จังหวัดกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่นอกจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนักแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้เที่ยวชมกันตลอดทั้งปีด้วย โดยไม่จำกัดฤดูกาลและวันเวลา ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรีก็จะมีให้เลือกเที่ยวหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นแนวธรรมชาติ, แนวประเพณีและวัฒนธรรม, แนวผจญภัย หรือแนวประวัติศาสตร์ แต่ด้วยความที่เมืองกาญจน์มีสถานที่เที่ยวเยอะมากมายจนเลือกไม่ถูก วันนี้เราเลยรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นในจังหวัดกาญจนบุรีทั้ง 12 แห่งที่ควรมาเที่ยวชมมาให้อ่านกัน เพื่อที่ว่าจะได้วางแผนเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว ถ้าพร้อมแล้วก็เตรียมลิสต์รายชื่อได้เลยค่ะ ^^1. สะพานข้ามแม่น้ำแคว “สะพานข้ามแม่น้ำแคว” ตั้งอยู่ที่ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง ซึ่งสะพานแห่งนี้เป็นสถานที่เที่ยวสำคัญอันดับแรกที่ควรมาเที่ยวชม เพราะที่นี่ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดกันเลยทีเดียว โดยเป็นสะพานสำคัญที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะที่สร้างขึ้นจากแรงงานเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรภายใต้การควบคุมของกองทัพญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้งยังเป็นอนุสรณ์ของสงครามมหาเอเชียบูรพาอีกด้วย ปัจจุบันมีการยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพค่ะ ไฮไลต์หรือจุดเด่นของการมาเที่ยวชมสะพานข้ามแม่น้ำแควคือการเดินบนทางรถไฟในระยะทาง 300 เมตร ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินบนทางรถไฟได้ โดยสามารถชมวิวสวย ๆ ของแม่น้ำแควทั้งสองฝั่ง หรือโพสท่าถ่ายรูปสวย ๆ กลางสะพาน แต่ต้องระวังสัญญาณรถไฟผ่านมาให้ดี เนื่องด้วยบนสะพานข้ามแม่น้ำแควยังมีรถไฟสัญจรเป็นปกติทุกวันค่ะปักหมุดได้ที่: ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 71000GPS: https://goo.gl/maps/yp3Zij5sDG2BDrt69โทร: การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร.02-621-8701 ต่อ 5202เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 - 19.00 น.2. ถ้ำกระแซ “ถ้ำกระแซ” ตั้งอยู่ติดกับเส้นทางรถไฟสายมรณะ บริเวณช่วงโค้งมรณะ ซึ่งถ้ำกระแซเป็นแลนด์มาร์กสำคัญอีกแห่งที่ควรมาเที่ยวชม เนื่องจากเป็นจุดชมวิวรถไฟที่เดินทางผ่านริมหน้าผา เรียกว่าเป็นจุดชมวิวแม่น้ำแควที่สวยงามที่สุดเลยทีเดียว นอกจากนั้นที่นี่ยังเคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างทางรถไฟสายมรณะและสะพานข้ามแม่น้ำแควในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีลักษณะเป็นถ้ำขนาดเล็ก เมื่อเข้าไปภายในถ้ำก็จะพบ “หลวงพ่อถ้ำกระแซ” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานให้ผู้คนได้กราบไหว้สักการะค่ะ จุดไฮไลต์ของการมาเที่ยวถ้ำกระแซคือการชมและถ่ายรูปรถไฟที่แล่นไปตามโค้งภูเขาบนเส้นทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งหากต้องการมาเที่ยวชมถ้ำกระแซพร้อมกับชมวิวสวย ๆ ริมแม่น้ำแคว แนะนำว่าให้มาเส้นทางที่มายังรีสอร์ตสวนไทรโยคดีกว่า และระหว่างเดินบนสะพานถ้ำกระแซที่เป็นสะพานไม้เลียบหน้าผายาว 400 - 450 เมตร ต้องเดินอย่างระวังและระวังรถไฟด้วย เพราะที่นี่ยังคงเปิดให้รถไฟวิ่งได้ตามปกติ และถ้าต้องการนั่งรถไฟระยะสั้น 600 เมตร สามารถไปรอที่สถานีรถไฟถ้ำกระแซ-สวนไทรโยค หรือสวนไทรโยค-ถ้ำกระแซได้ 2 รอบ รอบ คือรอบเวลา 08.00 น. และ 14.30 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะปักหมุดได้ที่: ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีGPS: https://goo.gl/maps/QLdoftrpNv9kF8sc8โทร: -เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 - 18.00 น.3. วัดถ้ำเสือ “วัดถ้ำเสือ” ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงในอำเภอท่าม่วง ซึ่งวัดถ้ำเสือเป็นวัดไทยสุด Unseen ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี เดิมที่วัดแห่งนี้เป็นเพียงสำนักสงฆ์ขนาดเล็กในบริเวณถ้ำเสือด้านล่างริมเนินเขา แต่ต่อมาชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างและบูรณะจนกลายเป็นวัดที่ใหญ่โตสวยงาม โดยภายในวัดประกอบด้วยอาคารและเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมหลากหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบไทย, แบบจีน, แบบญี่ปุ่น และแบบผสมผสานค่ะ ไฮไลต์หรือจุดเด่นของวัดถ้ำเสือคือ “หลวงพ่อชินประทานพร” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสีทองอร่ามทั้งองค์ปางประทานพรขนาดใหญ่ที่สุดตั้งประดิษฐานอยู่บนเนินเขาอย่างสวยงามโดดเด่นมองเห็นมาแต่ไกล และมี “พระอุโบสถอัฏฐมุขทรงไทย” ที่ประดับตกแต่งลวดลายสวยงาม นอกจากนั้นยังมี “พระเจดีย์เกศแก้วปราสาท” ที่เป็นพระเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมสีอิฐทั้งองค์ โดยภายในพระเจดีย์มีทั้งภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนัง, พระพุทธรูปต่าง ๆ และพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญจากประเทศอินเดียค่ะปักหมุดได้ที่: ตำบลท่าม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี 71110GPS: https://goo.gl/maps/1EVweP1Ter7Pq2FQ9โทร: 088-457-8778เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น.4. ต้นจามจุรียักษ์ “ต้นจามจุรียักษ์” ตั้งอยู่ที่บ้านเขาตก หมู่บ้านกสิกรรม ตำบลเกาะสำโรง อำเภอเมือง ซึ่งต้นจามจุรียักษ์เป็นต้นไม้ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ขนาดลำต้นกว้างใหญ่เท่า 10 คนโอบ และสูงถึง 20 เมตรเลยทีเดียว โดยกิ่งก้านใบแผ่กระจายเป็นวงกว้างและตั้งพุ่มเขียวขจีให้ร่มเงาครอบคลุมพื้นที่กว่าหนึ่งไร่เศษ ส่วนรากของต้นไม้แต่ละแขนงที่ใหญ่เช่นเดียวกับกิ่งก้านแผ่ขยายไปทั่วอาณาเขต ด้วยขนาดใหญ่อลังการของต้นจามจุรียักษ์นี้เอง ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่เที่ยวที่ใคร ๆ ต่างแวะมาเที่ยวชมค่ะ ไฮไลต์หรือจุดเด่นของการมาเที่ยวชมต้นจามจุรียักษ์คือสะพานวงกลมยกพื้นสูงเหนือพื้นดินล้อมรอบลำต้นที่ใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน เพื่อหลบแดดหลบฝน ตากลมเย็น ๆ ใต้ต้นไม้ หรือเดินถ่ายรูปเล่นรอบสะพาน เมื่อก้าวเข้าไปยืนหรือนั่งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นจามจุรียักษ์จะรู้สึกว่าตัวเรานั้นช่างตัวเล็กนิดเดียว ราวกับย้ำเตือนให้ระลึกเสมอว่าไม่มีใครยิ่งใหญ่เกินกว่าธรรมชาติ และหากมาเที่ยวชมในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนสิงหาคมก็จะเห็นต้นจามจุรียักษ์ออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งอย่างสวยงามน่าจับตาค่ะปักหมุดได้ที่: บ้านเขาตก หมู่บ้านกสิกรรม ตำบลเกาะสำโรง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 71000GPS: https://goo.gl/maps/DBLaMp313BxRwfNC6โทร: 03-467-1840เปิด: ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น. และทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30 - 17.00 น.5. น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น “น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น” ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นมีต้นกำเนิดจากเทือกเขากะลาไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ แบ่งออกเป็น 7 ชั้น โดยแต่ละชั้นจะมีความสูงและสวยงามแตกต่างกันไป ด้วยบรรยากาศที่รายล้อมด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์ประกอบกับม่านน้ำตกที่ไหลลดหลั่นกันลงมาอย่างสวยงามนี้เอง ทำให้กลายเป็นน้ำตกยอดนิยมที่ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีและเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดจนมีนักท่องเที่ยวต่างแวะมาเที่ยวชมกันอย่างไม่ขาดสายเลยทีเดียวค่ะ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นตั้งแต่ชั้นแรกจนถึงชั้นที่ 4 มีระยะทางเพียง 300-750 เมตร แต่น้ำตกชั้นที่ 5 ขึ้นไปจนถึงน้ำตกชั้นบนสุดมีระยะทางมากกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งน้ำตกแต่ละชั้นก็จะมีชื่อเรียกแตกต่างกัน เริ่มจากน้ำตกชั้นที่ 1 -7 คือ ดงว่าน, ม่านขมิ้น, วังหน้าผา, ฉัตรแก้ว, ไหลจนหลง, ดงผีเสื้อ และร่มเกล้า โดยน้ำตกชั้นที่ 4 “ฉัตรแก้ว” เป็นชั้นที่สวยงามที่สุด เนื่องจากมีสายน้ำไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ คล้ายผ้าม่าน หากต้องการถ่ายภาพม่านน้ำตก แนะนำว่าให้มาช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนเมษายนจะดีที่สุด นอกจากนั้นที่นี่ยังมีเส้นทางเดินชมน้ำตกกับเส้นทางศึกษาธรรมชาติ รวมถึงพื้นที่/กางเต็นท์พักแรมอีกด้วยค่ะปักหมุดได้ที่: อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรีGPS: https://goo.gl/maps/aXukZxDaXgfFLfw47โทร: -เสียค่าเข้าชม: คนไทย >> เด็ก ราคา 30 บาท / ผู้ใหญ่ ราคา 60 บาท ชาวต่างชาติ >> เด็ก ราคา 150 บาท / ผู้ใหญ่ ราคา 300 บาทเปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น.6. เขื่อนศรีนครินทร์ “เขื่อนศรีนครินทร์” ตั้งอยู่ในบริเวณบ้านเจ้าเณร ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งเขื่อนศรีนครินทร์เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลองและยังเป็นเขื่อนประเภทหินถมแกนดินเหนียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย โดยสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตประจำวันในด้านต่าง ๆ ปัจจุบันเขื่อนแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรีค่ะ ไฮไลต์หรือจุดเด่นของเขื่อนศรีนครินทร์คือถนนสันเขื่อนที่ถือเป็นจุดชมวิวสวยงามที่สุด ซึ่งด้านหนึ่งของเขื่อนเป็นทะเลสาบกว้างและมีเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ ส่วนอีกด้านเป็นกำแพงเขื่อนสูงลิ่ว พอมองลงไปด้านล่างก็จะเห็นประตูระบายน้ำและแม่น้ำแม่กลองไหลคดเคี้ยวไปตามหุบเขา นอกจากนั้นยังมีต้นไม้และแปลงดอกไม้สวย ๆ, สวนเวลารำลึก และเรือสำหรับนั่งชมวิวทิวทัศน์ในทะเลสาบ ส่วนภายในเขื่อนมีเรือนแพต่าง ๆ ให้ใช้บริการ ด้วยความที่เขตพื้นที่เขื่อนมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์อยู่มาก ทำให้กลายเป็นเขื่อนแห่งเดียวที่ถูกยกให้เป็นอุทยานแห่งชาติค่ะปักหมุดได้ที่: อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรีGPS: https://goo.gl/maps/c9DeMahd5aTvAwAXAโทร: 034-574-001 ต่อ 2455, 2457เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 - 18.00 น.7. อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ “อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์” หรือ “ปราสาทเมืองสิงห์” ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแควน้อยในตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค ซึ่งปราสาทเมืองสิงห์เป็นโบราณสถานแบบขอมเพียงแห่งเดียวในภาคตะวันตกที่ยังเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน โดยสร้างตามแบบศิลปะลพบุรีตอนปลาย พุทธศตวรรษที่ 16-18 เพื่อใช้เป็นศาสนสถานของพุทธศาสนา ฝ่ายมหายาน ในช่วงที่อาณาจักรขอมปกครองพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคกลางของไทย เมื่ออาณาจักรขอมล่มสลาย ที่นี่จึงถูกทิ้งร้างผุพังอย่างที่เห็นในปัจจุบันค่ะ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์มีลักษณะผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและมีประตูเข้าออก 4 ด้าน ส่วนกำแพงเมืองก่อด้วยศิลาแลงล้อมรอบด้วยคูน้ำคันดิน ซึ่งจุดเด่นหรือไฮไลต์ของปราสาทเมืองสิงห์คือโบราณสถานหมายเลข 1 ที่เป็นตัวปราสาทโบราณตั้งอยู่ตรงกลาง ใช้เป็นที่ประดิษฐานของเทวรูปศิลปะขอม นอกจากนั้นบริเวณปราสาทติดกับแม่น้ำยังมีหลุมขุดค้นทางโบราณคดีที่ขุดพบทั้งโครงกระดูกมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์, เครื่องมือเครื่องใช้ และเครื่องประดับโลหะอีกด้วยค่ะปักหมุดได้ที่: อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทเมืองสิงห์ ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี 71150GPS: https://goo.gl/maps/oFoJXayQX7Au4Aos5โทร: 03-467-0264Facebook Fanpage: อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์เสียค่าเข้าชม: คนไทย ราคา 10 บาท / รถยนต์ ราคา 50 บาท / ชาวต่างชาติ ราคา 40 บาท เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.30 น.8. หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 “หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2” ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว ริมแม่น้ำแควใหญ่ อำเภอเมือง ซึ่งหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนที่จัดแสดงหลักฐานประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยภายนอกอาคารจัดแสดงซากรถจักรไอน้ำและเครื่องบินอย่างโดดเด่น ส่วนภายในอาคารจัดแสดงทั้งภาพถ่ายขาวดำที่เห็นถึงสภาพของเชลยศึกสงคราม และสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ในสมัยนั้น เช่น อาวุธ, เครื่องบินรบ, ยานพาหนะของทหารญี่ปุ่น, ของสะสมส่วนตัว, ของใช้ในชีวิตประจำวัน, เงินเก่าโบราณที่เก็บสะสมไว้ในตู้ เป็นต้น จุดเด่นหรือไฮไลต์ของหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 คือ หุ่นจำลองสามมิติที่จัดแสดงถึงเหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น ชีวิตความเป็นอยู่ของเชลยศึก, การถูกเกณฑ์แรงงานในการสร้างทางรถไฟสายมรณะ, จุดแรกของการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว และการสร้างห้องจำลองเหตุการณ์ระเบิดสะพานข้ามแม่น้ำแคว นอกจากนั้นที่นี่ยังมีการจัดแสดงประวัติศาสตร์ชาติไทย ตั้งแต่สงครามระหว่างไทย-พม่า และเรื่องราวอื่น ๆ อย่างหลากหลายค่ะปักหมุดได้ที่: เชิงสะพานข้ามแม่น้ำแคว ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 71000GPS: https://goo.gl/maps/Z2RgWLaasYmCfUVc9 โทร: 03-451-2596เสียค่าเข้าชม: คนไทย ราคา 10 บาท / รถยนต์ ราคา 50 บาท / ชาวต่างชาติ ราคา 40 บาท เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.30 น.9. น้ำตกเอราวัณ “น้ำตกเอราวัณ” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ อำเภอศรีสวัสดิ์ บริเวณฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ซึ่งน้ำตกเอราวัณมีต้นกำเนิดจากลำธารห้วยม่องลายที่ไหลพาดผ่านลงมาจากยอดเขาผ่านหน้าผาเป็นระยะทางต่อเนื่องกันประมาณ 1,500 เมตร จนเกิดเป็นน้ำตกลดหลั่นกันถึง 7 ชั้น และน้ำตกแต่ละชั้นสวยงามแตกต่างกันไป โดยน้ำตกชั้นที่ 7 เป็นน้ำตกที่มีสายน้ำไหลบ่าลงมาผ่านเชิงผา หากมองหน้าผาตรงหน้าไกล ๆ ก็จะมีลักษณะคล้ายช้างสามเศียรหรือหัวช้างเอราวัณ จนกลายเป็นที่มาของชื่อ “น้ำตกเอราวัณ” ค่ะ หากต้องการพิชิตน้ำตกเอราวัณทั้งหมด 7 ชั้น แนะนำว่าให้มาในช่วงเช้า ๆ ตั้งแต่อุทยานเปิดให้เข้าชมน้ำตกจะดีที่สุด เนื่องจากต้องใช้เวลาเดินขึ้น-ลงน้ำตกอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และคนที่มาเที่ยวชมน้อยกว่าช่วงสาย ๆ รวมถึงแดดไม่ร้อนมากนัก ซึ่งไฮไลต์หรือจุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้คือธารน้ำสีฟ้าอมเขียวมรกตที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ยิ่งได้ชมน้ำตกในช่วงที่แสงแดดส่องลงมาสะท้อนผืนน้ำสีฟ้าอมเขียวมรกตก็ยิ่งสวยงามจนต้องถ่ายภาพเก็บไว้ นอกจากนั้นยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ผ่านป่าดิบเขาอีกด้วย แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่หรือไกด์นำทางพาเดินป่า ถึงจะปลอดภัยค่ะ***อ่านรีวิวน้ำตกเอราวัณฉบับเต็มได้ที่ “พักผ่อนชิลล์ ๆ คลายร้อนที่ “น้ำตกเอราวัณ” จ.กาญจนบุรี”ปักหมุดได้ที่: อุทยานแห่งชาติเอราวัณ หมู่ 4 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี 71250 GPS: https://goo.gl/maps/UmioVuyytGLtaxBK8โทร: 03-457-4222, 034-574-234, 034-574-288Facebook Fanpage: อุทยานแห่งชาติเอราวัณ Erawan National Parkเสียค่าเข้าชม: คนไทย เด็ก >> (เดิม) ราคา 50 บาท / (ใหม่) ราคา 30 บาท*** ผู้ใหญ่ >> (เดิม) ราคา 100 บาท / (ใหม่) ราคา 60 บาท***ชาวต่างชาติ เด็ก >> (เดิม) ราคา 200 บาท / (ใหม่) ราคา 150 บาท*** ผู้ใหญ่ >> ราคา 300 บาทยานพาหนะ รถยนต์ >> 30 บาท รถจักรยานยนต์ >> 20 บาท***ทั้งนี้ค่าเข้าชม (ใหม่) นี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไปค่ะ***เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น.10. น้ำตกไทรโยคน้อย “น้ำตกไทรโยคน้อย” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค ซึ่งน้ำตกไทรโยคน้อยเป็นน้ำตกชั้นเดียวที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักคือ สูงประมาณ 15 เมตรแผ่กระจายไปตามพื้นเขาลาดเอียงภายใต้ร่มเงาของพันธุ์ไม้นานาชนิดและมีแอ่งสำหรับเล่นน้ำ ส่วนบริเวณรอบ ๆ น้ำตกมีสภาพธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนจะมีน้ำมากให้ได้เล่นน้ำอย่างชุ่มฉ่ำค่ะ น้ำตกไทรโยคนอกจากมีน้ำตกที่สวยงามให้เที่ยวชมแล้วยังมีหัวรถจักรไอน้ำในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาจัดแสดงใกล้ ๆ กัน เพื่อรำลึกถึงการสร้างทางรถไฟสายมรณะที่สร้างผ่านหน้าบริเวณน้ำตกเข้าสู่ประเทศพม่า อีกทั้งบริเวณหน้าน้ำตกยังมีร้านค้าต่าง ๆ มาตั้งขายหลายร้านอย่างคึกคัก โดยเฉพาะเมนูของทอด แต่ที่พลาดไม่ได้เลยคือร้านส้มตำไก่ย่าง เหมาะสำหรับการนั่งปิกนิกข้างน้ำตกและพักผ่อนหย่อนใจค่ะปักหมุดได้ที่: อุทยานแห่งชาติไทรโยค ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีGPS: https://goo.gl/maps/LiqhWYEhTUfRyVD89โทร: 03-468-6024เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น.11. พิพิธภัณฑสถานแห่งความทรงจำช่องเขาขาด “พิพิธภัณฑสถานแห่งความทรงจำช่องเขาขาด” หรือ “ช่องเขาขาด” ตั้งอยู่บริเวณกองส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา อำเภอไทรโยค ซึ่งพิพิธภัณฑสถานแห่งความทรงจำช่องเขาขาดเป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เชลยศึกสงครามและกรรมกรหลายหมื่นคนที่เสียชีวิตจากการสร้างทางรถไฟสายมรณะในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น ชีวิตที่ยากลำบากของการเป็นเชลย, ความโหดร้ายทารุณ, ความอดอยาก และโรคภัยไข้เจ็บค่ะ พิพิธภัณฑสถานแห่งความทรงจำช่องเขาขาดมีพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ นิทรรศการภายในอาคารและด้านหลังอาคารที่เป็นสถานที่จริงของช่องเขาขาด ซึ่งนิทรรศการภายในอาคารจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างทางรถไฟสายมรณะและความโหดร้ายป่าเถื่อนของสงคราม และด้านหลังอาคารเป็นเส้นทางเดินลงไปยังบริเวณช่องเขาขาดที่เชลยศึกสงครามร่วมกันสร้างขึ้นอย่างยากลำบาก โดยบรรยากาศระหว่างทางเป็นไปอย่างเงียบสงบ ประดับธงชาติ และดอกป๊อปปี้อยู่เป็นระยะ เพื่อระลึกถึงผู้ล่วงลับให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงความเลวร้ายจากภัยสงครามค่ะปักหมุดได้ที่: กองส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีGPS: https://goo.gl/maps/6L431ZtBajnGsf3p9โทร: 03-491-9605, 081-733-0328เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น.12. น้ำตกไทรโยคใหญ่ “น้ำตกไทรโยคใหญ่” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยคเช่นเดียวกับน้ำตกไทรโยคน้อย ซึ่งน้ำตกไทรโยคใหญ่เป็นลักษณะน้ำตกชั้นเดียวขนาดใหญ่ที่มีน้ำตลอดทั้งปี ส่วนบริเวณด้านบนน้ำตกปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาชนิดที่ให้ความร่มรื่นสวยงาม โดยน้ำตกแห่งนี้แตกต่างจากน้ำตกแห่งอื่นตรงที่ด้านหน้าของน้ำตกเป็นแม่น้ำแควน้อยและสายน้ำของน้ำตกจะไหลลงมาจากหน้าผาสูงเกือบ 10 เมตร หากต้องการชมความสวยงามของน้ำตก แนะนำให้เดินมาชมได้ที่สะพานแขวนไทรโยคค่ะ บริเวณรอบน้ำตกริมแม่น้ำแควน้อยเรียงรายไปด้วยเรือนแพที่พัก, ร้านอาหาร และแพลากคอยให้บริการนักท่องเที่ยว นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ อย่างการล่องเรือแม่น้ำแควน้อยไปชมน้ำตกไทรโยคเล็กที่สูงประมาณ 500 เมตร และล่องแพชมธรรมชาติสวยงามสองข้างทาง แต่ถ้าต้องการเที่ยวชมหินงอกหินย้อยที่สวยงาม สามารถแวะชมได้ที่ถ้ำดาวดึงส์, ถ้ำละว้า และถ้ำแก้ว สำหรับคนที่ต้องการมาเที่ยวในช่วงฤดูฝนอาจต้องเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากมีน้ำป่าไหลหลากค่ะปักหมุดได้ที่: อุทยานแห่งชาติไทรโยค หมู่ 7 ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี 71150GPS: https://goo.gl/maps/WDgHYd3f1XX1W5wC7 โทร: 089-028-1958, 034-686-024Facebook Fanpage: อุทยานแห่งชาติไทรโยค - Sai Yok National Parkเสียค่าเข้าชม: คนไทย เด็ก >> (เดิม) ราคา 50 บาท / (ใหม่) ราคา 30 บาท*** ผู้ใหญ่ >> (เดิม) ราคา 100 บาท / (ใหม่) ราคา 60 บาท***ชาวต่างชาติ เด็ก >> (เดิม) ราคา 200 บาท / (ใหม่) ราคา 150 บาท*** ผู้ใหญ่ >> ราคา 300 บาทยานพาหนะ รถยนต์ >> 30 บาท รถจักรยานยนต์ >> 20 บาท***ทั้งนี้ค่าเข้าชม (ใหม่) นี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไปค่ะ***เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น. นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่เรารวบรวมมาให้อ่านแล้ว จังหวัดกาญจนบุรียังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ให้เที่ยวชมอีกมากมายชนิดที่ว่าต้องมาไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งถึงจะเที่ยวได้ครบทุกแห่ง สำหรับใครที่มองหาสถานที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และ ธรรมชาติสวย ๆ ควรมาเที่ยวชมเมืองกาญจน์กันนะคะ รับรองว่าเที่ยวได้ตลอดปีไม่มีเบื่อเลยค่ะ ^^ออกแบบหน้าปกใน Canva โดย: Windy_55 (ผู้เขียน)เครดิตภาพประกอบบทความทั้งหมดโดย: Windy_55 (ผู้เขียน)กำลังหาที่เที่ยวหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565