สวัสดีค่ะ ณิตานะคะวันนี้ก็จะมาแชร์ tips เล็กน้อยที่ได้จากประสบการณ์เที่ยวคนเดียวในยุโรป สำหรับคนแพลนจะไปเที่ยวเยอรมันแต่มีงบจำกัดค่ะ 😉 ค่าใช้จ่ายไม่รวมค่าตั๋วนะคะ แต่หากเพื่อนๆท่านไหนสนใจจะมาแบ่งปันวิธีจองตั๋วราคาถูกให้นะคะ 🥰 1. เรื่องการเดินทาง ( วิธีเดินทางแบบประหยัด, จองตั๋วรถไฟยังไง?) ถ้าเพื่อนๆคนไหนจะเช่ารถข้ามข้อนี้เลยนะคะ - อย่างที่เพื่อนๆทราบกันดีว่าประเทศเยอรมันนั้นขึ้นชื่อเรื่องรถขนส่งสาธารณะ รถไฟเชื่อมต่อกันทั่วประเทศและผู้คนนิยมเดิน ปั่นจักรยาน ขี่สกูตเตอร์มากกว่าใช้รถ เพราะสะดวกกว่าและพวกเขาให้ความสำคัญกับการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านรถยนต์เพราะคนที่นี่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและอากาศที่สะอาด! แล้วจะเดินทางด้วย public transport นี่คือต้องทำยังไง? เดินทางด้วยอะไรบ้าง? ที่นี่จะมี - ICE (Intercity-Express) - IC (Intercity) - EC (EuroCity) - RE (Regional-Express) - RB (Regionalbahn) - S-Bahn - Tram - U-Bahn - Stadtbus - Regionalbus - Fernbus - Ferries - Cable Cars (Seilbahn) - Flixbus ฟังแล้วงงเลยใช่มั้ยคะ 55 ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวจะอธิบายให้ 🚄 ICE (<-ความเร็วสูง), IC, EC เป็นรถไฟสำหรับเดินทางระยะไกล 🚄 RE, RB, S-bahn, U-bahn, tram เป็นรถไฟ/รถรางสำหรับเดินทางระยะสั้น เช่นเวลาจะเดินทางจาก hamburg ไป münchen ก็จะนิยมเดินทางด้วย ICE เพราะรวดเร็วแต่ข้อเสียคือราคาสูง 🤔❓อ้าวแล้วแบบนี้ถ้าต้องเดินทางระยะไกลแต้มีงบจำกัดต้องทำไงล่ะทีนี้ 🎫จองตั๋วล่วงหน้า• สำหรับ ICE, IC, EC ถ้ามีเวลา ให้จองตั๋วรถไฟล่วงหน้าซัก 3 เดือนขึ้นไปจะได้ราคาถูกลงเยอะเลยค่ะ หรือถ้าไหวยิ่งเดินทางช่วงเข้ามืดราคาจะถูกกว่ามากๆ ได้ดูวิวข้างทางๆ เพลินๆ คือดี~ 🎫เดินทางด้วย flixbus • การเดินทางด้วย flixbus จะถูกกว่ามาก มีวิวข้างทางให้ดู มีที่ชาร์จแบต/ไวไฟ ราคาถูกกว่าเดินทางด้วยรถไฟ 3 เท่าเลยค่ะ ไม่ต้องจองล่วงหน้าก็ได้ ไม่เสี่ยงโดนขโมยกระเป๋าเท่ารถไฟ แต่ข้อเสียคือใช่เวลานานและนั่งไม่สบายเท่ารถไฟ ถ้ายกเลิกตั๋วคือไม่ได้เงินคืนนะคะ แต่จะได้เป็นคูปองสำหรับลดราคา trip ต่อไป ถ้าเป็นณิตาจะเลือกเดินทางตอนกลางคืนเพราะจะประหยัดค่าที่พักไปในตัวด้วย 🎫 ใข้ตั๋ว Deustchland ticket 49£ ( ประมาณเกือบ 2000 บาท) -มันเหมาะกับใคร? มันสามารถใช้กับรถขนส่งสาธารณะระยะสั้นได้ทั่วเยอรมัน กล่าวคือ ถ้าเพื่อนๆ ใช่ตั๋วนี้ก็จะขึ้นรถบัสรถไฟระยะสั้นที่ไหนก็ได้ได้เพียงแค่โชว์ QR CODE ( ทุกรถบัสเลยค่ะ ยกเว้นบัสข้ามเมืองแบบ flixbus และ blablacar) เพราะงั้นกับคนที่แพลนจะเดินทางแค่เมืองใกล้ๆกัน แล้วทริปยาว 2 สัปดาห์ขึ้นไปแนะนำให้ซื้อค่ะ เพราะขึ้นรถไฟครั้งนึงเสีย 3-6 ยูโร วันละ 2 ครั้ง แล้วไหนจะรถบัสอีก 2 สัปดาห์ก็แพงเว่อร์ แต่ใช้กับรถไฟระยะยาว cable car ไม่ได้นะคะ วิธีซื้อคือซื้อผ่านแอป DB, MVV, HVV, KVV หรือ mopla ได้เลยค่ะ ของณิตาตัดบัตรเดบิตนะคะ หน้าตาก็จะประมาณนี้นะคะ อันนี้ซื้อจาก mopla จะอยู่ได้ 1 เดือนคือนับได้เลย 30 วัน. ต้องยกเลิกก่อนหมดเดือนนะคะไม่งั้นโดนหัก 2. เรื่องอาหาร ( อาหารที่ไหนราคาถูก) เรื่องนี้คือพูดยากจริงๆค่ะ55 เพราะร้านอาหารที่นี่แพงมาก ยิ่งในเมืองท่องเที่ยวแบบ münchen คืออย่าพูดถึงเลย555 แต่ส่วนตัวณิตาไม่ได้ไปทานร้านอาหารนะคะ เพราะจานนึงอย่างถูกก็ 12 ยูโรแล้ว กินก็ไม่อิ่ม 🍰 จะใช้วิธี ซื้อ bakery ตามสถานีรถไฟค่ะ พวกขนมปังที่นี่ราคาถูก pretzel ชิ้นนึง ( ใหญ่มาก) ราคาไม่ถึงยูโรแต่อิ่มไปครึ่งวัน พวกร้านขนมปังที่อื่นนอกจากสถานีรถไฟก็ซื้อได้นะคะ แต่ทีนี่มักจะถูกกว่า หรืออีกทางเลือกนึงคือเคบับ ราคา 6-9€ ( เท่าที่เจอมา) อิ่มมากก กินไม่หมดด้วย 😂 ไม่งั้นก็พกมาม่ามาจากไทยเลยค่ะ อันนี้ประหยัดสุด แต่อย่าลืมซื้อผัก เนื้อสัตว์มาใส่เพื่อได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ด้วยนะคะ 🛒 ซื้ออาหารตาม supermarket ได้ค่ะ โดยเฉพาะที่ ALDI ราคาที่นี่จะถูกกว่าที่อื่น หรือ asia store บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ห่อละ 1-2 ยูโร ปล. ของลดราคาบ่อยมาก ของถูกโดยเฉพาะพวกครีมอาบน้ำ ( แต่ถูกไม่เท่า dm) 🤔 หรือมีอีกวิธีนึง ไม่เคยใช้นะคะแต่ นศ. ต่างชาติที่นี่ชอบใช้กันคือโหลดแอป Too Good To Go เป็นแอปสำหรับซื้ออาหาร โดยจะได้ราคาถูกพิเศษ เพราะเป็นอาหารที่เหลือจากการขายไม่หมด แต่นี่ลองแล้วโหลดไม่ได้55 ใครใช้ได้มาบอกกันด้วยนะคะ 3. ซื้อซิมส์ราคาถูกที่ไหน? T-MOBILE/TELEKOM ถูกสุดค่ะ 9 ยูโร 8 GB ส่วนตัวว่าดีกว่าถูกกว่า O2 หรือยี่ห้ออื่นๆ (ลืมชื่อ55) เพราะมันเร็วกว่าถูกกว่า ใช้ได้ทั่วเขตเชงเก้นเลยนะคะ 4. หาเงินระหว่างเที่ยว555 พวกขวดน้ำกินหมดแล้ว เอาใส่เครื่องรีไซเคิลขวดน้ำได้นะคะ มีอยู่ตาม supermarket ได้ที 1-2 ยูโรเลยนะ คือน้ำมันแพงที่ขวด.. 5.ที่พัก ( นอนที่ไหน, ราคา?) ถ้าเป็น hotel ( ห้องพักเดี่ยว ห้องน้ำส่วนตัว) ราคาจะเริ่มต้นที่ 1000+ ซึ่งแน่นอนว่าราคานี้หายาก ส่วนมาก 3000 อัพ • ถ้าต้องเที่ยวแบบงบจำกัดแนะนำนอน hostel นะคะ ก็ถือว่าไม่ถูกอยู่ดีก็คืนละ 900+ เหมือนกัน ห้องน้ำรวม บางที่แถมอาหารเช้าให้ เช่นพวก DJH hostel จะแบบโฮสเทลของรัฐบาลสำหรับเยาวชนเลยจะราคาถูกกว่าที่อื่นแล้วก็มีอาหารเช้าให้ คิดวามีอยู่ทุกเมืองในเยอรมันเลยนะคะ • อีกทางเลือกนึงคือ airbnb แต่อันนี้ณิตาไม่กล้าเพราะเป็นผญเดินทางคนเดียวแล้วเป็นคนชอบดูสารคดีอาชญากรรม แต่ถ้าใครมาหลายคน หรือสะดวกที่จะพัก airbnb ราคาเท่ากับ hostel แต่ได้ห้องเดี่ยวที่ดูดีกว่า facilities ครบครันกว่า เผลอๆ อาจได้อาหารเช้าฟรี • หรือถ้าเช่ารถละก็นอบนรถเลยค่ะ😆 6. ทำ WWOOF, help, WORKAWAY, เป็นเว็บไซต์สำหรับโครงการทำอาสาสมัครแลกที่พักกับอาหาร ต้องอยู่อย่างต่ำ 1 สัปดาห์ แต่ต่อรองกันได้ เหมาะกับคนที่อยากเปิดประสบการณ์พักกับโฮส ทำอาสา ทำฟาร์ม อยู่กับธรรมชาติ ค่าใช้จ่ายก็รู้สึกจะประมาณ 300-1000 บาทต่อปีนะคะ แล้วแต่เว็บ แต่ที่ฟรีก็จะมี hippo help สรุปค่าใช้จ่ายโดยประมาณอ้างอิงจากประสบการณ์ของณิตา ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของเพื่อนๆแต่ละคน อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ (ค่าเงินอ้างอิงจากเงินยูโรตอนนี้ 1 ยูโร - 36 บาท) ค่าที่พักโฮสเทลคืนละ 24-30 ยูโร - ตีว่านอนบน flixbus 1-2 คืน 12 คืน = 280-360 ยูโร ค่าอาหารหากตีว่ามีอาหารเช้า 5-10 ยูโรต่อวัน - ค่าเดินทางรถไฟ/flixbus/หรือ deustchland ticket - 40-50 ยูโร ค่าซิมส์ T-MOBILE - 9 ยูโร ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 13,000 บาทหรือ 360 ยูโร ก็จบไปแล้วนะคะกับทิปเที่ยวในเยอรมันงบประหยัด หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ 🤗 ขอให้เพื่อนๆ เดินทางปลอดภัยและเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาเยอะๆเลยนะคพ ขอให้เที่ยวให้สนุกค่ะ!! Schönen tag With love, nita เครดิตรูปภาพ - ถ่ายเองทั้งหมดค่ะ 🤗 อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !