เที่ยวปายใน 2 วัน ไป - กลับ รีวิวนี้เป็นการเดินทางโดยรถยนตร์ส่วนตัว หากใครจะบินตรงมาลงปาย หรือนั่งรถโดยสาร ก็ลองปรับตามความเหมาะสมก็ได้นะคะ ^^ เริ่มต้นเราออกจากเชียงใหม่กันแต่เช้าตรู่ เราใช้เส้นทางสายแม่มาลัย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ มุ่งหน้าตรงสู่เมืองปาย จ.แม่ฮ่องสอน ด้วยระยะทาง 762 โค้ง ประมาณ 245 กิโลเมตร สนุกสนานกับการขับรถกันเลยทีเดียว จุดแรกที่เราแวะเที่ยวกันคือ อุทยานแห่งชาติ "ห้วยน้ำดัง" ลงไปสัมผัสบรรยากาศความเย็น เที่ยวชมสวนดอกไม้ แวะพักรถเข้าห้องน้ำ กินกาแฟ ถ่ายรูปเล่น ส่วนถ้าใครมาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นก็จะเจอกับ "ทะเลหมอก" ที่สวยงามตามแนวเขายาวสุดลูกหูลูกตา หรือหากใครอยากจะมานอนกางเต็นท์ที่นี่ ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่แนะนำค่ะ (แต่บอกไว้ก่อนว่าหนาวมาก) บ้างท่านก็เลือกแวะเที่ยวตอนขากลับ เพราะว่าเป็นเส้นทางผ่านที่ผ่านทั้งขาไป และขากลับ เชียงใหม่ - ปาย ราคาเข้าห้วยน้ำดังเพื่อนำไปบำรุงรักษาอุทยาน ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท จากทางเข้าด้านหน้าขับเข้าไประยะทาง 4.1 กิโลเมตร ไปถึงจะสัมผัสได้ถึงความเย็น ซึ่งเย็นตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะไปเที่ยวฤดูไหนก็ตาม เดินทางมาต่อถึงจุดแวะที่ 2 เป็นอีกจุดที่ไม่มีใครที่มาปาย จะไม่แวะถ่ายรูปที่ "สะพานประวัติศาสตร์ปาย" ไม่ขาไป-ก็ขากลับปาย ซึ่งจะต้องมาถ่ายรูปเช็คอินกันอย่างแน่นอน ใครไม่แวะถือว่าพลาดมากๆ เพราะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำปาย สะพานประวัติศาสตร์ของคนเมืองปาย สะพานที่จะพาเราเข้าสู่ตัว อ.ปาย แต่เป็นสะพานที่ไม่ได้มีการใช้งาน แต่ยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นอนุสรณ์สถาน จุดที่ 3 ก่อนเข้าตัวอำเภอ "กองแลน หรือที่เค้าเรียกกันอีกอย่างก็คือ ปาย แคนยอน" : Pai Canyon ถ้าแปลตรงตัวตามภาษาเหนือก็คือ "กอง" แปลว่า ถนน,ทางเดิน เป็นซอยเล็กๆ ประมาณนี้ ส่วน "แลน" แปลว่า สัตว์ชนิดหนึ่งที่เรามักเรียก ตะกวด,จะกวด หรือ จังกวด นั่นเอง รวมกันแล้วคือ ถนนที่ตะกวดเดิน (ปัจจุบันนักท่องเที่ยวเยอะ มองไปทางไหนไม่มีแลนสักตัว สงสัยอาจจะกลัวนักท่องเที่ยวหนีเข้าป่าไปหมดแล้ว) ส่วนมากคนนิยมมาดูพระอาทิตย์ขึ้น หรือไม่ก็ตกเพราะบรรยากาศมันได้จริงๆ สวยมากๆ แต่ถ้าใครจะมาในเวลาปกติก็ได้มาถ่ายรูปกับวิวก็สวยไม่แพ้กัน และกองแลนยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องปาย อิน เลิฟ อีกด้วย เข้ามาตัวอำเภอปายแวะเติมพลังทานข้าวกันที่ "ส้มตำหน้าอำเภอ" ร้านเก่าแก่ดั้งเดิมของเมืองปายอีก 1 ร้าน ร้านตั้งอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอปาย เราสามารถนำรถไปขอจอดได้ในที่ว่าการอำเภอ ที่นั่นเค้าใจดีมากเลยให้เราจอดฟรี แล้วเราก็เดินข้ามถนนไปทานอาหารกัน ร้านนี้มีเมนูเด็ดมากมาย รสชาติก็อร่อย ไปทีไรก็ต้องไปให้ได้เลยร้านนี้ เติมพลังเสร็จด้วยของคาวกันแล้ว..ก็แวะไปเติมพลังด้วยของหวานกันสักหน่อย ห่างกันไม่ค่อยเยอะ อยู่ในตัวเมืองเมืองปายเช่นกัน ชื่อว่าร้าน "เค้กโกโอ" ที่นี่มีทั้งเบเกอรี่ เค้ก พาย เยอะแยะมากมายละลานตา จนไม่รู้จะเลือกทานอะไรเลยแหละ ร้านก็ตกแต่งน่ารักมากด้วยดอกไม้ (ดอกไม้ปลอม แต่โคตรเหมือนจริง) เต็มร้านเลย ใครไปก็ต้องแวะทานเค้กและได้รูปสวยๆกลับไปอย่างแน่นอน อีกจุดหมายก่อนเข้าที่พัก "น้ำพุร้อนธรรมชาติป่าอนุรักษ์ไทรงาม" ห่างจากตัวเมืองปาย ประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นบ่อน้ำผุดซึ่งมีความลดหลั่นของแต่ละชั้นต่างกันลงมา เป็นบ่อน้ำอุ่น ซึ่งน้ำท่องเที่ยวชอบที่จะไปนอนแช่ร่างกายกัน ที่นั้นจะรายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธ์ เขียวขจีไปทั่วทั้งบริเวณ หากใครจะไปแนะนำเอาชุดไปเปลี่ยนด้วยนะ เพราะคุณจะอดใจไม่ไหวที่อยากจะไปแช่น้ำกันเลยทีเดียว แช่น้ำเสร็จก็กลับที่พัก ที่พักปาย มีหลากหลายราคาและหลายแบบมาก ถ้าหากไปช่วงฤดูหนาว ราคาก็จะสูงนิดหนึ่ง และบางครั้งอาจจะได้จองล่วงหน้า แต่โรงแรมที่ปายเยอะมาก ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ไปหาได้ตามหน้างานได้เลย (ที่ต้องจองเฉพาะโรงแรมที่เราจะมาพักเอาบรรยากาศเท่านั้น) ตกเย็นหัวค่ำหลังจากพักผ่อน อาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วอีกหนึ่งในไฮไลท์ของเมืองปายก็คือ "ถนนคนเดินปาย" บอกเลยไปหากินอาหารเย็นแถวถนนคนเดินรับรองพุงแทบแตกกลับที่พัก เพราะถนนคนเดินที่ปายของกินเยอะมากตลอดทั้งสาย มีทั้งอาหารไทย อาหารเหนือ ยูนาน อาหารจีน อาหารแบบตะวันตก อาหารฮาลาล บาร์นั่งชิว บอกเลยครบจบในที่เดียว เช้าวันต่อไปก่อนจะเดินทางกลับไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ "ทะเลหมอกหยุนไหล" ไปดูทะเลหมอกเมืองปายกัน (บางคนอาจไม่ไปเที่ยวน้ำตก บ่อน้ำร้อนจะขึ้นมาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ก็ได้นะ สวยงามไปอีกแบบ) เนื่องจากตอนนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปเที่ยวชมจำนวนมาก ทำให้บางครั้งเกิดอุบัติเหตุในการขับรถขึ้นไป ทางหมู่บ้านจะมีรถบริการนำเที่ยว อยู่ตรงบริเวณหมูบ้านสันติชล คันละ 300 บาท นั่งได้ 10 คน จะเหมานั่งรวมกับคนอื่นก็ได้ แต่เวลาลงก็ต้องลงพร้อมกัน (จะเหมาหรือนั่งไปกับท่านอื่นก็ได้) และเวลาเที่ยวเสร็จก็โทรบอกให้คนขับรถที่เรานั่งมาขึ้นมารับเราลงไป ช่วงเช้าไม่สามารถขับรถขึ้นไปเองได้ แต่ช่วงสาย – บ่ายสามารถขับรถขึ้นไปเองได้ตามปกติ ขึ้นไปถึงที่ทะเลหมอกหยุนไหลจะมีค่าเที่ยวชม 20 บาท จะได้น้ำชา 1 กา จิบไปท่ามกลางบรรยากาศทะเลหมอก ฟินไปอีก แถมจะมีโจ๊ก ข้าวต้ม ปาท่องโก๋ หมั่นโถ ทั้งแบบทอดและแบบนึ่ง ให้เลือกซื้อหามารับประทานไป นั่งชิวชมบรรยากาศไป แนะนำให้ขึ้นไปตั้งแต่ตี 5.30 น. ถ้าเราไปสายเราก็จะเห็นแค่หมอกจางๆ กับวิวสวยๆ อยากเห็นทะเลหมอกต้องตื่นเช้าไปนะจ๊ะ ถ้าใครไม่อยากทานอาหารที่โรงแรมมีหนึ่งร้านแนะนำ ก็ที่ "หมู่บ้านสันติชล" นั้นแหละ อาหารการกินแบบสไตล์จีน ยูนาน มีทั้งขาหมู หมั่นโก ขาหมูพันปี หลากหลายเมนูเลยทีเดียว ทานข้าวเสร็จก็แวะเที่ยวเล่นบริเวณนั้น มีทั้งขี่มา ยิงธนู ยิงปืน ชิงช้า เล่นเครื่องเล่น ถ่ายรูปบรรยากาศเสมือนเราอยู่เมืองจีน มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย เที่ยวเสร็จแล้วก็ก่อนออกจากหมู่บ้าน แวะไหว้พระที่ "วัดน้ำฮู" เป็นวัดที่ประดิษฐานของเจ้าพ่ออุ่นเมือง พระพุทธรูปองค์นี้ พระเศียรกลวง ส่วนบนเปิด-ปิดได้และมีน้ำขังอยู่ เป็นพระพุทธรูปสิงห์สาม อายุประมาณ 500 ปี เมื่อ พ.ศ. 2515 ศักดิ์สิทธิ์มาก ใครไป ใครมาก็จะมาสักการะบูชา ขอพร เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต สุดท้ายก่อนเดินทางกลับเชียงใหม่ ก็ต้องแวะร้านกาแฟชื่อดังของเมืองปาย "Coffee In Love (คอฟฟี่ อิน เลิฟ)" เที่ยว 2 วัน ไปทั้งที่ไปให้คุ้มค่าน้ำมัน ปายยังมีที่เที่ยวอีกเยอะมากๆ แต่เราหยิบยกมาเพียงที่เด่นๆ ที่ดังๆ ไว้ไปเที่ยวจะหาที่เที่ยวอื่นมารีวิวอีกนะคะ