ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ยุโรปเมื่อหลายปีก่อน ผู้เขียนก็มีความตั้งใจที่ออกท่องเที่ยวในประเทศแถบยุโรปเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ส่วนตัว หากแต่สถานการณ์โควิดมาเยี่ยมเยือน ทำให้ต้องลดกิจกรรมการเดินทาง ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของตัวเองและลดโอกาสการแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น ดังนั้นสิ่งที่มาเล่าให้อ่านครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 และผู้เขียนจำเป็นต้องชี้แจงไว้ล่วงหน้า เพื่อที่ผู้อ่านจะได้ไม่ไขว้เขว และสงสัย ว่าทำไม ผู้เขียนไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เพราะโดยส่วนตัวแล้ว การมีความรับผิดชอบต่อสังคม ถือเป็นหัวใจหลักของการอยู่ร่วมกัน เมื่อมีใครกล่าวถึงประเทศสเปน โดยส่วนใหญ่ผู้คนจะนึกถึงการสู้กับวัวกระทิงอย่างดุเดือดของเหล่ามาธาดอร์ หรือไม่ก็นึกถึงเมืองบาเซโลนา ที่ใคร ๆ ก็ปรารถนาจะไปเยี่ยมเยียน แต่ที่สเปนมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ที่รอให้เราค้นหา และสถานที่ที่ผู้เขียนจะแชร์ให้อ่านก็คือ 3 เกาะสวย ของสเปนที่ผู้เขียนเคยไปมาก่อน เลยเอามาเล่าให้ฟัง ซึ่งไล่ตั้งแต่เกาะ Mollorca (มาโยรคา )- Ibiza (อิบิสซา )- Montera (มอนเทียรา ) โดยทริปนี้ผู้เขียนได้รับเชิญจากเพื่อนที่อาศัยอยู่ในอิบิซา แต่ครั้นจะให้ตรงดิ่งไปเลยทีเดียว เราก็มีความอยากแวะ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการเดินทาง ผู้เขียนก็ทำการบ้านมาบางส่วนโดยการเสิร์ชหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต และสอบถามจากเพื่อนซึ่งเป็นคนสเปน เมื่อได้ข้อมูลมาบางส่วนก็จัดการจองโรงแรมผ่านบุ๊คกิ้ง (booking) ที่มาโยรคา 2 คืน ซึ่งเกาะแห่งนี้จะเป็นที่นิยมและชื่นชอบของเหล่านักท่องเที่ยว ดังนั้นถ้าในภาวะปกติค่าที่พัก และอาหารจะค่อนข้างแพง ผู้เขียนเลือกจองที่พักใจกลางเมืองพาลมา (Palma) ซึ่งถึงแม้จะแพงเล็กน้อย แต่ก็เพื่อความสะดวกในการเดินชมเมืองนั่นเอง และกว่าจะหาที่พักเจอใช้เวลานานพอสมควร เพราะคุณพี่แทกซีแกก็พาวน ๆ ไปหลายรอบ ไม่รู้แกแกล้งเนียน หรือแกหาไม่เจอจริง ๆ อันนั้นก็ยากที่จะคาดเดา เช้าวันถัดมา เดินชมโบสถ์ซานตา มาเรีย (Santa Maria) ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอันสวยงาม ช่วงที่ไปโบสถ์กำลังปิดปรับปรุงเลยไม่ได้ไปชมความสวยงามภายใน ไว้ถ้ามีโอกาสไปอีกคราวหน้า จะเก็บภาพมาให้ชมกัน หลังจากเดินถ่ายรูปวนไปวนมา ก็ถึงเวลาแวะชิมข้าวผัดสเปน (Paella) และต่อด้วยไอติม มื้อนั้นหมดไปประมาณคนละ 40 ยูโร หรือตกประมาณ 1500 บาท (คิดที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโร ต่อ 37 บาท ) ถ้าจะถามว่าแพงมั้ย ? ก็ตอบเลยว่ามาก!!! แต่เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ บางครั้งก็ต้องยอมแลก 😊 หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน ประกอบกับแดดอันร้อนเปรี้ยง เลยเปลี่ยนใจใช้บริการรถ Hop on Hop off เพื่อย่นเวลาในการชมเมือง ถ้าใครไปเที่ยวยุโรป จะเห็นรถลักษณะแบบนี้ในเมืองท่องเที่ยวเกือบทุกที่ โดยรถเหล่านี้จะวิ่งรอบๆเมืองเพื่อให้เราได้ชมจุดที่สำคัญ ๆ ของเมืองนั้น ๆ สำหรับผุ้เขียน ก็คิดว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย เพราะนอกจากจะช่วยย่นระยะเวลาในการท่องเที่ยวแล้ว ถ้าเราอยากชมที่ไหนนานเป็นพิเศษ เราก็สามารถลงจากรถ แล้วเดินชมสถานที่นั้น ๆ ให้อิ่มหนำใจ ก่อนจะรอขึ้นรถคันถัดไปได้ โดยที่เราไม่ต้องเสียค่ารถหลายรอบ สำหรับค่าโดยสาร ผู้เขียนก็จำไม่ได้ว่าราคาเท่าไร หลังจากท่องเที่ยวมาโยรคาจนอิ่มหนำใจ เราก็จองตั๋วเรือเพื่อเดินทางไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่อิบิซาต่อ โดยจองตั๋วเรือผ่านอินเทอร์เน็ตก่อนเดินทางหนึ่งวัน ซึ่งนั่นก็ทำให้ไม่มีทางเลือกมากนัก เลยได้ขึ้นเรือรอบ 7 โมงเช้า นั่งแทกซีจากที่พักไปถึงท่าเรือประมาณ 20 นาที และเดินทางด้วยเรืออีกเกือบ 2 ชั่วโมง เมื่อไปถึงเกาะอิบิซา ก็พักอยู่ใจกลางเมืองอีกตามเคย โดยรอบนี้ไปพักที่อพาร์ทเมนท์ของเพื่อน เกาะอิบิซาขึ้นชื่อเป็นแหล่งปาร์ตี้ของเหล่าบรรดาวัยรุ่นชาวยุโรป เพื่อนเล่าให้ฟังว่า ที่นี่เค้าจะนิยมปาร์ตี้กันแบบสุดเหวี่ยง ผู้เขียนไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการปาร์ตี้สุดเหวี่ยง เลยได้แค่เดินออกไปสำรวจแหล่งราตรี ระหว่างทางทุก ๆ 5 เมตร จะมีผู้ชายมายืนเรียงรายขายช็อกโกแลตอยู่สองข้างทาง พอพ้นจากแหล่งตรงนั้น เพื่อนอธิบายให้ฟังว่า ช็อกโกแลต ที่ว่าก็คือยาเสพติดนั่นเอง แหม!! เกือบพลาดไปซื้อดาร์คช็อกโกแลตมากินแล้วมั้ยเรา 😊 แม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวของบรรดาเหล่าวัยรุ่น แต่ที่นี่ก็เป็นแหล่งฟอกเงินชั้นดีเช่นกัน ดังนั้นค่าอาหาร ที่พักก็แพงจนน่าใจหาย เมื่อเทียบกับรายได้ของคนทำงานทั่ว ๆ ไป ด้วยพื้นที่ทั้งเกาะประมาณ ห้าร้อยกว่าตารางกิโลเมตร ทำให้สามารถขับรถเที่ยวจากเหนือ จรดใต้ได้ภายในหนึ่งวัน ซึ่งหลัก ๆ แล้วจะแบ่งเป็น 2 โซนคือ โซนทางเหนือ จะออกแนวเงียบ ๆ สำหรับการมาเที่ยวแบบครอบครัว ส่วนช่วงกลาง ๆ และทางใต้ จะเน้นแนวปาร์ตี้มากกว่า ใครชอบแบบไหนก็เลือกเอา พักอยู่อิบิซาหลายวัน เพื่อนแนะนำให้ไปเที่ยวเกาะข้างเคียง ซึ่งเดินทางไปเช้า และเย็นกลับ โดยนั่งเรือจากอิบิซาประมาณหนึ่งชั่วโมง และเมื่อไปถึงก็จะมีร้านให้เช่ารถขับ ไม่ว่าจะเป็นจักรยาน จักรยานยนต์ หรือรถยนต์ ทั้งนี้ขึ้นกับน้ำหนักของเงินในกระเป๋าของใครของมัน มอนเทียราเป็นเกาะสงบ ๆ ที่ไม่ได้มีชื่อระดับอินเตอร์เหมือนอิบิซา หรือมาโยรคา เพราะฉะนั้นบรรยากาศโดยทั่วไปจะค่อนข้างผ่อนคลาย หลังจากเที่ยวอิบิซาอยู่หลายวัน ก็ถึงเวลากลับบ้าน โดยขากลับผู้เขียนขึ้นเครื่องจากอิบิซามาลงที่มาโยรคา และต่อจากมาโยรคามาสต๊อคโฮล์ม ระหว่างรอต่อเครื่องที่มาโยรคา ก็แวะซื้อเอ็นไซมาดา (Ensaimada) ซึ่งเป็นขนมประจำถิ่นของมาโยรคามาฝากเพื่อนๆที่ทำงาน สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อน แล้วจะมาแชร์เรื่องอื่น ๆ ให้ได้อ่านกันครั้งต่อไป เครดิต ภาพปก และภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน อัปเดตบทความท่องเที่ยวตามสถานที่อันหลากหลาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !