สวัสดีค่ะผู้อ่านทุก ๆ คน สิริกลับมาอีกแล้วกับ “พาเที่ยวสงขลา” ตามสไตล์ของสิริ ในครั้งนี้สิริก็จะพาไปเที่ยววัดรูปช้าง ซึ่งหากผู้อ่านได้ติดตามผลงานที่แล้วของสิริ ได้พาไปเที่ยวชมถ้ำเจ้าแม่กวนอิมที่วัดเขารูปช้างมาแล้ว (อยากบอกว่าไปเที่ยวทีนี่ที่เดียวมีอะไรให้สิริพบเจอหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย จะเขียนเล่าทีเดียวในบทความเดียวคงไม่หมด) ครั้งนี้ก็ไปวัดเขารูปช้างเหมือนกัน แต่จะไปในอีกส่วนหนึ่งที่มีชื่อว่า “ถ้ำช้างมังกร” สำหรับการเดินทาง หากเดินทางมาจากตัวเมืองหาดใหญ่ไปยังวัดเขารูปช้าง ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลปาดังเบซาร์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ในส่วนของถ้ำจะตั้งอยู่หลังศาลาวัดซึ่งเป็นภูเขาหินตามธรรมชาติ ทางเดินขึ้นไปยังถ้ำเป็นรูปปั้นพญานาคอยู่ที่ราวบันได เมื่อเดินขึ้นมาถึงปากถ้ำจะเห็นรูปปั้นเศียรช้างสีขาวเผือกที่ชูเด่นอยู่ที่ผนังปากถ้ำ แสดงถึงสัญลักษณ์ของชื่อ ถ้ำช้างมังกร เมื่อเราเดินมาตรงปากถ้ำแห่งนี้บอกเลยว่าเป็นปากถ้ำที่กว้างมาก ๆ มองเข้าไปก็จะเห็นองค์พระพุทธรูปสีทองอร่ามโดดเด่นและมีขนาดใหญ่มาก ความกว้างของโถงถ้ำภายในที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สิ่งแรกที่เราต้องทำก่อนจะเข้าไปในถ้ำ คือ ถอดรองเท้าและใส่ไว้ในถุงผ้าที่ทางวัดจัดเตรียมไว้บริการ เนื่องจากทางออกของถ้ำค่อนข้างไกล จึงมีถุงเพื่อหิ้วรองเท้าระหว่างเดินถ้ำ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีทั้งในการรักษาความสะอาดของสถานที่ภายในถ้ำ ป้องกันปัญหารองเท้าหาย และจะได้สวมทันทีเมื่อออกจากถ้ำ ทริปของเราในครั้งนี้มีน้องผู้หญิงซึ่งเป็นเด็กที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว มาเป็นไกด์นำเที่ยวให้เราในครั้งนี้ โดยน้องได้บรรยายว่าถ้ำแห่งนี้สร้างขึ้นตามความศรัทธาตามแบบของพุทธศาสนาแบบไทยและแบบจีนผสมผสานกัน ภายในถ้ำจะมีห้องโถงที่ใช้เพื่อเป็นพื้นที่ปฏิบัติธรรม พระพุทธรูปในถ้ำมีทั้งองพระพุทธสัมมาสัมพุทธเจ้าตามแบบไทยและและมีพระโพธิสัตว์กวนอิม ภายในถ้ำเราจะเห็นหินงอกหินย้อยที่ตามธรรมชาติ ตามทางเดินสะอาดสะอ้าน และประดับด้วยไฟสีสันต่าง ๆ ซึ่งมีส่วนที่เหมือนห้องกระจกใส่ และมีประตูเหล็กกั้นอยู่ชั้นนอก ภายในเป็นเหมือนวัตถุบางอย่าง ซึ่งผู้เขียนได้ถามน้องไกด์ของเราว่าข้างในคืออะไร ซึ่งน้องก็บอกว่าเป็นพระพุทธรูป และวัตถุโบราณหายาก รวมถึงเครื่องรางของขลังต่าง ๆ ที่มีคุณค่าและมีความศักดิ์สิทธิ์ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ประตูเหล็กกั้นไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ของหายนั้นเอง จุดที่ผู้เขียนต้องยืนจ้องอยู่พักใหญ่ ๆ มีรูปปั้นของพระฤาษี และข้าง ๆ กันจะเป็นลักษณะของหินงอกสูงใหญ่รอบ ๆ หินงอกเต็มไปด้วยตัวเลขที่ถูกเขียนด้วยปากกาสีต่าง ๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจุดนี้ต้องเป็นจุดที่ให้เลขเด็ดอย่างแน่นอน น้องไกด์ก็เสริมมาว่า หากถูกรางวัลเลขเด็ดก็จะมาแก้บน และเขียนเลขเหล่านั้นไว้ที่หินข้างรูปปั้นพระฤาษีดังกล่าว การเดินอยู่ในถ้ำอารมณ์เหมือนกำลังผจญภัย เพราะเราจะต้องเดินก้ม หลีกหิน เดินซิกแซกไปมา และมาถึงจุดที่ท้าทายที่สุด คือ ปากทางออก เพราะเป็นทางที่แคบมากและชัน ซึ่งตรงนี้อาจไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัวหรือกระดูก หรือผู้สูง เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุพลัดตกไปข้างล่างได้ เนื่องจากทางเป็นหินที่ค่อนข้างลื่น เราก็พยายามแทรกตัวลงมาตามช่องหินทีละก้าวช้า ๆ คืนถุงผ้าสำหรับใส่รองเท้า สิริและเพื่อน ๆ ได้ให้เงินแก่น้องไกด์ที่พาเราชมถ้ำ ถึงแม้ว่าน้องอาจจะพูดติดสำเนียงใต้แบบทองแดงไปบ้าง แต่ก็ดูจะเป็นเรื่องขบขันและสร้างบรรยากาศให้เราไปอีกแบบ สำหรับสิริแล้วถ้ำไม่ได้มีแค่ความสวยงามตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมีความสวยงามที่เกิดจากการสร้างขึ้นตามความเชื่อและความศรัทธา ได้เที่ยว ได้ขอพร ได้รับบุญ ได้ผจญภัย ครบในครั้งเดียว หากใครไม่หยุดเพียงเท่านี้ก็อาจจะเดินมาอีกหน่อยเพื่อไปชมถ้ำเจ้าแม่กวนอิมต่อที่อยู่ใกล้ ๆ กัน หรือถ้าหากอยากอ่านรีวิวก่อน ก็สามารถไปอ่านได้ตามลิงค์นี้ได้เลย สำหรับผู้ที่ต้องการมาเที่ยวที่ถ้ำช้างมังกรที่วัดเขาลูกช้าง ก็มากันได้นะคะ ซึ่งการเข้าชมถ้ำไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ตามปกติแล้ววัดจะมีนักท่องเที่ยวที่มาจากฝั่งมาเลเซียเป็นจำนวนมาก หากโชคดีแบบสิริซึ่งได้ไปวันที่ไม่มีนักท่องเที่ยว ก็เลยได้เดินเที่ยวชมแบบสงบชิว ๆ พาเที่ยวสงขลาในครั้งหน้า สิริจะพาผู้อ่านที่น่ารักไปชมและแชะภาพสวย ๆ จากสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนอย่าลืมติดตามกันนะคะ **เครดิตภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน**