เราอยู่ในช่วงโควิด – 19 กันมาช่วงนึงแล้ว ทั้งกังวลและเคลียดกันมามาก เรามาลองปลดปล่อยผ่อนคลายสมองหาที่เที่ยวกันดีกว่า ช่วงปลดแอกนี้ จะชวนเพื่อนๆมาเที่ยวกันให้สุด ๆ ไปเลย หลังจากเก็บกดไปนาน มีที่แนะนำที่ผู้เขียนไปลองมาแล้วและอยากแนะนำ มาก ๆ มีที่ไหนกันบ้างมาดูเลยค่ะ ทางรถไฟสายมรณะ และถ้ำกระแซ หลังสิ้นสุดสงครามรัฐบาลไทยได้จ่ายเงินจำนวน 50 ล้านบาท เพื่อซื้อทางรถไฟสายนี้ จากอังกฤษ และทำการซ่อมบำรุงบางส่วนของเส้นทางดังกล่าว เพื่อเปิดการเดินรถตั้งแต่สถานีหนองปลาดุกจนถึงสถานีน้ำตก โดยอยู่ในความดูแลของการรถไฟแห่งประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันเส้นทางนี้ไปสุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานีน้ำตก ระยะทางจากสถานีกาญจนบุรีถึงสถานีน้ำตกเป็นระยะทางประมาณ 77 กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดเดินรถบนเส้นทางนี้ทุกวันและจัดรถไฟขบวนพิเศษสายกรุงเทพฯ - น้ำตก ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ จุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากคือช่วงสะพานข้ามแม่น้ำแคว และช่วงโค้งมรณะหรือถ้ำกระแซ ซึ่งเป็นสะพานโค้งเลียบแม่น้ำแควน้อยยาวประมาณ 400 เมตร ถ้ำกระแซ เป็นถ้ำขนาดเล็ก ภายในถ้ำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศักดิ์สิทธิ์ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะไทย-พม่า สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณนี้เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟยากที่สุด เนื่องจากเส้นทางโค้งเลียบเขาและด้านล่างเป็นแม่น้ำลึกจึงได้สมยานามว่าโค้งมรณะ ตัวถ้ำติดกับเส้นทางรถไฟ วันนี้ผู้เขียนจะมาเล่าความประทับใจที่ได้ไปเที่ยวกาญจนบุรี ที่ทางรถไฟสายมรณะ และถ้ำกระแซ มาฝากกันนะค่ะ เผื่อใครสนใจหาที่เที่ยวกัน ก่อนถึงถ้ำกระแซเราพากันมาจอดรถที่บริเวณรีสอร์ทใกล้ ๆ ซึ่งจะมีที่ให้เราได้เล่นกีฬาแบบสนุก ๆ กันและปีนป่ายเชือก ห้อยโหนแบบ Adventure กันเลยทีเดียว เราก็เดินไปตามทางรถไฟเรื่อยๆฝั่งซ้ายมือเราก็จะเป็นรีสอร์ทบ้านริมแคว แพริมน้ำ เป็นรีสอร์ทแห่งเดียวที่สามารถมองเห็นทางรถไฟสายมรณะได้ชัดเจนที่สุด และเป็นรีสอร์ทที่บรรยากาศดีมากๆเลย ถ้าใครได้พักที่รีสอร์ทเราก็สามารถมองเห็นถ้ำกระแซและรถไฟวิ่งผ่านอย่างช้า ๆ เพื่อให้ทุกคนได้ชมกัน เวลาเดินชมวิวไปด้วยอย่าลืมก้มดูทางไม้หมอนด้วยนะ ระวังกันด้วย ไม่ต้องกังวลว่าตอนที่เราเดินอยู่นั้นรถไฟจะมาแล้วจะวิ่งหนีทันไหม อิอิ เพราะเราไปครั้งแรกก็กังวลและตื่นตูมเหมือนกันนะ ขำตัวเอง แต่ถ้ารถไฟจะวิ่งผ่านจะมีเจ้าหน้าที่นั่งรถที่เป็นเหล็กคันเล็ก ๆ ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าชื่อรถชนิดนี้เรียกว่าอะไร วิ่งมาตามทางรถไฟเพื่อเตือนทุกคนว่ารถไฟกำลังมา เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เดินไปซักพัก ก็จะเจอถ้ำกระแซ ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับ รีสอร์ท และมีพระพุทธรูปให้เราได้ไปกราบไหว้กันอีกด้วยค่ะ ส่วนร้านอาหารและร้านน้ำ ก็จะอยู่บริเวณใกล้ ๆ นะค่ะ ไม่ต้องห่วงว่าเดินไปไกลแล้วจะหิวไม่มีที่ซื้อ 2. อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทเมืองสิงห์ จ.กาญจนบุรี ปราสาทเมืองสิงห์ เป็นโบราณสถานแบบขอม ศิลปะลพบุรีตอนปลาย ช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-18 มีเนื้อที่ประมาณ 800 ไร่ ผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตัวปราสาทล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง คูน้ำ และแนวคันดิน เราได้ไปเที่ยวแล้ว ที่นั่นงดงามมาก และบริเวณนั้นมีต้นไม้ใหญ่บรรยากาศเย็นสบาย เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. ค่าเข้าชมสำหรับ คนไทย 10 บาทรถยนต์ 50 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท 3. เมืองมัลลิกา ร.ศ ๑๒๔ เป็นเมืองย้อนยุคของวิถีชีวิตชาวสยามบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยรัชกาลที่ ๕ วิถีชีวิตของชาวสยามในยุค ร.ศ.๑๒๔ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายหลายด้าน ที่เด่นชัดมากคือการประกาศเลิกทาส พวกเขาต้องดำรงชีวิตให้อยู่รอด พึ่งตนเอง และอยู่ร่วมกับคนสยามทุกหมู่เหล่า การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเหล่านี้นับเป็นรากเหง้าสำคัญของคนไทยในยุคปัจจุบัน ตอนที่เราไปเที่ยวเราหลงรัก เมืองมัลลิกา ร.ศ ๑๒๔ ได้ใส่ชุดไทย เดินซื้อของแบบใช้เงินสมัยก่อน และดูวิถีชีวิตของคนสมัยก่อน ขายของโดยการพายเรือ และบ้านเรือนไทย โอ้ย ! บอกเลยชอบมากเลยค่ะ บัตรเข้าชม + ชุดไทย ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก / ผู้สูงอายุ 300 บาท 4. น้ำตกไทรโยคน้อย น้ำตกไทรโยคน้อยมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าน้ำตกเขาพัง เป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค บริเวณโดยรอบน้ำตกมีสภาพธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่นโดยเฉพาะช่วงฤดูฝน ประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคมจะมีน้ำมาก ซึ่งตอนที่เราไปน้ำเยอะมาก บริเวณนั้นสวยงาม และมีที่ให้เราได้นั่งปิ๊กนิกกันอย่างมีความสุขเลยทีเดียวล่ะ 5. สะพานข้ามแม่น้ำแคว สะพานข้ามแม่น้ำแควสร้างขึ้นในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว มีรถราง Fairmong นำนักท่องเที่ยวและประชาชนชมทัศนียภาพสองข้างทางของสะพานข้ามแม่น้ำแคว ช่วงเวลาให้บริการ รอบเช้า ระหว่างเวลา 08.00 - 10.00 น. รอบบ่าย ระหว่างเวลา 12.00 - 14.00 น. อัตราค่าบริการท่านละ 20 บาท ระหว่างปลายเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคมของทุกปี จังหวัดกาญจนบุรีและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดงานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแควและงานกาชาดของจังหวัดและเพื่อย้อนรำลึกถึงประวัติความเป็นมาของสะพานข้ามแม่น้ำแควและเหล่าเชลยศึกที่ร่วมกันสร้างสะพาน ซึ่งผู้เขียนได้ไปเดินงานกาชาดของจังหวัดกาญจนบุรี บอกเลยว่าใหญ่อลังการสนุกมาก ๆ เลยในทุกๆปี จะมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเยอะมาก ๆ เลยค่ะ ต้องลองมาเทที่ยวดูนะ 6.หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างขึ้นในพื้นที่เกิดเหตุการณ์จริงที่กองทัพญี่ปุ่นใช้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์อำนวยการในการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว จัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 การสร้างสะพานข้าม ผ่านภาพถ่ายและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ในสมัยสงคราม อาทิ ดาบ ลูกระเบิด เงินโบราณ ยานพาหนะของชาวญี่ปุ่น เช่น รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ เรือ และหุ่นจำลองสามมิติ ด้านนอกอาคารแสดงซากรถจักรไอน้ำ เครื่องบิน เป็นต้น ซึ่งจะอยู่ใกล้ ๆ กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว ตอนที่เราไปเราได้รู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในนั้นมาก เพราะที่ หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น มีของที่เราไม่เคยเห็นซึ่งมันก็เป็นของเก่าแก่โบราณสมัยก่อน ถือว่าไปแล้วคุ้มจริง ๆ ค่ะ ที่ตั้ง เชิงสะพานข้ามแม่น้ำแคว ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เปิด ทุกวัน เวลา 08.00 - 18.30 น. ค่าเข้าชม เด็ก 10 บาท ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท ท้ายนี้เราอยากให้ทุกคนได้ไปศึกษาประวัติศาสตร์ หรือ ไปพักผ่อนสมองกันหน่อย เผื่อจะช่วยให้เราสนุกและมีความสุขที่ได้ไปเที่ยวผ่อนคลายกันบ้าง เราแนะนำเลยนะ มาที่นี่ กาญจนบุรีจังหวัดเดียวเที่ยวคุ้มสุดๆค่ะ นี่ยังไม่หมดนะ มีอีกหลายที่เลย เพราะกาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่ใหญ่มากใครอยากมาเที่ยว มาเลยนะเรานะนำเลย เพราะคุ้มกับการมาเที่ยวมากค่ะ ภาพถ่ายโดยนักเเขียน ภาพที่ 1 - 17