โอซาก้า เกียวโต โกเบ ถิ่นคันไซ กับการเยือนแดนปลาดิบ-ญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิตของเรา-สาวนักศึกษาชั้นปีสี่ ทริปที่คำว่าชีวิต "New Normal" ยังไม่เกิดขึ้น แต่เรากลับได้ลิ้มรสการใช้ชีวิตแบบ "New Normal" เพราะป่วยระหว่างทริปเที่ยวญี่ปุ่นเลยต้องใส่แมสก่อนใครเลยค่ะ หลงทาง ร้องไห้ และการลากกระเป๋า28นิ้วพร้อมทั้งแบกเป้ใบใหญ่ตะลอนเที่ยว โอซาก้า เกียวโต โกเบ ลากขึ้นลงบันไดในสถานีรถไฟใต้ดินตามสไตล์แบ็คแพ็คเกอร์ของสาวนักศึกษา ทำให้ทราบว่า ร่างกายนี้สำคัญสุดๆ ฮ่าๆย้อนรอยเที่ยวโอซาก้า เกียวโต โกเบ 9 วัน 8 คืนด้วยงบ 29,000บาท รวมค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ทริปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิตของเราในครั้งนี้เป็นการเที่ยวฉบับแบ็คแพ็คเกอร์ ใช้เงินเก็บจากค่าขนมในแต่ละเดือนกระทั่งสามารถเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง และขอบคุณคุณเพื่อนที่ชวนไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน แม้จะเรียนอยู่คนละประเทศ แต่สุดท้ายเราและเพื่อนก็เลือกญี่ปุ่นเป็นจุดนัดพบ หลังจากไม่ได้เจอกันในรอบเกือบสองปี ซึ่งเราบินจากจีนไปโอซาก้า ส่วนคุณเพื่อนบินจากไทยไปโอซาก้า และนัดเจอกันในสนามบินเราถึงโอซาก้าเวลาประมาณเกือบตีสี่(เวลาท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่น) ซึ่งมาถึงก่อนคุณเพื่อนเกือบสองชั่วโมง และด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ที่ต้องนั่งรถไฟจากมณฑลที่เราเรียนอยู่ไปยังอีกมณฑลเพื่อไปขึ้นเครื่องบิน และบินมาที่ญี่ปุ่น โอซาก้า ระหว่างผ่านตม.เราก็ตื่นเต้นมาก เพราะระดับภาษาอังกฤษของเราอยู่ในระดับงูๆปลาๆ พอฟังออกและตอบได้เป็นคำๆเท่านั้น แต่โชคดีที่ทางมหาวิทยาลัยออกเอกสารยืนยันการเป็นนักศึกษาให้จึงผ่านตม.ได้ไม่ยาก หลังจากยื่นเอกสารที่เตรียมมาทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ดู เค้าก็แค่ถามว่าเรามาเที่ยวคนเดียวหรือมาเที่ยวกับใคร แล้วตอนนี้เพื่อนอยู่ไหน เราก็ตอบด้วยภาษาอังกฤษแบบพอเอาตัวรอดได้แค่นั้นค่ะ แฮ่ๆและพอผ่านตม.มาได้ ด้วยความเหนื่อยล้าและความง่วงนอน เราเผลอหลับยาวเลยค่ะ คุณเพื่อนโทรเฟสมายี่สิบกว่าสาย ส่งข้อความมาหลายข้อความ แต่เราคือหลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย (แงง ขอโทษค่ะคุณเพื่อน) และพอตื่นขึ้นมาจึงได้รู้ว่าแย่แล้ว เรารีบเปิดดูข้อความและรีบติดต่อคุณเพื่อนทันที และเรื่องวุ่นๆไม่จบเพียงเท่านี้ ซึ่งเราและคุณเพื่อนอยู่คนละเกท สุดท้ายคุณเพื่อนก็นั่งรถชัทเตอร์บัสของสนามบินแล้วมาเจอเราที่หน้าเกทจนได้วุ่นกันตั่งแต่วันแรกเลยค่ะ ฮ่าๆ แต่ทริปนี้เราเหมือนเด็กน้อยที่ขอตามติดคุณเพื่อนมาเที่ยวด้วย พอเราและคุณเพื่อนเจอกัน คุณเพื่อนก็ได้ทำหน้าที่เป็นไกด์เลยค่ะ ซึ่งการเดินทาง+บัตรเข้าชมสถานที่ส่วนใหญ่จะเป็นการจองและชำระจากที่ประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว คุณเพื่อนจองผ่าน klook มาค่ะ และงบการเที่ยวและค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้คือ 28,500 บาทแพลนที่คุณเพื่อนได้วางไว้คือ ค่าที่พักคนละ 4,500 บาท ค่าเดินทางเที่ยวคนละ 5,500 บาท ค่ากินคนละ 6,000 บาท ค่าเที่ยวสวนสนุก ยูนิเวอร์แซล 2,500 บาท/คน ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับคนละ 9,500-10,000 บาท และสถานที่เที่ยวที่แพลนไว้คือเที่ยวเมืองโอซาก้า- ปราสาทโอซาก้า- ศาลเจ้า- พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ- ตลาดปลา ตลาดของกินเที่ยวเมืองเก่านารา เมืองท่าโกเบ เมืองสะท้อนอารยธรรมญี่ปุ่นเกียวโต ซึ่งก็จะไปเดินเล่นในป่าไผ่สัมผัสธรรมชาติ และเข้าเมืองเดินห้างใช้ชีวิตชาวเมือง และนี่คือแพลนคร่าวๆที่คุณเพื่อนวางแพลนทริปนี้ขึ้นมา ซึ่งดูแล้วบาล้านซ์ดีนะ กลมกล่อมเลย กิน เที่ยว เล่น สัมผัสธรรมชาติ และแว๊ปไปย้อนยุครับกลิ่นอายวัฒนธรรมญี่ปุ่น ว๊าวว~ แต่ว่าในความเป็นจริง ทั้งโหด ฮา มีน้ำตา น้ำโม(ควบคุมอารมณ์ร้อนไม่ได้ กับความเปิ่นที่มีไม่หยุด) มีทั้งหลงทาง ซึ่งถือเป็นการเดินทางวุ่นๆ ของสาววุ่นๆ-เด็กมหาลัยปี4ก็ว่าได้นะคะ ฮ่าๆเอาล่ะ เราขอพาทุกคนย้อนรอยทริปนี้กันเลยนะคะ สำหรับทริปเที่ยวญี่ปุ่นแถบคันไซ 3 วันแรก เราและคุณเพื่อนใช้เวลาเที่ยวเล่น เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้า และบัตรที่ใช้ในการเดินทางและและเข้าชมสถานที่คือ บัตร Osaka e-Pass พร้อมบัตรโดยสารรถไฟ Osaka Metro 1 วัน แล้วก็บัตรโดยสารรถบัสลีมูซีนรับส่งที่สนามบินคันไซ (KIX) แบบเที่ยวเดียว เพื่อเดินทางเข้ามาในตัวเมือง ระหว่างนี้เราก็ได้พบกับความมีน้ำใจของคนโอซาก้าตั้งแต่ในสนามบินเลยค่ะ ข้าวของที่พะรุงพะรัง ถุงมือเราหล่นไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัว คนญี่ปุ่นก็ใจดีช่วยเก็บแล้วเอามาให้เราด้วย แฮ่ๆ ขอบคุณมากค่ะและ 3 คืนแรก เราเข้าพักที่ โรงแรมอาริเอตตา โอซาก้า ( Arietta Hotel Osaka) ซึ่งมีภาษาไทยคำว่า "บ้านคุณแม่" แปะตรงหน้าตึกด้วยนะคะ การหาโรงแรมจึงไม่ยากสำหรับคนไทยเลย ซึ่งอยู่ห่างจากรถไฟใต้ดินสถานี Honmachi Subway Station เพียง 450 เมตรเท่านั้นค่ะ สำหรับสถานที่เที่ยวที่เราและคุณเพื่อนไปสัมผัสประสบการณ์กันก็จะเป็น ปราสาทโอซาก้า พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้า และพยายามเก็บสถานที่เที่ยวในโอซาก้าตามสถานที่เที่ยวยอดนิยมที่อยู่ในรายการ บัตร Osaka e-Pass แต่ก็เก็บสถานที่เที่ยวได้ไม่มาก บางที่ไปแล้วก็อดเพราะงดกิจกรรมชั่วคราว ฮ่าๆและ 5วัน 4คืนต่อจากนี้ เราและคุณเพื่อก็ไปเที่ยว และพักที่เมืองเกียวโตและแวะที่โกเบ ขอบอกเลยว่าเราตกหลุมรักเมืองโบราณซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายอารยธรรมของญี่ปุ่นเลย ชีวิตสโลว์ไลฟ์ บ้านเรือนร้านค้าขนาดกะทัดรัด ถนนที่เดินเพียงสองสามก้าวก็ข้ามไปยังอีกฝั่งแล้ว ภาพรถรับส่งนักเรียนวัยอนุบาลที่มีคุณครูยืนส่งในรถและคุณแม่ที่ยืนคอยรับลูกอยู่ริมถนน และการโค้งคำนับให้กันและกันก่อนที่ล้อรถจะเคลื่อนตัวออกไป อีกด้านหนึ่งนักเรียนวัยมัธยมก็ปั่นจักรยานไปโรงเรียน และระหว่างวัน ภาพคุณแม่ปั่นจักรยานที่มีลูกเล็กคนโตซ้อนท้ายคนเล็กนั่งอยู่ตรงตะกร้าที่นั่งเด็กที่อยู่ด้านหน้า ทุกอย่างล้วนเป็นภาพที่เราเคยเห็นจากภาพยนต์ญี่ปุ่น ที่เรียกน้ำตาเราไปไม่น้อย ครั้งนั้นไม่อยากจะเชื่อว่าเรากำลังสัมผัสประสบการณ์เหล่านั้นด้วยตัวเอง ซึ่งการมาเที่ยวเกียวโตเรารูู้สึกว่าเที่ยวไม่พอเลยจริงๆ มีหลายที่ๆอยากไปแต่ไม่ได้ไป เนื่องจากเวลาไม่พอ สำหรับสถานที่ที่เราไปเที่ยวในเมืองเก่าเกียวโต ก็จะเป็น ย่านฮิกาชิยาม่า (Higashiyama) เป็นย่านถนนโบราณเหมาะสำหรับมาเดินเล่นชิล ให้บรรยากาศยุคเอโดะโบราณค่ะ ระหว่างทางแวะชม ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) และช่วงเย็นๆก็ไปเดิน ย่านกิออน Gion และเห็นเกอิชา (Geisha) ในชุดกิโมโนดั้งเดิมด้วย แต่ถนนย่านกิออนบางช่วงไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะคะ รุ่งขึ้นนั่งรถไฟไปเดินเล่นที่สวนป่าไผ่ ชมวิวเมืองอาราชิยาม่าที่สวนลิง อิวาตายาม่า (Iwatayama Monkey Park ) และเดินเที่ยวชิลบนสะพานไม้ สะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของอาราชิยาม่า เราขอพูดจากใจจริงเลยว่าบรรยากาศและทิวทัศน์ที่นั่นสวยงามมากค่ะทุกคน เราตกหลุมรักพันรอบ ฮ่าๆ จากนั้นก็นั่งรถไฟกลับโรงแรมค่ะวันสุดท้ายสำหรับการพักที่เกียวโต เราและคุณเพื่อนขอนั่งรถไฟไปอีกเมืองหนึ่ง เมืองท่าที่เค้าว่ากันว่า เป็นเมืองที่ปลาสด และเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆของหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นในช่วงวันหยุดกันค่ะ และระหว่างเดินตะลอนเที่ยวในเมืองโกเบเรามีความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในไต้หวันนิดๆแม้จะไม่ได้ไปเดินย่านไชน่าทาว วันเดย์ทริปที่โกเบค่ะ อิอิเราและคุณเพื่อนก็เลือกเดินไปหมู่บ้านนานาชาติคิตาโนะ อิจินคัง (Kitano Ijinkan) ระหว่างเดินเที่ยวเล่นในหมู่บ้านได้อารมณ์ความเป็นยุโรปมากๆ จากนั้นก็ไปศาลเจ้าอิคุตะ (Ikuta Shrine) ไปกราบไหว้ขอพรกัน ส่วนคุณเพื่อนก็ได้เครื่องรางนำโชคติดไม้ติดมือมาด้วย และที่พลาดไม่ได้ก็คือ โกเบ พอร์ท ทาวเวอร์ (Kobe Port Tower) หอคอยแห่งแรกของโลกที่มีโครงสร้างเหมือนท่อ และเป็นสัญลักษณ์ของโกเบ ซึ่งไม่รู้ทำไมเราถึงรู้สึกถึงความเป็นกรุงเทพ เมื่อเดินลงจากหอคอยไปยังท่าเรือที่ยื่นออกมา สิ้นสุดทริปโกเบนั่งรถไฟกลับโอซาก้ากันค่ะ และเนื่องจากว่าบัตรเดินทางและเข้าชมสถานที่ต่างๆต้องมารับที่ญี่ปุ่นตามสถานที่ที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ ทำให้หลงทางกันบ่อยๆ ทริปนี้เป็นการเดินทางที่ไม่ได้ตรงตามตารางที่คุณเพื่อนจัดไว้สักเท่าไหร่ บวกกับความอารมณ์ร้อนของคุณเพื่อน และความเปิ่นๆรั้นนิดๆของเรา ทริปที่ไม่ได้แชร์ความคิดความรู้สึกของกันและกัน จึงทำให้เสืยเวลาเที่ยวไป1วันเต็มๆ เพราะเปิดสงครามเย็นกันค่ะ ฮ่าๆ และงานนี้เลยมีน้ำตาเลยค่าา >< แต่พอพูดคุยและแชร์ความคิดกันมากขึ้น ทุกอย่างก็ดีขึ้นมาก ความเปิ่นฮาไร้ความรู้สึกอึดอัดจึงบังเกิดขึ้นค่ะ ฮ่าๆวันที่เหลือที่โอซาก้าก็จะเป็นการเที่ยวชิลๆ ซึ่งก็จะเป็นการไปล่องเรือ Santa Maria ที่อ่าวโอซาก้า(Osaka Bay) ค่ำๆนั่งชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ชมบรรยากาศยามค่ำ แอบโรแมนติกนิดๆเพราะมีฝนตกปรอยๆ แต่ความจริงคือหนาวมากค่ะ ฮ่าๆ แล้วก็ไปเดินช็อปปิ้งซื้อของกินของฝากที่ย่านโดทงโบริ Dotonbori และย่านชินเซไก (Shinsekai) สุดท้ายจบทริปด้วยการไปเที่ยวสวนสนุกยูนิเวอร์แซล Universal Studios Japan ว๊าววว แฮร์รี่พอร์ตเตอร์เชื่อว่าหลายคนน่าจะโตมากับภาพยนต์ชุดนี้เหมือนกับเรา หรือเปล่า ^^ ซึ่งวันนั้นแถวยาวมากกก ใช้เวลาต่อแถวนานกว่า 3ชั่วโมงนะคะ ฮ่าๆ แต่สนุกมากเลยค่ะ พอช่วงค่ำก็ชมขบวนพาเหรด ว๊าววว ตื่นตาตื่นใจแสงสีเสียงโชว์จัดเต็มมากค่ะ บรรยากาศติดตาตรึงใจจนถึงตอนนี้เลยค่า ซึ่งเวลาทำการของ USJ โดยปกติ มีตั้งแต่ 8:30 – 22:00 น. ทั้งนี้เวลาทำการในแต่ละวันอาจคลาดเคลื่อนนะคะทุกคน เราขอแนะนำว่าก่อนเดินทางเช็คดูอีกทีนะคะและก็ได้เวลาเตรียมตัวบินกลับไทยกันค่ะ คืนสุดท้ายเราและคุณเพื่อนพักที่สนามบินคันไซนะคะ ที่นี่เค้าจะมีโซนให้พักด้วยซึ่งฟรีค่ะ และมีเจ้าหน้าที่ให้บริการยืมผ้าห่ม มีทั้งห้องน้ำและห้องอาบน้ำนะคะทุกคน สะดวกมากๆเลยค่ะ แต่ว่าห้องอาบน้ำต้องหยอดเหรียญก่อนนะคะน้ำถึงจะไหลค่ะ ซึ่งใครมีไฟล์ทบินเช้า และเพื่อเป็นการประหยัดงบตัวเลือกนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะทุคน10 วัน 9 คืน จุกๆกันไปเลย ครบรสมากค่ะ แม้ทริปเที่ยวจริงจะต่างจากแพลนที่วางไว้ค่อนข้างมาก แต่งบไม่บานปลายนะคะทุกคน การเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของเราและประสบการณ์ที่ได้รับทำให้เราเข้าใจแล้วว่าทำไมคนไทยถึงไปเที่ยวญี่ปุ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า วัฒนธรรม อาหาร สภาพอากาศ วิถีชีวิต ความสะอาดเป็นระเบียบในภาพใหญ่ของความเป็นญี่ปุ่น เสน่ห์เอกลักษณ์ของแต่ละเมือง ทั้งเกียวโตเมืองเก่าที่คุกรุ่นด้วยวัฒนธรรมญี่ปุ่นโบราณ เมืองท่าชิกๆลูกผสมอย่างโกเบ และเมืองที่มีความเป็นเมืองนั่นก็คือความเร็วในไลฟ์สไตล์ทั้งการเดินและการใช้ชีวิตแต่ถึงอย่างนั้นผู้คนยังคงเป็นมิตรมากๆอย่างเมืองโอซาก้าค่ะก่อนจากกันเราขอสรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆส่งท้ายนะคะ ( ซึ่งรายการอาจไม่ได้เป๊ะเท่าไหร่ เพราะอย่างที่ได้เกริ่นไว้ เราขอติดตามคุณเพื่อนมาค่ะ แฮ่ๆ )ค่าเข้าชมสถานที่และค่าเดินทางในญี่ปุ่นบัตรโดยสารรถบัสลีมูซีนรับส่งที่สนามบินคันไซ (KIX) แบบเที่ยวเดียว (รับบัตรที่สนามบิน) 274 บาทบัตร JR Pass สำหรับภูมิภาคคันไซ 4 วัน 1692 บาทบัตร Kansai Thru Pass 3 วัน (รับที่โอซาก้าหรือเกียวโต) 1357 บาทบัตร Osaka e-Pass พร้อมบัตรโดยสารรถไฟ Osaka Metro 1 วัน 697 บาทบัตรชมเมืองเกียวโตและโอซาก้า 2 วัน (รับที่โอซาก้าหรือเกียวโต) 224 บาทบัตรเข้าสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan) แบบสตูดิโอพาส ราคาไม่เกิน 2500 บาทรวม 6,744 บาทค่าโรงแรมที่พัก เรทแลกเปลี่ยนตอนนั้น1เยนประมาณ 0.3 บาทนะคะทุกคน วันที่ 1-3 พักที่โอซาก้า Arietta Osaka Hotel ราคา 7,558 เยน ประมาณ 2267.4 บาทวันที่ 3-6 พักที่เกียวโต Marutamachi Crystal Hotel ราคา 11,189 เยน ประมาณ 3356.7 บาทวันที่ 6-9 พักที่โอซาก้า Hotel WBF Kitasenba WEST ราคา 14,645 เยน ประมาณ 4393.5 บาทวันที่ 9-10 พักที่โอซาก้า สนามบินคันไซ ราคา 0 เยน รวม 10,017.6/2 = 5,008.8 บาท/คนค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับเรทแลกเปลี่ยนตอนนั้น 1หยวน ประมาณ 5 บาทนะคะขาไป ซีอาน-โอซาก้า ราคา 769 หยวน (ค่ารถไฟความเร็วสูงเดินทางระหว่างเมือง 178.5 หยวน) 769+178.5 ประมาณ 4,736 บาทขากลับ โอซาก้า-กรุงเทพ ราคา 16,600 เยน ประมาณ 4,980 บาทรวม 9,716 บาทค่ากินและช้อปปิ้งค่ากินประมาณ 6000 บาทค่าช้อปปิ้ง ของฝาก ของที่ระลึก 1-2 พันบาทการกินคือความสุขของเราเลยค่ะ ฮ่าๆ เอ๋ๆๆ เดี๋ยวนะ แมสเล็กไปหรือเปล่า (แซวตัวเอง><) ภาพทั้งหมดโดย (Mei Solo Nomad)แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”