้เขียน