เขาคานับเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญของเมืองนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ในเขตอำเภอสิชล เป็นเขาลูกโดดทอดตัวแนวเหนือ-ใต้ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 72 เมตร ด้านบนเป็นที่ตั้งของศาสนสถานพราหมณ์-ฮินดู ลัทธิไศวนิกาย (นับถือพระศิวะเป็นใหญ่) สันนิษฐานว่ามีอายุราวกลางพุทธศตวรรษที่ 13 ซึ่งการสร้างศาสนสถานบนเขาคงมาจากความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดูในเรื่องศูนย์กลางของจักรวาลอันมีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลาง โดยมีหลักฐานที่สำคัญที่ยืนยันถึงการมีอยู่ของลัทธิไศวนิกาย ได้แก่ อาคารโบราณสถาน กำแพงหิน สระน้ำโบราณ โกลนศิวลึงค์ ฐานโยนิ ฐานรูปเคารพ ชิ้นส่วนจักรหิน ลูกประคำดินดิบ ตะคันดินเผา ธรณีประตู หินหลัก และเศษภาชนะดินเผา ฯ อีกทั้งยังถือว่าเป็นศูนย์กลางของชุมชนโบราณแถบอำเภอสิชลในสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์อีกด้วย อันถือเป็นชุมชนการค้าทางทะเลที่มีความสำคัญมาตั้งแต่อดีต ครั้งแรกที่ผมเดินทางไปยังเขาคานั้น ผมเดินทางไปเพียงคนเดียว (ช่างกล้าหาญชาญชัยเสียนี่กระไร) บันไดทางขึ้นหลักในปัจจุบันอยู่ทางด้านทิศใต้ ผมจึงต้องจอดรถจักรยานยนต์ไว้ด้านล่าง และเดินขึ้นบันไดไป ยิ่งเดินไกลออกไปก็เริ่มวังเวง แต่ด้วยความ (ทำ) ใจดีสู้เสือ ช่วยให้มีแรงเดินต่อ หลายนาทีผ่านก็เดินมาถึงโบราณสถานหมายเลข 4 ซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าอันมีสภาพเสื่อมโทรมพอสมควร เดินถัดมาไม่กี่เมตรก็พบกับโบราณสถานหมายเลข 3 สันนิษฐานว่าคงเป็นอาคารสำหรับทางเดินไปสู่โบราณสถานหมายเลข 2 ความหดหู่เริ่มจางเปลี่ยนมาเป็นความดีใจเมื่อได้เห็นเจ้าหน้าที่กำลังจัดเตรียมเต็นท์สำหรับงานอะไรบางอย่างอยู่ตรงหน้า ซึ่งก็คือบริเวณพื้นที่ของโบราณสถานหมายเลข 2 อันมีขนาดใหญ่โตกว่าโบราณสถานอื่น ๆ บนเขาคา ถัดจากนั้นก็เดินต่อไปยังโบราณสถานหมายเลข 1 ที่ปรากฏเป็นลักษณะของฐานอาคาร ดูเหมือนว่ายังไม่สุดทาง จึงเดินต่อไปในป่ารกที่ไร้ผู้คน หนทางนี้ช่างเปลี่ยวและดูวังเวงกว่าที่ผ่านมา ทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบ แต่แล้วก็ต้องตะลึงกับก้อนหินก้อนมหึมาที่ปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องหน้า ก้อนหินก้อนนี้ชาวบ้านเชื่อกันว่ามันคือ “สวยัมภูวลึงค์” ลึงค์ของพระศิวะผู้เป็นใหญ่ แทนความเป็นศูนย์กลางของจักรวาลตามคติพรามหณ์-ฮินดู ลัทธิไศวนิกาย และแล้วก็ถึงเวลาหันหลังกลับ ชักชวนความเสียวสันหลังที่มากกว่าครั้งแรกเป็นสองเท่า จนทำให้ผมต้องเดินมองไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียวไม่กล้าที่จะมองกลับหลังแม้แต่น้อย และได้แต่ภาวนาในใจว่า หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง คงทราบวัตถุประสงค์ของการมา ฉะนั้นการถูกปองร้ายจากท่านจึงไม่สมควร ! ในใจเฝ้าภาวนาอย่างนั้น พร้อมสอดสายตามองสำรวจสองข้างทางอยู่เสมอ จนมุ่งมาสู่เต็นท์ของเจ้าหน้าที่ และผ่อนคลายความกลัวด้วยการมายืนมองทิวทัศน์ของที่ราบเมืองสิชลทางด้านทิศตะวันออก ดังนั้นขอแนะนำว่าหากท่านใดสนใจอยากท้าทายความกล้าของตนเอง (ความกล้าที่ไม่ใช่การลองของ) ก็ให้เดินทางมาเยือนเขาคาด้วยตัวคนเดียว แต่หากกลัวหรืออยากมีเพื่อนคุยตลอดทางเพื่อความปลอดภัยก็ขอให้ชวนเพื่อน ๆ มาเยอะสักหน่อย จะได้ไม่เงียบเหงาและวังเวงดั่งเช่นผมในช่วงเวลานั้น