สุรินทร์ บทความนี้นี่เป็นเพียงบันทึกการเดินทางของผมที่ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวบ้านญาติที่จังหวัดสุรินทร์ แต่ไม่ค่อยจะมีภาพในเมืองซักเท่าไหร่ เพราะส่วนมากจะแค่ขับรถผ่าน ๆ เพราะยังไม่ถึงที่หมายเลยซะทีเดียว จุดหมายที่จะเดินทางไปอยู่ห่างจากเมือง ประมาณเกือบ 60 กิโล “ ภาพต่างๆที่เอามาเล่าสู่กันฟังนั้น ล้วนแต่เป็นภาพที่ประทับใจเป็นพิเศษ ” ภาพแรกของการมาเยือนในครั้งนี้ คือภาพพระอาทิตย์ตกดิน แสงสีส้มทองทอดยาวปกคลุมเคลือบทั่วท้องถนน ให้ความรู้สึกเหงาอยู่เบาๆเหมือนกัน แต่ก็กลบมันได้ด้วยเสียงเพลงที่เลือกเปิดให้บรรยากาศมัน นวลขึ้น “.. ตะวันหลับตา ท้องฟ้าก็ทาสีดำ และสิ่งที่ฉัน ต้องทำ เป็นประจำ คือคิดถึงเธอ..” บ้านน้า บ้านของน้าไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยที่ผมเป็นเด็กซักเท่าไหร่ มีเทปูนปูกระเบื้องสีใหม่บ้าง ทำรั้วใหม่บ้างแต่ข้างบนบ้านก็ยังคงความเป็นบ้านไม้อยู่ แม้รอบ ๆ ข้างจะทุบสร้างใหม่กันเกือบจะหมดแล้วก็ตาม ที่น้าไม่ได้ทุบทำใหม่เหมือนคนอื่นอาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่บ้านซักเท่าไหร่ เพราะ เช้าตรู่ก็ต้องพาฝูงวัวฝูงควายไปปล่อยทุ่ง สายมาก็เอารถแทรกเตอร์ไปไถหน้าดินเตรียมลงข้าวที่นา เสร็จภาระกิจต่าง ๆ ก็เกือบค่ำ กลับบ้านมาก็เหนื่อยแล้วกินข้าวเสร็จ นั่งดูทีวีซักพักก็เข้านอนแล้ว และอีกอย่างลูกๆก็ต้องเรียนหนังสือกันอยู่ จึงต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในส่วนที่สำคัญกว่าก่อน แต่ทุกๆเทศกาลวันหยุดเวลาลูก ๆกลับมาเยี่ยมบ้าน ทำหมูกะทะกินกัน ครอบครัวได้พบเจอหน้ากัน บ้านหลังนี้ก็ดูมีความสุขขึ้นมาเป็นกอง “ภายนอกไม่สำคัญเท่าไหร่ ถ้าภายในยังสุขอยู่”. สิ่งที่ชอบ อีกอย่างก็คือ พอถึงเวลา 4.30 น.เจ้าควายพวกนี้จำทางกลับบ้านตัวเองได้นี่แหละ อาหารมื้อเที่ยง อาหารเที่ยงมื้อนี้อิ่มจุใจ และอร่อยมาก มาช่วยงานที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน และมีชาวบ้านมาช่วยทำกับข้าวเลี้ยงคนที่มาช่วยงาน ได้ทานอาหารฝีมือคนอีสานแท้ ๆ รสชาติแซ่บถึงใจดีอยู่เหมือนกัน ผมทานไปหลายจานเลยล่ะ และประทับใจเมนูไข่เจียวใส่มะเขือเทศและ ต้นหอม คู่กับน้ำตกหมูรสชาติจัดจ้านแกล้มกับแตงกวา แก้เผ็ดได้ดีทีเดียว และผักเหล่านี้เป็นผัที่ชาวบ้านเขาปลูกเองที่สวนหลังบ้านเอามาแบ่งกัน “ที่เสริมความอร่อยอีกอย่างก็คือ จานสังกะสีให้อารมณ์บ้าน ๆ ดี” ช้าง ช้าง ช้าง มาสุรินทร์ก็คงไม่พลาดเรื่องช้างช้าง ช้างเชือกนี้เป็นช้างที่ชาวบ้านเขาเลี้ยงไว้เวลามีงานบวช งานแต่ง งานขึ้นบ้านใหญ่ ก็จะมาเชิญให้เจ้าช้างไปเป็นแขกที่เพิ่มความเป็นสิริมงคลให้แก่เจ้าภาพ เจ้าของเล่าว่าช้างตัวนี้เขาพาไปเข้าโรงเรียนช้างมาหลายปี ทำให้เจ้าช้างเชือกนี้ค่อนข้างฉลาดและแสนรู้ ไม่ดื้อสามารถทำตามคำสั่งจากควาญทุกอย่าง แปลกดีเหมือนกันนอกจากวัว ควาย หมา แมว ที่เป็นสัตว์เลี้ยงแล้ว ยังมีช้างเพิ่มมาอีก “วันนี้อากาศร้อนเนื่องจากเป็นช่วงกลางวัน น้องก็เอางวงไปเกี่ยวสายยางมายื่นให้ควาญช้างเปิดน้ำให้ เพื่อที่จะเอาสายยางมารดตัว และ เล่นน้ำด้วยตัวเอง เก่งเหมือนกันนะเนี่ย" สระปลา พรุ่งนี้ทางครอบครัวผมจะทำบุญบ้านและทำบุญหาญาติที่ล่วงลับไปแล้ว และเป็นหนึ่งในวันรวมญาติที่ทำมาตลอดทุกปี ทำให้พี่ๆน้องๆได้กลับมาเจอกันเพราะบางคนก็แยกย้ายไปตั้งถิ่นฐานครอบครัวอยู่ต่างจังหวัดเช่นครอบครัวผมเป็นต้น สระปลาในที่นี้แปลว่า สูบน้ำออกจากบ่อน้ำ และเหลือแต่โคลนเพื่อที่จะจับปลาได้ง่ายขึ้น และเจ้าหลานชายตัวน้อยอายุแค่ 3 ขวบของผมก็ไม่พลาดที่จะลุยลงไปจับปลากับเขาด้วย แถมก่อไฟเผาปลาเองก็เป็นด้วย โอ้โห สมัยผมเป็นเด็กก่อไฟครั้งสองครั้งก็ตอนเข้าค่ายลูกเสือ เลยทำหน้าที่ขับรถเอาปลาไปส่งให้ ยายและน้าทำกับข้าว ถือว่าวันนี้เป็นวันที่ทั้งเหนื่อย สนุก และอิ่มมากกวันหนึ่ง “ วิถีชีวิตที่นี่ยังสนุกเหมือนเดิม ต่างจากเดิมคือได้มีโอกาสเห็นเด็กอายุน้อยที่เก่งขนาดนี้” ไม่พลาดการจัดคอนเสิร์ตเล็ก ๆ กลางทุ่ง ฟังเพลิน ๆ ขณะจับปลา “...ปลาข่อใหญ่มาฮอดแล้วว ปลาข่อใหญ่มาฮอดแล้ว...” ตามด้วยเพลงจี่หอยขาประจำ น้ำแข็งใส รถหวาน ๆ เย็น ๆ เหมาะมากกับอากาศร้อน ๆ แบบนี้ พอดีเจ้าของร้านมาช้ากว่าปกติผมเลยบุกถึงบ้าน สมัยเป็นเด็กผมชอบมาก เวลามาเยี่ยมยายกับน้าที่นี่ถึงกับต้องแอบหยิบเงินจากกระปุกออมสิน และปั่นจักรยานมากินทุกวันเพราะ โดนปรามอยู่บ่อย ๆ เรื่องการกินขนมหวาน ไม่ใช่หรอกครับเพราะผมฟันผุเยอะมาก ชอบกินขนมหวานและไม่ชอบแปรงฟัน ฮ่า ๆ “จนปัจจุบันแม้จะอายุเพิ่มขึ้นแต่ความชอบผมยังเหมือนเดิม น้ำแข็งใสดั่งเดิมนี่ต้องใส่ขนุนด้วยนะเพิ่มความอร่อยและหอมมากขึ้น” ก่อนกลับ ทุกวันเสาร์จะมีร้านขายของทุกอย่าง 20 บาทมาตั้งร้านแถว ๆ ลานว่างของหมู่บ้าน ผู้คนมากมายต่างก็มาจับจ่ายใช้สอยข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ บางคนก็มาซื้อกะละมัง บางคนก็มาซื้อกล่องต่าง ๆ หลังจากตั้งร้าน จวนใกล้เที่ยงวันแล้ว และแดดเริ่มร้อนขึ้น ร้านก็เริ่มเก็บของเตรียมตัวไปขายหมู่บ้านอื่น หลังจากลุงกับป้าคู่นี้เก็บของเสร็จ เจ้าของบ้านก็เดินมาบอกให้สอยมะม่วงกลับไปกินด้วย “แบ่ง ๆ กัน” ลุงก็เอาไม้มาขึ้นหลังคารถ สอยไปประมาณสองสามลูก เจ้าของบ้านก็บอก “เอาไปอีก ๆ เอาไปเยอะ ๆ จะได้กินอิ่ม ๆ ” หลังจากเก็บมะม่วงเสร็จ ก่อนกลับลุงกับป้าก็ทิ้งท้ายไว้ว่า ไว้คราวหน้าจะเอาแก้วมังกรที่รั้วบ้านมาฝากเด้ออ บางทีการแบ่งปันอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็ทำให้สามารถเชื่อมสัมพันธ์กันได้ ลองแบ่งยิ้มให้แปลกหน้าคนรอบ ๆ ตัวดู เผื่อเขาจะรู้สึกชอบหน้าเราเมื่อเห็นหน้ากันอีกรอบ