อินเดียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่หลายคนใฝ่ฝัน เพราะความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ความเป็นเอกลักษณ์แบบฉบับอินเดียที่เรียกร้องให้ทุกคนอยากเข้าไปสัมผัสด้วยตัวเอง เราเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกดึงดูดด้วยความน่าสนใจนี้ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เราได้สัมผัสความวุ่นวายแบบอินเดียครั้งแรกก็ที่ประเทศสิงคโปร์ ในย่าน Little India เราตื่นเต้นและตื่นตากับความหลากหลาย ความสีสัน และความครึกครื้นในย่านนั้น จนบอกตัวเองว่า ซักวันเราต้องไปอินเดียให้ได้! หลังจากการวางแผนไปเที่ยวเนปาลและเห็นว่าอินเดียอยู่อีกไม่ไกล เราเลยตัดสินใจซื้อตั๋วจากเนปาลไปเที่ยวอินเดียต่อ การไปเที่ยวเนปาลก่อน ก็ทำให้เราได้ซ้อมรับกับความวุ่นวายและวิธีการข้ามถนนแบบใจแข็งได้ดีเลย แต่เราคิดว่าคนเนปาลจะมีความอ่อนน้อมถ่อมตนมากกว่าที่อินเดีย เลยเที่ยวง่ายกว่านิดนึงจากสนามบิน Kathmandu บินไป New Delhi ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง เราบินไฟลท์เช้า คิดว่าต้องไปถึงสนามบินตั้งแต่เช้ามืด เช้ามืดวันที่ 14 เมษายน ซึ่งเป็นคืนเฉลิมฉลองวันปีใหม่เนปาล รถราเลยยังเยอะคนก็เพิ่งทยอยกลับบ้านกัน ไปถึงสนามบินประมาณตี 5 กว่า แต่เคาน์เตอร์ก็ไม่ให้เช็คอิน สนามบินย่านเนปาล/อินเดียนี่เค้ามีเงื่อนไขเยอะใช้ได้นะ รอเวลาจนได้ขึ้นเครื่องก็หลับไปยาวๆถึงสนามบิน Indira Gandhi Delhi Airport ก็เดินเข้าอาคารผู้โดยสารแบบสะลึมสะลือ จากนั้นก็ได้แจ๊คพอตสุ่มตรวจโควิดที่สนามบิน ช่วงที่เราไปทางการอินเดียยกเลิกการใช้ผลตรวจ RT-PCR แล้ว แต่ต้องสุ่มตรวจนักท่องเที่ยว 2% และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงจะเซ็งหน่อยๆ เพราะอยากเข้าที่พักไวๆ แต่ก็ต้องให้ความร่วมมือ ตรวจไม่นานก็ปล่อยให้ไปผ่านตม. รอแจ้งผลทางอีเมลช่วงบ่าย ผลตรวจเป็นลบเลยเที่ยวต่อได้การเดินทางใน Delhi ไม่ยากถ้าอยู่ในย่านที่มี Metro แต่ละสถานีมีการตรวจสแกนเข้าออกดีในระดับนึง มีการแยกแถวชาย-หญิงอีกด้วย ด้วยความเคยชินจากเมืองไทย เราเลยต่อแถวแบบไม่อ่านป้าย จนผู้ชายในแถวต้องชี้ไปทางแถวผู้หญิง ฮ่าๆ อ่านหนังสือน้อยก็เลยเป็นงี้เราเลือกพักที่ Bloomrooms Janpath ถึงจะราคาแพงกว่าสาขา Link road แต่ใน Janpath นั้นโรงแรมตั้งอยู่ในย่านที่ดีกว่าและไม่เปลี่ยวมาก สำหรับผู้หญิงคนเดียวแบบเรา เราให้ความสำคัญกับที่พักและย่านท่องเที่ยวที่สุด แม้จะไม่มีความกลัว แต่ความปลอดภัยและไม่ประมาทก็สำคัญมากๆๆๆๆในการท่องเที่ยวหลังจากพักผ่อน เราก็ดูแผนที่น่ารักๆ ไปจากโรงแรม แล้วก็ลองเรียกตุ๊กตุ๊ก (Rickshaw) ไปสำรวจเมืองง่ายๆ โดยเลือก Red fort เป็นที่แรกใกล้ๆ Red fort เป็นย่านตลาด Chandi Chowk ที่ดูวุ่นวาย คึกคัก เป็นการสำรวจอินเดียวันแรกที่ทั้งร้อนและเพลีย แต่ระมัดระวังตัวเองตลอดเวลา เพราะยังไม่คุ้นกับเมือง รวมไปถึงผู้คนด้วย แต่ละมุมที่เราเดินผ่านก็ได้เจอขอทาน คนขายของ คนขับสามล้อ และอื่นๆ ซึ่งเราไม่ค่อยชิน เลยเดินกอดกระเป๋าแน่นตลอดเวลา ตลอดทางเราเห็นป้าย You are under CCTV Surveillance ก็เบาใจได้นิดนึง มาตรการความปลอดภัยในย่านการค้าหรือย่านชุมชนเมืองถือว่าปลอดภัยมาก อาจจะมีการรบกวนจากขอทานบ้าง แต่ก็ไม่รู้สึกว่าโดนคุกคามมากนัก กลับที่พักด้วยรถไฟใต้ดินและต่อรถตุ๊กๆ พอกลับมาถึงที่พักเราตัดสินใจเหมารถแท็กซี่ตลอดทริป (เพราะร่างกยาเราเหนื่อยล้าจากการเที่ยวในเนปาลมาแล้ว) เราเลือกเหมารถแท็กซี่ทั้งหมด 4 วันครึ่ง ราคาประมาณ 20,000 รูปี (8,500 บาท) เราคิดว่าคุ้มและสะดวกที่สุดแล้ว เพราะจะไปไหนไปได้หมดโดยเราเลือกเมือง New Delhi, Agra, และ Jaipur และบริษัทก็แถมไกด์ให้อีก 2 คน จะปฏิเสธก็ไม่เป็นไร แต่เราคิดว่า มีไกด์ก็ดี จะได้เข้าใจประวัติศาสตร์และสิ่งก่อสร้างในแต่ละที่เยอะๆ (ค่าทิปไกด์ให้เพิ่มเติมได้ วันละ 500 รูปี)ครึ่งวันแรก เราเลือกไป Humayan’s Tomb ตามลิสต์ที่ตั้งใจไว้ ซึ่งสวยงามตามคำบอกเล่าจริงๆ ค่าเข้าประมาณ 550 รูปี Humayan’s tomb เป็นสุสานหลวงขนาดใหญ่และเป็นมรดกโลกอีกด้วย เราทึ่งกับการก่อสร้างสุสานขนาดใหญ่นี้ตรงที่ ทุกมุมทุกด้านมีขนาดและลักษณะเหมือนกันหมดทุกมุม สีของหินทรายสีแดงและหินอ่อนในสไตล์เปอร์เซียก็สวยเข้ากันดีมากๆ วันถัดมา ออกจาก Delhi ไป Agra นั่งรถค่อนข้างยาวนาน… …ไว้จะมารีวิวต่อในบทความหน้านะคะ รอติดตามค่า! เครดิต เรื่องและภาพ โดย loveflows (เจ้าของบทความ)วันลาเหลือใช่ไหม อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !