เที่ยวญี่ปุ่น วัดใจช่วงปีใหม่กับภารกิจตามล่าหา 'ถุงโชคดี' ที่คุ้มสุดคุ้ม!
มือใหม่หัดช็อปปิ้งที่ญี่ปุ่นฟังทางนี้ค่ะ ปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ ถ้าไม่มีธุระไปไหน วางแผนเที่ยวโตเกียวเพื่อไปกวาดถุงโชคดีกันเถอะ!
ที่ประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะเมืองหลวงอย่างกรุงโตเกียว คนมักจะคิดว่าที่นี่มีแต่ของแพง อาหารก็แพง ถ้าพูดถึงค่าที่พักนี่ยิ่งแพงเข้าไปกันใหญ่ แต่ไม่เป็นความจริงเลย เพราะถ้าเรารู้แหล่ง ของดี ของถูก ราคาประหยัด ควรค่าแก่การเสียเงินซื้อก็มีให้เลือกซื้อมากมาย นอกจากนี้เรายังสามารถประหยัดเงินค่าใช้จ่ายในแต่ละวันได้มากยิ่งขึ้น จากเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายคนมองข้ามไปเช่น การซื้อตั๋ววันของรถไฟสายต่างๆ การซื้ออาหารในซุปเปอร์มาร์เก็ตหลังสองทุ่ม การทำ Tax Refund เมื่อซื้อสินค้าจำพวก ยา เครื่องสำอางและอาหารด้วยยอดเงิน 5,001 เยนขึ้นไป (ภาษีมูลค่าเพิ่มของญี่ปุ่นในขณะนี้คือ 8% ) และที่สุดแห่งที่สุดของการใช้เงินให้คุ้มค่าที่ประเทศญี่ปุ่นอีกอย่างหนึ่งก็คือการซื้อถุงโชคดีที่มีวางขายเฉพาะช่วงปีใหม่ของทุกปีนี่แหละค่ะ
“ถุงโชคดี” หรือ “ลัคกี้แบค” (Lucky Bag) นั้น ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “ฟุคุบุคุโระ” (Fukubukuro, 福袋) มันคือถุงที่ทางร้านค้าใส่สินค้าที่เป็นของแบรนด์ตัวเองเอาไว้ในถุงจำนวนหลาย ชิ้น แต่วางขายด้วยราคาที่ถูกกว่าราคาขายปรกติอย่างมาก โดยลูกค้าที่มาซื้อถุงโชคดีไปนั้น ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าภายในถุงโชคดีบรรจุอะไรไว้บ้าง นี่คือเสน่ห์ของการซื้อสินค้าที่ญี่ปุ่นและเป็นเรื่องสนุกสนานที่เร้าใจนักช็อปปิ้งเป็นอย่างมาก
จะว่าไปแล้วนี่คือกลยุทธ์ทางการตลาดของการทำธุรกิจของคนญี่ปุ่นนั่นเอง การทำถุงโชคดีขึ้นมา ก็เป็นเหมือนการคืนกำไรให้ลูกค้าที่อุดหนุนสินค้าของทางร้านมาตลอดทั้งปี และในขณะเดียวกันก็เป็นการโละสต๊อก เป็นการกำจัดสินค้าตกค้างให้หมดไป เพื่อรอสินค้าใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในช่วงหลังปีใหม่นั่นเอง แต่ว่างานนี้ เรียกว่าวินวิน เพราะว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ
ถ้าถามในมุมของลูกค้าว่า ในเมื่อเราไม่ทราบว่าข้างในถุงมีอะไรอยู่บ้าง แล้วเราจะซื้อไปเพื่ออะไร คำตอบก็คือเราซื้อเพราะว่ามันคุ้มค่าที่จะซื้อ ยกตัวอย่างเช่น ถุงโชคดีของร้านเสื้อผ้า ถ้าเป็นร้านที่มียี่ห้อเป็นที่รู้จักสักหน่อย ราคาถุงโชคดีก็จะเริ่มต้นที่ประมาณ 10,000 เยน แต่สินค้าข้างในมีมูลค่าประมาณ 30,000 เยน แบบนี้น่าซื้อมั้ยคะ? ปรกติแล้ว ราคาขายของสินค้าในถุงรวมกันนั้นมักจะแพงกว่าราคาถุงโชคดีอยู่ประมาณ 2-5 เท่าค่ะ
ปัจจุบันร้านค้าใจดีมากขึ้น บางร้านเขาจะมีรูปสินค้าให้ดูเลยว่าในถุงมีอะไรอยู่บ้าง เช่น เสื้อ 1 ตัว กางเกง 1 ตัว หมวก 1 ใบ ผ้าพันคอ 1 ผืน และกระเป๋าเครืองสำอาง 1 ใบ ซึ่งช่วยให้เราทราบว่าในถุงมีอะไรอยู่บ้าง แต่ว่าสินค้าในถุงก็จะคละแบบ คละลาย ไม่เหมือนในรูปถ่ายที่เห็นนะ เพราะว่าเราไม่สามารถเลือกได้ เขาใส่อะไรในถุง ก็ต้องยอมรับไปตามนั้น และไม่สามารถเปลี่ยนของ แลกคืน หรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ค่ะ
หลักการในการซื้อถุงโชคดีก็คือ เราจะต้องซื้อเฉพาะแบรนด์ที่เราชอบ เพราะว่าเราจะรู้ว่าแบรนด์นั้นๆ มีสินค้าประมาณไหน ไม่ใช่ว่าเห็นอะไรถูกก็ซื้อไปหมด เช่น ถ้าเราจะซื้อถุงโชคดีของเสื้อผ้าแบรนด์หนึ่ง เราก็ต้องถามตัวเองก่อนว่า ยี่ห้อนี้ เราชอบหรือไม่ ถ้าชอบและไม่ว่าตอนที่เปิดถุงออกมาแล้วเราได้อะไรก็ตาม เราก็คิดว่าเรารับได้ เราชอบแน่นอน ถ้าเป็นอย่างนี้ สนับสนุนให้ซื้อค่ะ เพราะว่ามูลค่าของสินค้ากับราคาที่วางขายนั้นช่างยั่วยวนใจให้ซื้อมากๆ
ถามว่าคนญี่ปุ่นนิยมซื้อถุงโชคดีหรือไม่ ตอบได้เลยค่ะ ว่านิยมอย่างมาก เพราะว่าได้ของแบบคุ้มเกินคุ้ม บางร้านที่มีลูกค้านิยมกันมาก มีคนไปต่อคิวรอซื้อถุงโชคดีกันแบบข้ามวันข้ามคืนเลยก็มีนะคะ
วันที่เริ่มวางขายถุงโชคดีก็คือวันที่ 2 มกราเป็นต้นไป ตามร้านและห้างสรรพสินค้าจะมีผู้คนมากมายที่ออกมาจับจ่ายใช้สอยกัน ถ้าร้านไหนดังๆ ต้องไปเช้าๆ หน่อยนะคะ ยังไงก็ขอให้โชคดี ซื้อได้ของที่ถูกใจกันทุกคนค่ะ
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น พร้อมการรายงานพิกัดของถูก ของดีที่โตเกียว ได้ทุกวันที่เฟสบุ๊คแฟนเพจ “ไม่ใช่กรูรูแต่กรูรู้ของถูกในโตเกียว” (maichaiGURU) เนื้อหาในเพจเกี่ยวกับแหล่งช็อปปิ้ง แหล่งของกิน การเดินทาง และเคล็ดลับการใช้จ่ายอย่างไรให้ถูกลงในมหานครโตเกียวที่ค่าครองชีพสูงลิบลิ่ว ได้ถูกรวบรวมเอาไว้ในพ็อคเก็ตบุ๊คที่มีชื่อว่า “ถูกและฟรีมีที่โตเกียว” สามารถหาซื้อได้ที่ร้านนายอินทร์ทุกสาขาหรือสั่งจองออนไลน์ได้ในราคาเล่มละ 189 บาทเท่านั้น หนังสือเล่มนี้จะทำให้ความคิดของคุณเกี่ยวกับโตเกียวเปลี่ยนไป เชื่อเราเถอะนะ โตเกียวไม่ได้มีแต่ของแพง ถูกและฟรีมีที่โตเกียวจริงๆ ค่ะ ตามไปกันเลยที่ https://www.facebook.com/AmarinTravelPublishing
ติดตาม travel.truelife.com อีกช่องทางที่
ทุกเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว อาหาร และที่พัก คลิกที่ http://travel.truelife.com