การทำงานคือโอกาส ที่จะทำให้เกิดการเดินทางอีกครั้งเสมอ การเดินทางครั้งนี้เริ่มขึ้น หลังจากเตรียมตัวร่วมเดือน เพราะต้องศึกษาเพื่อที่จะเดินทางค้นหาสถานที่ที่เราเขียนไว้ มันคงเป็นครั้งที่พิเศษกว่าสามครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้เราเดินทางเพราะมีภาระและหน้าที่ที่จะต้องทำสำเร็จ และเป็นครั้งแรกที่ทำด้วยจึงสำคัญมาก ใช้เวลาในการเก็บตัวนอนอยู่กับตำราถึงสองอาทิตย์ และวันนี้ก็ถึงวันเดินทาง เราเดินทางลงที่เมืองหลวง ของอินเดียคือกรุงจากาต้า และจากนั้นจากาต้าสู่กุฉินารา หรือกุศินครประเทศอินเดีย เป็นสถานที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน และยังเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า เป็นครั้งที่มีความสุขที่สุด ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่รู้ว่าต้องเดินทางไปอินเดียเราถึงชื่นใจ สุขใจที่จะได้เห็นและสัมผัสกลิ่นอายและวัฒนธรรมของอินเดียที่ไม่เหมือนชาติไหน สิ่งที่อินเดียมีประเทศอื่นไม่มี ในความคิดของผู้เขียนเองประเทศอินเดียนั้นมีคนที่รวยที่สุดและมีคนจนที่สุดในโลกก็ว่าได้ มีความวุ่นวายในความสงบตามท้องถนนนั้นมีรถสวนทางกันไปมาในถนนเล็กๆ แต่รถสามารถแซงกันได้แค่ระยะห่างเพียงนิด หรือบางคันก็เกือบจะชิดกัน แต่อุบัติเหตุไม่ค่อยเกิดในเมือง อาจจะเพราะการขับนถไม่เร็ว อีกอย่างหนึ่งที่น่าทึ่งคือ บนรถที่มีที่นั่งไม่กี่ที่ แต่สามารถนั่งได้จนเต็มรถ ไม่รู้ว่าอัดแน่นกันได้แบบเหลือเชื่อ การเดินทางได้เริ่มขึ้นแล้ว นอกจากจะเจอแขกเหมือนกับหลงเข้าไปผิดที่แล้ว พอขึ้นเครื่องอาหารบนเครื่องของ สายการบิน Thai Smile กับต้องพบกับ “อาหารอินเดีย” มีแกงเนื้อแพะ แต่สำหรับกลุ่มของคณะเรานั้น ได้จองอาหารไว้ตั้งแต่ตอนจองตั๋วต้องการอาหารไทย แต่รสชาติทำไมเหมือนอาหารอินเดีย การบริการดีมาก อาหารอร่อย ตอนที่เครื่องกำลังจะออก เสียงเจี้ยวจ้าวเหมือนแต่ละคนไม่เคยเจอกันมานานแรมปี เครื่องบินทะยานขึ้นสู้ฟ้า และบินเหนือระดับความสูงที่คงที่แล้ว ทุกคนหากันเดินไปเดินมาเหมือนกับเดินตลาด แต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจแล้วเพราะง่วงนอนมาก หลับได้ไม่นานเครื่องก็ลงจอดแบบนุ่มนวลมาก สนามบินที่จากาต้าเงียบมาก ทำไมเราถึงได้ของเครื่องมาลงที่นี่ เพราะในเรื่องราคาค่าตั๋วเครื่องบินนั้นราคาโอเครดีกว่า และจากาต้ามีสายการบิน บินลงบ่อย ทำให้ราคานั้นไม่ค่อยแพงมากนักเมื่อเทียบกับการที่เราบินลงสนามบินที่พุทธคยา ถึงที่หมาย เมื่อเครื่องลง ก็พากันขนของ เพื่อเดินมารอรถที่ข้บมารับเราถึงสนามบิน เป็นคณะทัวร์ที่ได้ติดต่อไว้แล้ว และเดินทางมารอเราตั้งแต่เรายังไม่บิน เราบินมาที่จากาต้าจากสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง พอมาถึงตอนนั้นมีเพียงเครื่องบินลำของพวกเราเท่านั้นที่บินลงตอนตีสี่กว่าๆ การตรวจคนเข้าเมืองนั้นไม่ยาก รวดเร็ว สิ่งที่ทำให้เราช้าคือ รอกระเป๋าของตนเองที่มีเพียงใบเดียวของทุกคนในกลุ่มที่หายไป พวกเราตัดสินใจรอ และถ้าไม่พบจะไปแจ้งหน่วยงานทางไทยว่าเห็นกระเป๋า ครึ่งชั่วโมง กระเป๋าของพี่ชายเดินออกมาพอดีจึงได้ถาม แต่ปรากฏทนไม่ได้ “กระเป๋าเดินทาง” สภาพของกระเป๋าเดินทางที่เห็นนั้น แทบจะขาอ่อน เพราะว่าแตกกรอบเกือบทั้งหมด เรียกได้ว่าเละ จนต้องเอาสายรัดไว้ ข้าวของทั้งหมดแตกออกจนส่วนเล็กๆนั้นเก็บใส่ถุงเล็กห้อยติดกับกระเป๋า คนที่ยืนอยู่ระหว่างทางสายพานพากันส่งเสียงร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ กระเป๋านั้นแทบจะจับไม่ได้ เพราะข้าวของจะหล่นทั้งหมด หลังจากนั้นจึงได้ติดต่อเพื่อขอให้สายการบินรับผิดชอบ แต่ใช้เวลานานหน่อย เพราะต้องใช้ภาษาในการสื่อสาร หลังจากนั้นได้ข้อตกลงจะรับผิดชอบเป็นกระเป๋าใบใหม่เมื่อกลับถึงประเทศไทย ดำเนินการตกลงกันเรียบร้อย รถพร้อมที่จะเดินทางไกลสู่สุศินคร ซึ่งจะใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 7 ชั่วโมง จึงจะถึงที่หมาย อากาศด้านในสนามบินนั้นว่าแอร์เย็นแล้ว พอเราเดินออกจากสนามบิน ยิ่งหนาวยิ่งกว่า เพราะหมอกหนา อากาศอยู่ที่ประมาณ 7 ถึง 8 องศา 🚗 ในการเดินทางจากกรุงจากาต้า สู่กุฉินาราเป็นรถหรูที่ไกด์ในอินเดียใช้ในการรับนักท่องเที่ยว เป็นรถที่แข็งแรงและสามารถปีนเขาได้ กลุ่มของพวกเรามีทั้งหมด 5 คน แบ่งนั่งรถสองคันเดินทางออกจากสนามบินเพื่อเดินทางสู่วัดไทยกุฉินารา ประทับใจคนขับรถที่สุด เพราะขับนิ่งและเงียบมากเหมือนกันกับว่าเรานั้นนอนอยู่ที่บ้าน กาลัมจาย ☕️ชาอินเดีย รสชาติคล้ายกาแฟดำใส่นม แต่จะมีกลิ่นของเครื่องเทศอ่อนๆ ในการเดินทางเมื่อเราเดินจากรถเพื่อแวะเข้าห้องน้ำอากาศเย็นมากจนชาตามมือขนาดใส่เสื้อหนา ก็ยังหนาว ชาวอินเดียจึงเดินมาบอกว่าลอวทานสิ่งนี้แล้วจะทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ตอนนั้นกาลัมจายที่เราทานกันนั้นทำมาจากนมวัว และเขายังบอกอีกว่า กลิ่นที่ได้นั้นมันคือเครื่องเทศ ถ้าเป็นไทยน่าจะเรียกว่ากานพลู ซึ่งพอเราชิมรสชาติก็อร่อยกลมกล่อมมาก เพราะไม่ค่อยหวาน หรือถ้าจะทานนมวัวสดๆก็มีกำลังต้มเสร็จใหม่ จากเต้าวัวที่ยืนอยู่ เรียกได้ว่าตื่นเต้นสุดๆ ร้านที่แวะทานนี้ ถือเป็นร้านชื่อดังที่ทำกาลัมจายอะไรสุด ถ้าหากใครเดินทางจากจากาต้าต้องแวะชิม เราเองก็น่าจะชิมไปสามแก้ว ซึ่งทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นและอาการหิวก็หายไปด้วย เราต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะถึงร้านอาหาร ซึ่งบอกคนขับรถว่า ขับแบบยิงยาวรวดเดียวไปทานอาหารไทยที่วัดเลย ก็เป็นไปตามนั้น ทานขนมวนไปในรถ วัดไทยกุฉินาราเฉลิมราชย์ เป็นวัดที่จะเดินทางไปร่วมงานอันยิ่งใหญ่ บริเวณวัดนั้นเต็มไปด้วย หมอก เรียกได้ว่ามองไม่เห็นอะไร ซึ่งก็เหมือนตอนที่เรานั้นเดินทางมา มีบางช่วงที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ทำให้ต้องจอดให้หมอกจางหายไปก่อน เพราะขับรถไม่ได้ ถึงตอนนี้ สุดของความหนาว หนาวจนสั่นกลางคืนในนอกห้องคืออากาศติดลบ ถ้าหากตื่นมาในตอนเช้าเราอาจจะเห็นน้ำค้างแข็งบนยอดของต้นไม้ ดอกไม้บริเวณวัด ดอกไม้ที่นี่ดอกใหญ่และสีสวย เหมือนมันกำลังบอกว่าขอต้อนรับสู่สวนดอกไม้ 🌺 ในไทยไม่รู้เรียกว่าดอกอะไร ดอกใหญ่กว่าหน้าคน อาจจะชอบอากาศหนาว ดอกไม้หลากสีสัน สวนดอกไม้ที่ชมนี้ ได้รับการดูแลอย่างดีจากคนไทย ที่เดินทางไปอยู่ที่วัดไทย ในต่างแดน เจดีย์สำคัญของวัดไทยกุฉินารา(กุศินคร) สถารที่ที่รัชกาลที่ 9 ทรงสร้างดูแลออกแบบทุกขั้นตอน จนได้กล่าวว่า “เจดีย์ของฉัน” และได้มีการเก็บพระเกศาไว้ตรงปลายของยอดเจดีย์ บริเวณรอบนอก รวมถึงด้านในสวยงามวิจิตรมาก ตั้งอยู่กลางสวนดอกไม้ และไม้ประดับต่างๆมากมาย ซึ่งถ้าหากเราได้มองได้สักการะจะต้องยิ้มให้กับความงามและลงตัวอย่างมาก แค่คืนเดียวทำให้ชอบบรรยากาศที่นี่ แม้ว่าอากาศจะหนาว แต่เป็นอากาศชุ่มชื่น ไม่หนาวแบบแห้งเหมือนบ้านเรา เช้านี้ตื่นแต่เช้าเดินออกมาเพื่อสูดอากาศ การดูวิถีชีวิตของคนในอินเดียนั้นสิ่งที่เราจะเห็นได้จะต้องดูที่หน้าวัดเพราะเราจะเห็นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเกวียนวัวลาก การนำควายไปเลี้ยง รวมถึงการนำสินค่าออกมาขายหน้าวัด ที่อร่อยและชอบที่สุดน่าจะเป็นกาลัมจายข้างวัดเรียกได้ว่าทานกี่แก้วก็ได้ เพราะบาบูคนขายใจดี อากาศหนาว แต่เราทานไอศกรีม ต้องลองไอศกรีมของอินเดีย แล้วจะหลงรัก เพราะอร่อยกลมกล่อมสุดๆ แต่แปลกละลายเร็วมากยังไม่ทันตั้งตัวเลย ละลายหยดลงดิน ก็แปลกดีทำไมละลายเร็ว วิถีชีวิตของชาวอินเดีย ทำให้เราหลงรัก เป็นการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายแบ่งหน้าที่ชัดเจน ซึ่งไม่ต้องรีบร้อนใส่เวลา เพราะเป็นนายของตนเอง เห็นแล้วต้องยิ้มมุมปาก กับความเป็นกันเองแม้ไม่เคยได้รู้จักและเจอกันมาแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าต้องการหาประสบการณ์การเที่ยวที่ประทับใจ และราคากันเองลองเปิดใจเที่ยวอินเดีย ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียนเอง (อุ้งเท้าแมว)7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์