รีเซต

Lady Journey เที่ยวพิษณุโลก-เพชรบูรณ์ ฉบับสาวๆ ทริปนี้มีแต่ชิมกับชิลล์!

Lady Journey เที่ยวพิษณุโลก-เพชรบูรณ์ ฉบับสาวๆ ทริปนี้มีแต่ชิมกับชิลล์!
aichan
9 มีนาคม 2559 ( 11:20 )
40K

 

ทริปครั้งนี้ Travel Truelife จะพาไปเที่ยวพิษณุโลก-เพชรบูรณ์ ตามแบบฉบับสาวๆ กัน 3 วัน 2 คืน เพราะนอกจากจะเป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมในการมาพักผ่อนแล้ว ยังเป็นเมืองที่เหมาะให้สาวๆ มาท่องเที่ยวกันแบบชิลล์ๆ ได้เช่นกัน เพราะว่ามีร้านอาหารอร่อย ร้านกาแฟสุดชิค จุดท่องเที่ยวเก๋ๆ ให้เช็คอินกันเพียบ บอกเลยว่าสาวๆ ที่ชอบการท่องเที่ยวต้องตามไปดู!

 

🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺

Day 1

เริ่มเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยรถตู้ตั้งแต่เวลา 07.00 น. มื้อเช้านี้เตรียมตัวมาให้เรียบร้อยแล้วหลับยาวๆ กันเลยค่ะ เดินทางกันประมาณ 5 ชั่วโมง เราก็ถึงตัวอำเภอเมืองพิษณุโลกตอนเที่ยงพอดี แวะไปฝากท้องกันที่ กนกภัณฑ์ ร้านอาหารชื่อดังที่ขายก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัย อาหารไทย และติ่มซำค่ะ อาหารที่นี่เค้าขึ้นชื่อลือชาว่าอร่อยมาก มาพิษณุโลกทั้งทีต้องแวะชิมสักหน่อย

พลาดไม่ได้ต้องสั่งก็คือก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัยที่รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม ที่เป็นสูตรดั้งเดิมมาจากสุโขทัยแท้ๆ ทีเดียว เพราะเจ้าของร้านขยายสาขามายังพิษณุโลก อร่อยจนเลื่องชื่อ นอกจากนี้ติ่มซำก็ยังเป็นอีกเมนูเด็ด โดยเฉพาะขนมจีบกุ้งคำโตและซาลาเปาไส้ต่างๆ ที่ส่งกลิ่นหอมยวนใจตั้งแต่เดินเข้าร้าน และยังมีขนมถ้วยฟูที่ใครแวะมาที่ร้านต้องซื้อกลับไปชิม

ร้านกนกภัณฑ์ พิษณุโลก-5


จุดเด่นของร้านนี้นอกจากความอร่อยของอาหารแล้ว ยังอยู่ที่ความน่ารักของเจ้าของร้านและพนักงานที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ยกมื้อไหว้กล่าวทักทายลูกค้าอย่างเป็นมิตร รวมถึงดูแลเอาใจใส่ลูกค้าทุกโต๊ะเป็นอย่างดี เห็นแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้จริงๆ ค่ะ

 

อิ่มท้องกันแล้วเราก็เริ่มตะลุยเที่ยวที่แรกกันก่อนเลยค่ะ ที่พระราชวังจันทน์ ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมืองพิษณุโลก พระราชวังโบราณแห่งนี้มีความสำคัญเพราะเป็นสถานที่เสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเป็นที่ประทับของพระองค์เมื่อทรงดำรงตำแหน่งอุปราช โดยในขณะนั้นเมืองพิษณุโลกมีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญของกรุงศรีอยุธยา

พระราชวังจันทน์ พิษณุโลก-1

 

ก่อนที่จะชมบริเวณโดยรอบของพระราชวังจันทน์ เราแวะไปยังศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์เพื่อชมนิทรรศการเกี่ยวกับเมืองพิษณุโลก ประวัติศาสตร์ตั้งแต่กำเนิดเมืองสองแควจนถึงปัจจุบัน ศึกษาเรื่องราวของศิลปกรรมและงานช่างหลวงที่ทรงคุณค่า รวมถึงเรื่องราววีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภายในมีการแสดงแบบจำลองต่างๆ ที่น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ

 

ชมนิทรรศการกันไปแล้ว เราก็แวะไปที่ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นำดอกไม้ธูปเทียนไปกราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ

 

จากนั้นเดินชมโบราณสถานบริเวณวัดวิหารทองในอดีต ร่องรอยของประวัติศาสตร์ที่หลงเหลือนั้นมีเพียงเจดีย์ประธานซึ่งเหลือเพียงฐาน ส่วนวิหารขนาดใหญ่นั้น ยังคงเหลือเสาก่ออิฐถือปูน และมีการสร้างจำลองพระพุทธรูปพระอัฏฐารสมาประดิษฐานไว้ตามเดิม

พระราชวังจันทน์ พิษณุโลก-13

 

เที่ยวชมเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของจังหวัดพิษณุโลกกันแล้ว ช่วงบ้ายๆ แบบนี้ หากได้รับประทานของหวานอร่อยๆ คงจะเพิ่มความสดชื่นได้ไม่น้อย ฉะนั้นต้องแวะไปที่ AVA Café & Eatery คาเฟ่สุดเก๋ในเมืองพิษณุโลก โดดเด่นด้วยตัวอาคารร้านสีสดใส มองเห็นแต่ไกลเลยค่ะ

 

ร้านนี้เสิร์ฟความอร่อยทั้งอาหารคาว ของหวาน เครื่องดื่ม มีให้เลือกหลากหลายทีเดียว แต่เราจะมาโฟกัสกันที่ของหวานกันค่ะ มาร้านนี้ไม่สั่งไม่ได้เลยก็คือฮันนี่ โทสต์ และสตรอว์เบอร์รี่ นัทเทลลา โทสต์ พร้อมจิบเครื่องดื่มอย่าง กุหลาบแวร์ซายล์ โซดา และพีชออเร้นจ์ นิวยอร์คโซดา ซาบซ่าชื่นใจ

 

มองนาฬิกาเวลายังเหลือ อิ่มกับของหวานกันไปแล้ว เราไปหาที่นั่งชิลล์กันดีกว่าค่ะ และไม่มีที่ไหนจะเหมาะไปกว่าร้าน มันดี กล่อง กลางทุ่ง เพราะเป็นร้านกาแฟในตู้คอนเทนเนอร์ บรรยากาศดีติดริมถนนใหญ่ใกล้ทุ่งนา ลองนึกภาพนั่งจิบเครื่องดื่มแก้วโปรด รับลมเย็นๆ พร้อมชมวิวนาข้าวสีเขียวขจีสุดสบายตา ไม่มีอะไรจะชิลล์ไปกว่านี้อีกแล้วค่ะ (คลิกอ่าน-มันดี กล่อง กลางทุ่ง คาเฟ่สุดฮิปริมทุ่งนา บรรยากาศชิลล์เว่อร์ พิษณุโลก)

 

ชิลล์กันจนเกือบลืมเวลา ช่วงเย็นเราเดินทางเข้าที่พักกันที่ มาเดอ-เออ ภูธารา รีสอร์ท ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเข็ก ห้องนอนของเรานั้นเรียกได้ว่าอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ แค่เปิดม่านหน้าต่างก็สามารถชมวิวแม่น้ำเข็กได้เลยค่ะ สำหรับห้องพักนั้นสะอาดสะอ้านพนักงานบริการดีเลยค่ะ

 

มื้อเย็นวันนี้เราไม่ไปไหนไกล กินที่มาเดอ-เออ ภูธารา รีสอร์ทนี่เลยค่ะ อากาศตอนค่ำเย็นสบายมากๆ สำหรับเมนูที่แนะนำได้แก่ ปลาทับทิมหั่นเต๋าทอดกรอบ และแหนมซี่โครงหมูทอด อิ่มแปล้แล้วก็กลับห้องไปพักผ่อนเติมแรงเที่ยวต่อพรุ่งนี้ค่ะ

 

Day 2

ยามเช้าที่มาเดอ-เออ ภูธารา รีสอร์ท เราตื่นมาพบกับความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้าและสายน้ำเข็กที่ไหลเย็น บรรยากาศชวนขี้เกียจแต่ไม่ได้แล้วค่ะ เพราะวันนี้เรามีแพลนจะไปเที่ยวกันอีกหลายแห่ง กอ่นเดินทางเติมพลังมื้อเช้ากันให้เต็มที่ในบรรยากาศธรรมชาติ พร้อมกับนั่งชมวิวแม่น้ำเข็กไปด้วย ชิลล์สุดๆ ไปเลยค่ะ

 

บ้านสวนชมวิวภูรักไทย คือจุดหมายแรกของเราในวันนี้ค่ะ ที่นี่เป็นโฮมสเตย์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนชมวิวสวยๆ เชื่อว่าหลายคงคุ้นตากันกับชิงช้าบนต้นไม้สูง เพราะเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่ต้องไม่พลาดค่ะ จากจุดชมวิวนี้สามารถมองออกไปเห็นทิวเขาและพื้นที่ราบรอยต่อของ 5 จังหวัดคือ นครสวรรค์ ลพบุรี พิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก

แม้ว่าวันที่เราไปนั้นทัศนวิสัยอาจจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่การได้ขึ้นไปชมวิวบนต้นไม้ นั่งเล่นบนชิงช้า ลมเย็นสบาย ก็รู้สึกฟินไม่น้อย ช่วงเวลาที่แนะนำให้มาเลยก็คือช่วงปลายฝนต้นหนาว เพราะจะได้เห็นทั้งทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าเลยค่ะ

 

อีกหนึ่งความสนุกที่ไม่ควรพลาดที่บ้านสวนชมวิวภูรักไทยก็คือการเล่นสลิงชิงช้า ซึ่งที่นี่นั้นจะไม่สูงมากและไม่ชันมาก ทำให้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เมื่อนั่งสลิงเลื่อนไปจนสุดแล้ว ยังสามารถชวนเพื่อนๆ มาดึงสลิงให้ไกวเหมือนเล่นชิงช้าได้เช่นกันค่ะ (คลิก-นั่งชิงช้าต้นไม้ บ้านสวนชมวิวภูรักไทย อ.เนินมะปราง จุดชมวิวที่สวยที่สุดในพิษณุโลก)

 

เพลิดเพลินกับวิวสวนและเครื่องเล่นสนุกๆ แล้ว ช่วงสายประมาณ 10.00 น. เราแวะไปจิบกาแฟกันที่คาเฟ่สุดชิค Elephant House Lake View Café ซึ่งตั้งอยู่ภายในทรัพย์ไพรวัลย์ แกรนด์โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท คาเฟ่ภายในเต็นท์หลังใหญ่สีขาว บรรยากาศโปร่งโล่งสบาย ข้างในแอร์เย็นฉ่ำ มองออกไปเห็นบึงและธรรมชาติชวนผ่อนคลาย ลองสั่งชาเขียวปั่นกับชาเย็นมาชิม แล้วนั่งชิลล์พูดคุยกันเพลินๆ เป็นอีกหนึ่งร้านที่เราแนะนำเลยล่ะค่ะ (คลิกอ่าน-Elephant House Lake View Café คาเฟ่สุดชิค บรรยากาศสุดชิลล์ ท่ามกลางธรรมชาติ พิษณุโลก)

 

ยังคงคอนเซ็ปต์ความชิลล์ด้วยการไปล่องแพแก่งไฮ ที่อ่างเก็บน้ำห้วยซำรู้ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนล่องแพ และรับประทานอาหารกันบนแพได้เลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีเรือเป็ดให้ถีบเล่น หรือจะเช่าห่วงยางมาเล่นน้ำกันได้ตามใจชอบ

 

ช่วงเที่ยงอากาศค่อนข้างร้อนเลยค่ะ แต่เมื่อได้ขึ้นไปอยู่บนแพ ก็พบว่าเย็นสบายมากกว่าที่คิด ยิ่งเอาขาแช่น้ำยิ่งสดชื่นเลยค่ะ แถมอาหารที่เราสั่งมารับประทานในมื้อเที่ยงนี้ก็แซ่บนัวเหลือเกิน ใครที่อยากมาล่องแพชิลล์ๆ แบบนี้ เราแนะนำให้เหมาแพทั้งวันไปเลย ราคาไม่แพงเลย 500 บาทเท่านั้นค่ะ (คลิก-ล่องแพแก่งไฮ เล่นน้ำคลายร้อน บรรยากาศสุดชิลล์ ที่อ่างเก็บน้ำห้วยซำรู้ พิษณุโลก)

 

ช่วง 16.00 น. แสงกำลังดี เรามุ่งหน้าไปยัง The Blue Sky Resort @Kao Kho ที่นี่เป็นรีสอร์ทสไตล์ชนบทแถบประเทศยุโรป บรรยากาศดีมากเหมือนอยู่เมืองนอกเลยทีเดียวค่ะ เราแวะไปเดินเล่นถ่ายรูปสวยๆ กันที่ Bluesky Garden สวนแห่งใหม่ของรีสอร์ทซึ่งจัดออกมาได้งดงามมาก

 

ภายในสวนพื้นที่กว่า 30 ไร่ แบ่งออกเป็น 4 ส่วนตามฤดูกาล คือ Summer Spring Autumn และ Winter โดยแต่ละส่วนก็จะปลูกดอกไม้และตกแต่งอย่างงดงาม มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ อยู่หลายมุมเลยค่ะ เที่ยวเพชรบูรณ์ครั้งไหนๆ ก็ต้องแวะไปเช็คอิน (คลิก-The Bluesky Garden สวนดอกไม้สไตล์อังกฤษ ที่เที่ยวเปิดใหม่เขาค้อ สวยเหมือนอยู่เมืองนอก!)

 

คืนวันที่ 2 เราพักกันที่ แทนรักทะเลหมอก ตั้งอยู่ทางไปทุ่งแสลงหลวง อากาศช่วงค่ำนั้นเย็นทีเดียวเพราะรีสอร์ทตั้งอยู่บนเขา เหมาะกับการมาพักผ่อนจริงๆ และหลังจากที่วันนี้เราไปเที่ยวชิลล์และชิมกันมาทั้งวัน คืนนี้จึงหลับสนิทกันเลยล่ะค่ะ

 

Day 3

และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของทริป ช่วงเช้านี้เราแพลนจะไปเที่ยวกันต่ออีกหน่อยก่อนกลับกรุงเทพฯ ค่ะ จัดการมื้อเช้าของตัวเองกันที่ห้องอาหารของแทนรักทะเลหมอก ซึ่งเปิดโล่งรับลมเย็นยามเช้า กินไปชมวิวไปค่ะ

 

สาวๆ รักสุขภาพห้ามพลาด สวนผักครูเฒ่า เขาค้อ สวนผักไฮโดรโปนิกส์ที่ ครูเฒ่า หรือ อาจารย์วิรัช พละเดช ได้แรงบันดาลใจเรื่องการกินคลีนหรือผักปลอดสารพิษเพื่อสุขภาพ จึงกลับจากประเทศออสเตรเลียและมาทำสวนผักแห่งนี้ นอกเหนือจากการผลิตเพื่อขายแล้ว ครูเฒ่ายังเปิดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม เรียนรู้การปลูกผักปลอดสารพิษ ลองปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ และเก็บผักสดๆ กลับบ้านกัน (คลิก-กินคลีน ผักไฮโดรโปนิกส์ เที่ยวสวนผักครูเฒ่า บนเขาค้อ)

 

ช่วงสายของวันเราไปที่ เดอะ หลุยส์ คอฟฟี่ ร้านกาแฟริมผาซ่อนแก้ว บนเขาค้อ โดดเด่นด้วยตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ในสวนดอกไม้ เม็ดดี้แบร์แต่งตัวหลากสไตล์ โพสต์ท่าในอิริยาบถน่ารักๆ ที่รับรองว่าคนรักต็กตาหมีและการถ่ายภาพจะต้องชอบ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้อาหารแกะและสวนสตรอว์เบอร์รี่ให้ชม สำหรับใครที่อยากสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิดอีก ที่นี่มีลานกางเต็นท์ให้ด้วยค่ะ

 

ก่อนที่เราจะไปไหว้พระที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ก็ต้องแวะร้านกาแฟชื่อดัง Pino Latte ตั้งอยู่บนถนนสาย 12 ซึ่งสามารถมองเห็นวิวที่สวยที่สุดในเขาค้อ ด้วยทัศนียภาพเป็นภูเขาสลับซับซ้อนและวัดผาซ่อนแก้ว บริเวณร้านมีมุมให้เลือกนั่งหลายมุม ทั้งในห้องแอร์ กลางแจ้ง หรือตรงระเบียงชมวิว ก็สามารถไปนั่งจิบกาแฟ ถ่ายภาพเก๋ๆ เช็คอินกันค่ะ (คลิก-Pino Latte ร้านกาแฟเขาค้อ สุดชิลล์ จิบกาแฟท่ามกลางขุนเขา)

 

หนึ่งในไฮไลท์ของจังหวัดเพชรบูรณ์คือ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ความสวยงามที่ตราตรึงใจและไม่มีใครเหมือน วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ซึ่งที่เรียกกันว่า "ผาซ่อนแก้ว" นั้น เนื่องจากมีภูเขาสูงใหญ่ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม และบนยอดเขามีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา มีชาวบ้านทางแดงหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้าและลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า "ผาซ่อนแก้ว" นั่นเอง (คลิก-วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ไหว้พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ท่ามกลางเทือกเขาและทะเลหมอก)

 

จบแล้วค่ะกับ Lady Journey ทริปนี้เราได้ท่องเที่ยวพักผ่อนกันอย่างเต็มที่ แถมยังอิ่มอร่อยกันทุกมื้อ กันแบบ 3 วัน 2 คืน สาวๆ คนไหนที่อยากจะหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือชวนก๊วนเลดี้ไปเที่ยวแบบชิคๆ ชิลล์ๆ บอกเลยว่าห้ามพลาดจังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์เลยค่ะ

 

ขอบคุณทริปดีๆ จาก ททท.สำนักงานพิษณุโลก

 

**บทความรีวิวร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และแนะนำวางแผนเที่ยว เป็นบทความที่ทางเว็บขอสงวนลิขสิทธิ์ผลงานการเขียน ห้ามทำซ้ำ หรือคัดลอกเพื่อนำไปเผยแพร่ต่อในเว็บอื่นๆ และสื่อตีพิมพ์ จนกว่าจะได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทีมงาน

 

ติดตาม travel.truelife.com อีกช่องทางที่

ทุกเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว อาหาร และที่พัก คลิกที่ http://travel.truelife.com