สวัสดีครับนักเดินทางทุกคน บันทึกท่องเที่ยวของผมครั้งนี้ จะพาไปเที่ยวชมความงามของวัดภูเขาทอง ก่อนอื่นเรามาทำรู้จักชื่อเต็มของวัดภูเขาทองกันดีกว่า โดยมีชื่อเต็มว่า วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นวัดสำคัญของคนเมืองกรุงและชาวต่างชาติ นิยมไปกราบไหว้สัการะพระบรมสารีริกธาตุบนบรมบรรพต นอกจากนี้ที่ภูเขาทองยังมีงานประจำปีคือ ห่มผ้าแดงภูเขาทอง เสียดายที่ผมไม่ได้วันที่จัดงาน ไว้ปีหน้าว่ากันใหม่ ถ้าจะพูดถึงการเดินทางไปวัดภูเขา มีหลายเส้นทางให้เราเลือก ไม่ว่าจะเป็นทาง รถส่วนตัว แท็กซี่ และรถเมล์ สำหรับผมนั้นจะเลือกรถเมล์ เพราะเป็นวันหยุด อีกอย่างผมชอบเที่ยงแบบสบาย ขาลุยถึงไหนถึงกัน ไปแบบเพื่อนก็ได้ ไปเดี่ยวก็ดี ผมเริ่มออกเดินทางเวลา 10 โมงเช้า ขึ้นรถเมล์สาย 8 ใต้สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ก่อนออกเดินทาง สิ่งที่ผมต้องเตรียมประกอบด้วย กระเป๋าสะพายหลัง มือถือ หูฟัง ผ้าเช็ดหน้า หน้ากากป้องกันฝุ่น น้ำเปล่า และยาดม อย่างที่ทราบกัน รถเมล์สาย 8 เป็นรถพัดลม อากาศต้องร้อนแน่นอน แต่สำหรับผมไม่มีปัญหา เพราะนั่งรถเมล์บ่อยครั้ง ผมนั่งรอเมล์สักพัก รถวิ่งมาถึงป้าย ผมรีบวิ่งขึ้นรถ มองหาที่นั่งแล้วนั่งลง จากนั้นเตรียมเหรียญจ่ายค่ารถ ระหว่างนั่งรถเมล์ผมหยิบหน้ากากออกมาส่วมใส่ เพื่อป้องกันมลภาวะจากท้องถนน ถึงจะชิวแต่สุขภาพเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ ผมใช้เวลาเดินประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ก่อนจะถึงวัดภูเขาทอง วันนั้นรถบนท้องถนน ไม่ติดเท่าไหร่ เพราะผมคำนวณไว้ 2 ชั่วโมงกว่าๆ แต่มาถึงก่อนเวลา รู้สึกดีมากครับ ทำให้การเดินทางเป็นไปตามที่แพลนไว้ พอใกล้จะถึงวัดภูเขาทอง ผมกดกริ่งเพื่อลงป้ายหน้า ตรงที่ผมลงคือหน้าโรงเรียนวัดสระเกศ ซึ่งอยู่ห่างจากวัดสระเกดไม่ถึง 1 กิโลเมตร ระหว่างที่ก้าวขาเดิน ผมหยิบมือถืออกมาถ่ายรูปเป็นระยะ และเช็คอินว่าตัวผมอยู่ที่นี่ ก่อนที่จะเดินตรงไปยังทางเข้าวัดภูเขาทอง พอไปถึงทางเข้า สิ่งแรกที่ผมเห็น ชาวต่างชาติเยอะมาก กำลังถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน ไหนจะทัวร์จีนอีกหลายร้อยคน รวมถึงได้ยินเสียงพระกำลังสวดอยู่ตรงลานทางเข้า ผมเดินตรงไปบันไดตรงทางขึ้น กวาดสายตามองไปที่ต้นไม้ กิ่งไม้ แสงแดดที่สาดผ่านต้นไม้ลงมาเข้าตา เป็นช่วงเวลาเที่ยงพอดี ผมเดินขึ้นไปอีกหน่อย เจอร้านกาแฟ ได้ยินเสียงคนคุยกันที่หน้าร้านตรงทางเดินผ่าน ทั้งคนไทย คนจีน และฝรั่ง บางคนยืนตีระฆังใหญ่ ผมเดินขึ้นไปอีก บันไดจะมีลักษณะโค้งวนๆเป็นขั้นขึ้นไป ด้านข้างมีระฆังหอยเรียงราย แต่ผมไม่นับว่า มีบันไดกี่ขั้น ยิ่งเดินขึ้นไปสูงเท่าไหร่ ความแรงของลมที่พัดมายังตัวผม ยิ่งแรงเท่านั้น แต่กลับรู้สึกชอบบรรยากาศแบบนี้ เสียงลมสลับกับเสียงระฆัง เป็นอะไรที่ดีต่อใจ พอเดินขึ้นมาถึงจุดสูงบนภูเขา จะมีที่ให้เราทำบุญ ถวายสังฆทาน บริจาคตามศรัธทา สินค้าของที่ระลึก ดอกไม้ ธูป เทียน สำหรับเอาไว้สักการะ หลังจากที่ผมทำบุญเสร็จแล้ว ผมเดินขึ้นบันไดไปยังด้านบนภูเขา จังหวะที่ผมโผล่หน้าขึ้นมาจากบันได แสงแดดกระทบกับเจดีย์ ทำผมอึ้งมาก สวยงามที่สุด เพราะผมพึ่งจะมาครั้งแรก แม้ว่าบนภูเขาอากาศจะร้อน แต่ผมลืมอากาศร้อนไปชั่วคราวเลย เพราะตอนนั้นผมกำลังชื่นชมความสวยงามของเดจีย์ขนาดใหญ่ ที่สูงจนต้องขยิบตาข้างเดียว แล้วมองจากด้านบนปลายเจดีย์ไล่ระดับลงมาถึงฐาน ก่อนที่จะหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปไว้ ส่วนบรรยากาศรอบๆ ผู้คนหลายหลายเชื้อชาติกำลังกราบไหว้เจดีย์ แล้วตีระฆังเป็นช่วงๆ สำหรับผมที่ขาดไม่ได้เลย หลังจากกราบไหว้สัการะพระบรมสารีริกธาตุบนบรมบรรพต คือการขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต จากนั้นเดินรอบเจดีย์องค์ใหญ่ ชมความสวยงามอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะหันมาชมวิวรอบๆ ด้านข้างองค์เจดีย์ บอกได้เลยว่าวิวบนวัดภูเขาทอง มองเห็นเมืองกรุงเทพฯบางส่วน ที่อยู่รอบๆวัดภูเขาทอง แบบ Brid's Eyes View ได้อย่างน่าประทับใจ หลังจากนั้นผมใช้เวลาสักพักเพื่อพักผ่อน เอียงหูฟังเสียงระฆังที่คนอื่นตีไปเรื่อยๆ ช่วงเวลานั้นอากาศค่อยๆร้อนเพิ่มขึ้น แต่ก็มีลมเย็นๆพัดมาให้พอคลายร้อน แต่ด้วยความสวยงามของวัดภูเขาทอง ทำให้จิตใจของผมกลับไม่รู้สึกร้อนมาก รู้แค่ว่าคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจมา เพราะก่อนจะมาวัดภูเขาทอง ผมเคยล้มเหลวมาหลายครั้ง พูดง่ายๆว่าทริปล่มก่อนจะมาครับ แต่ในที่สุดผมก็ได้มายืนบนวัดภูเขาทองสักที ก่อนที่ผมจะเดินลงมาจากด้านบน ผมถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก สังเกตได้ว่าผมไม่มองกล้องเลย เพราะแสงแดดแยงตามากครับ ระหว่างที่เดินลงจากบันได ผมเดินลงมาเรื่อยๆ เจอระฆังผมก็ตีระฆัง เสียงระฆังเริ่มดังกังวานรอบตัว แม้ว่าจะเดินผ่านมาสักพักแล้ว ยังคงได้ยินเสียงระฆังดังอยู่ ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านผมขึ้นไป และเดินผ่านด้านหลังผมลงมา "...เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมคิดในใจว่า ความสุขที่แท้จริง เริ่มต้นง่ายๆที่ตัวเรานี่เอง..." เวลาเปิด-ปิด : 08:00-18:00 น. สถานที่ : ถนนจักรพรรดิพงษ์ แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ภาพประกอบ : J-Pooh