ประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในประเทศที่มีวัฒนธรรมโดดเด่นชัดเจน จนเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง หากกล่าวถึงวิถีชีวิตก็มีความโดดเด่นในเรื่องของความมีระเบียบวินัย ทางด้านอาหารก็มีความโดเด่นในเรื่องศิลปะแห่งอาหาร หรือ ทางด้านความบันเทิงก็โดดเด่นทั้งในเรื่องการ์ตูนและภาพยนตร์ ซึ่งมีทั้งด้านสว่างและด้านเทาหน่อย ๆ ด้านเทา ๆ ก็เป็นเรื่องที่คุณก็รู้ว่าอะไร...อิอิ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจสำหรับประเทศญี่ปุ่นจะเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นจุดหมายของใครหลายคน โดยปกติเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวในประเทศมากกว่า (จริง ๆ คือ งบน้อย) โดยเฉพาะท่องเที่ยวทางรถยนต์นี่ชอบมากครับ ขับไปหลงไปสนุกดี แต่ก็เคยคิดว่าถ้าหากมีโอกาส ก็อยากจะเดินทางไปเปิดหูเปิดตาที่ประเทศญี่ปุ่นดูสักครั้ง และแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงครับ เมื่อพี่ชายมีเหตุต้องไปเสนอผลงานทางวิชาการที่ประเทศญี่ปุ่น จึงอยากพาแม่ไปเที่ยวต่างประเทศสักครั้ง อานิสงส์ผลบุญนั้นก็ได้แผ่มาถึงน้องชายคนนี้ได้มีโอกาสติดตามไปด้วยในฐานะคนดูแลคุณแม่ ( ช่องทางเดินเพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่สุวรรณภูมิ ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้มาเดินตรงบริเวณนี้ ) จุดหมายของเราในครั้งนี้อยู่ที่ เมืองซัปโปโรเป็นที่แรก และวางแผนต่อเนื่องเดินทางไปยังโตเกียวเป็นที่ที่สอง สิริรวมระยะเวลาท่องเที่ยวทริปนี้เป็นระยะเวลา 7 วัน สิ่งของที่จำเป็นต้องเตรียมและขาดไม่ได้สำหรับคนเมืองร้อนไปตะลุยเมืองหนาว คือเสื้อกันหนาวครับ ด้วยความที่คุณแม่เป็นคนกลัวหนาว ทั้งที่พื้นเพเป็นคนภาคเหนือซึ่งได้ชื่อว่าภาคที่มีอากาศเย็นภาคหนึ่งแท้ ๆ เคยถามเหมือนกันว่าทำไมเป็นคนเหนือแต่กลัวหนาว คุณแม่ตอบกลับว่า เพราะกลัวหนาวเลยย้ายมาอยู่กรุงเทพไง (หัวเราะ) เสื้อกันหนาวที่เลือกไปคือ เสื้อกันหนาวที่บุด้วยขนเป็ดครับ เขาว่ากันหนาวได้เป็นอย่างดีกัน ส่วนตัวเตรียมเสื้อกันหนาวไปสองตัว คือเสื้อแขนยาว และเสื้อขนบุขนเป็ด ส่วนรองเท้าก็เป็นรองเท้าหุ้มส้นหนึ่งคู่ รองเท้าแตะอีกหนึ่งคู่ ส่วนชุดเสื้อผ้าก็เน้นไปทางพวกให้ความอบอุ่น สำหรับผู้ที่ไม่ไม่เก่งทางด้านภาษาอย่างยิ่งนะครับ แล้วมีความคิดอินดี้อยากตะลุยเมืองคนเดียว หรือกลัวพลัดหลงจากกลุ่ม สิ่งที่สำคัญคือโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และอินเตอร์เน็ตครับ จะใช้ของค่ายใดก็สุดแท้แล้วแต่ความถนัดนะครับ ตอนก่อนเดินทาง ก็ไปยืมโทรศัพท์ของเพื่อนท่านหนึ่ง เนื่องจากเพื่อนท่านนี้เดินทางต่างประเทศบ่อย เขาจึงมีโทรศัพท์เครื่องหนึ่งที่ใช้เป็นตัวแชร์สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่เรียกว่า Hotspot WIfi โดยเฉพาะ ก็อาศัยยืมเขาโดยมีของฝากเป็นข้อเเลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกันนะครับ ส่วนโปรแกรมที่ขาดไม่ได้คือ google map ครับ ที่ญี่ปุ่น กราฟฟิคดีมาก เป็นสามมิติด้วย อาจจะดูมึน ๆ หน่อย ๆ แต่เท่ดี และโปรแกรมแปลภาษาครับ ช่วยได้เป็นอย่างดี แล้วก็แบ็ตเตอรี่สำรองอย่าง Power bank ควรจะมีติดตัวไปด้วยครับ ตอนที่ไป เตรียม Power bank แบบ 20,000 mah ขึ้นเครื่องบินได้ ใช่ได้ 2 - 3 วัน ต่อหนึ่งการชาร์จเลยทีเดียว เงินตราก็สำคัญครับ ใครที่ไม่มีบัตรเครดิตที่สามารถใช้ได้ในต่างประเทศ ก็เตรียมเงินสดให้เกินที่จะใช้ไปสักเยอะ ๆ เลย โดยแยกเก็บในหลาย ๆ ที่ จะดีงามมาก โดยปกติจะมีกระเป๋าเป้ขนาดเล็ก และกระเป๋ากล้องติดตัวตลอด ก็เลยแยกเก็บไว้ในสองที่นี้ โดยเฉพาะกระเป๋าเป้เล็กจะเก็บหนังสือเดินทางเอาไว้ด้วย ห้ามหายเด็ดขาด รักษาเท่าชีวิต ยารักษาโรคพื้นฐานเตรียมให้พร้อมครับ โดยเฉพาะยาแก้ท้องเสียอย่าได้ขาด ยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบินนี่ละครับ ได้ผลดีเยี่ยม รอดตายเพราะกระต่ายบินเลยทริปนี้ และที่ขาดไม่ได้ ควรจะมีไว้อย่างยิ่งคือ ประกันการเดินทางครับ ราคาไม่แพง แต่เพื่อความปลอดภัยในเวลาที่เดินทางไปต่างประเทศ นอกจากนี้ก็แล้วแต่อัธยาศัยว่าจะขนอะไรไปบ้าง แต่ระวังกระเป๋าจะเกินน้ำหนักขึ้นเครื่องไม่ได้นะครับ และแผนการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น โดยคณะของเรามีแผนออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิในเวลาเที่ยงคืนกว่า สายการบินมีแอบสายผิดเวลานิดหน่อย ส่วนพวกเราไปรอขึ้นเครื่องบินตั้งแต่ หกโมงเย็นไม่เห่อเลยสักนิด และก็ถึงเวลาออกเดินทาง ก่อนที่เราจะไปฟ้าสางที่กลางซัปโปโร ประสบการณ์ขึ้นเครื่องบินครั้งนี้เป็นครั้งที่สองครับ ส่วนครั้งแรกคือตอนไปเที่ยวสุราษฎร์ธานี แม้จะเคยขึ้นเครื่องบินมาบ้างแล้วก็ยังรู้สึกเกรงอยู่หน่อย ๆ หันไปสอบถามความรู้สึกของคุณแม่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง คำตอบจากหญิงชราวัย 72 ปี ที่ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต บอกว่าปกติเฉย ๆ ไม่รู้สึกอะไร แต่ก็เห็นตอนเครื่องบินกำลังขึ้น แอบมียกมือพนมขึ้นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่นะครับ...แหม ( วิว เหนือท้องฟ้ายามค่ำคืน ขณะเครื่องกำลังขึ้น ) เมื่อถึงเวลา เครื่องบินเริ่มเคลื่อนที่ออกจากช่องจอดเข้าสู่ทางตรงของรันเวย์ จุดนี้ทำให้รู้สึกตื่นเต้น เมื่อต้องสัมผัสถึงการเร่งความเร็วของเครื่องบิน ก่อนที่เครื่องบินจะเอาชนะแรงโน้มถ่วงของโลกพุ่งทะยานขึ้นไปลอยอยู่บนท้องฟ้าในระดับ 45 องศา พอได้ระดับเพดานบินที่เหมาะสม เครื่องบินก็จะบินนิ่ง ๆ เพื่อรักษาระดับ นั่นคือความบันเทิงบนเครื่องเรื่องแรกของเราจบลงแล้ว ช่วงนี้ก็จะมีอาการหูอื้อบ่อยสักหน่อยเพราะการเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศ จะเคี้ยวหมากฝรั่ง หาว กลืนน้ำลาย หรือมีอุปกรณ์ช่วยเหลืออย่างไรก็แล้วแต่ความถนัดครับ ( เพียงครู่เดียวก็อยู่สระแก้วแล้ว ) ( อาหารเช้ามาแล้ว ) เที่ยวบินนี้ คนน้อยกว่าที่คิดครับ คาดว่าเป็นเพราะอยู่ในช่วงปลาย ของฤดูท่องเที่ยวซัปโปโรแล้ว ที่นั่งส่วนใหญ่ก็เลยว่าง ดังนั้น สามที่นั่งติดกันจึงเป็นอาณาเขตของเราทั้งหมด ที่ด้านหลังของที่นั่งมีจอแสดงผลอะไรสักอย่างให้เราเปิดดูแก้เบื่อ มีทั้งภาพยนตร์ มินิเกม และเส้นทางการบิน รวมถึงภาพถ่ายจากกล้องบันทึกวิดิโอภายนอกตัวเครื่อง ให้เราชม (วิว นิยม ให้รู้ว่ามาเครื่อง นั่งเครื่องบินสองรอบได้ตรงปีกสองรอบ เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ใครเช็คอินก่อนได้เลือกที่นั่งก่อน) เครื่องบินใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง ก็มาถึงสนามบิน นิว-ชิโตเสะ ก่อนที่เครื่องบินจะลงทางพนักงานสายการบินจะมีใบมาแจกให้ตอบคำถามนะครับ ก่อนไปก็หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแล้วว่าต้องตอบอย่างไร จึงไม่ยุ่งยาก หากท่านใดเพิ่งเคยมีโอกาสไปญี่ปุ่นครั้งแรก แล้วไม่เชี่ยวชาญด้านภาษาก็เตรียมเซฟภาพวิธีการตอบคำถามของตรวจคนเข้าเมืองที่ญี่ปุ่นเอาไว้ด้วยนะครับ จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการกรอกแบบคำถามนั้น และแล้วความบันเทิงบนเครื่องบินรอบสองก็มาถึง ถ้าหากเรารู้สึกตื่นเต้นกับการที่เครื่องบิน Takeoff มากเท่าไหร่ การ Landing จะสร้างความเร้าใจให้กับเราเป็นสองเท่าครับ เมื่อใกล้ถึงที่หมาย เครื่องบินก็ลดระดับเพดานบินลงอย่างรู้สึกได้ มันมีอาการวูบเหมือนตอนรถลงสะพานอย่างเร็ว พาให้ใจตกไปอยู่ตาตุ่ม ที่ปีกของเครื่องบิน เริ่มมีการเคลื่อนไหว แล้วคนที่เกรง ๆ เครื่องบินหน่อย ๆ ก็นั่งดูอยู่ตรงนั้น ก็ได้เห็นการทำงานของปีกเครื่องบินทุกอิริยาบถเลยครับ ตั้งแต่ปีกเครื่องบินจะยกขึ้นเพื่อต้านลม แล้วเกิดมีแรงสั่นสะเทือนขึ้นที่ตัวยกของปีกด้วยเล็กน้อย ก็หวั่นใจนิด ๆ แต่ต้องเชื่อมั่นในฝีมือของกัปตัน ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง ในที่สุดล้อของเครื่องบินแตะพื้นได้อย่างนุ่มนวลภายใต้การควบคุมเครื่องบินของกัปตันท่านนี้ ( จริง ๆ ก็ไม่ได้กลัวเท่าไหร่หรอกนะครับ พิมพ์ให้เรื่องราวน่าสนใจไปอย่างนั้นเอง แต่ว่า...ใครก็ได้ช่วยแกะมือที่จิกเบาะอยู่นี่หน่อยสิ !!! ) ( วิว บนรถไฟ ขณะกำลังเดินทางไปสถานีซัปโปโร ) ( ถึงจุดหมาย ) กว่าจะจัดแจงผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. ก็ใช้เวลาสักพักใหญ่ มีแอบหวั่นใจตอนตอบคำถามของ ตม. เหมือนกันว่าเขาจะถามอะไรหรือไม่ แต่พี่ชายซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเดินทางในครั้งนี้ เป็นผู้เดินนำเข้าไปให้พร้อมทั้งเจรจาพาทีเสร็จสรรพ ไม่ช้าไม่นานทั้งคณะของเราก็ผ่านพ้นการตรวจของ ตม. ได้อย่างสวัสดิภาพ หลังจากนั้นจึงเดินทางต่อโดยรถไฟ เพื่อไปยังตัวเมืองซัปโปโร เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามอ่านต่อได้ในตอนต่อไปนะครับ ปัจฉิมลิขิต : ขณะที่เครื่องบินเข้าสู่ลานช่องจอดที่สนามบิน นิว-ชิโตเสะ จะมีเจ้าหน้าที่ภาคสนามด้านนอกเครื่องบินคอยให้สัญญาณ เมื่อเครื่องจอดสนิทแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างโค้งคำนับ บอกเลยครับขนลุก ดูเขาใส่ใจทุกรายละเอียดจริง ๆ ( ตอนต่อไป ประสบการณ์ตะลุยญี่ปุ่นครั้งแรก ชมเมืองซัปโปโร ) ภาพประกอบโดย : Shenzhen inDY