เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.) สวัสดีครับนักเที่ยวสายสายบุญทั้งหลาย วันนี้ผู้เขียนมีแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในอำเภอเชียงดาวมานำเสนอครับ สถานที่ที่ว่านี้เป็นวัดครับ เป็นวัดป่าที่ค่อนข้างจะห่างไกลจากบ้านคนเล็กน้อยแต่รับรองว่าได้ไปแล้วท่านจะพบกับความอลังการสวยงามสมกับเป็นวัดป่าจริง ๆ ครับ สถานที่ว่านี้คือ “วัดป่าธาราภิรมย์” ครับ วัดป่าธาราภิรมย์ (โดยที่มาของชื่อผู้เขียนทราบจากชาวบ้านแถวนั้นท่านเล่าให้ฟังว่า ที่วัดชื่อ "ป่าธาราภิรมย์" นั้นมาจากคำว่า ธารา แปลว่า ธารน้ำ,สายน้ำ, ภิรมย์ แปลว่า ร่มรื่น บรรเทิง รื่นรมย์หรือน่าจะประมาณว่า วัดที่มีแม่น้ำไหลผ่านที่ให้ความร่มรื่น รื่นรมย์ประมาณนี้ครับ) แต่ก็จริงครับ เพราะเท่าที่ผู้เขียนพบ คือ วัดนี้มีแม่น้ำสองสาย คือ แม่น้ำปิง และแม่น้ำป๋ามไหลผ่าน และทราบว่าแต่เดิมเป็นวัดร้างมีซากเจดีย์เก่าอยู่ โดยมีชื่อเดิมว่า “วัดปิง” จุดแรก ที่ผู้เขียนขอนำเสนอครับ ก่อนเข้าประตูวัดซ้ายมือจะมีพระจักรพรรดิองค์ใหญ่สีขาวกำลังสร้างล้อมรอบเสาหินพระเจ้าอโศกจำลอง (เสาหินพระเจ้าอโศก คือ เสาสัญลักษณ์แห่งพระพุทธศาสนาในผืนแผ่นดินแห่งชมพูทวีปเมื่อครั้งอดีตกาล สร้างขึ้นโดยพระเจ้าอโศก กษัตริย์แห่งราชวงศ์โมริยะ หรือ เมารยะ ประมาณนั้นครับ จุดนี้ยังสร้างไม่แล้วเสร็จนะครับ ถ้าเสร็จสมบูรณ์ผู้เขียนรับรองว่าสวยมาก ๆ เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.) จุดที่สอง บริเวณกำแพงหน้าวัดก่อนเข้าประตูจะมีพุทธประติมากรรมเรียงรายกันอยู่เท่าที่เห็นมี 4 องค์ใหญ่ด้วยกัน ได้แก่ พระพุทธรูปนั่งรับบาตร (ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าเป็นพระอุปคุตใช่หรือไม่) หมอชีวกโกมารภัจจ์ (น่าจะใช่) พระมหากัจจายน์ 2 องค์ และบริเวณหน้าวัดมีกุมภัณฑ์ (ยักษ์) 2 ตน (สีแดง สีเขียว) ถือกระบองยืนเฝ้าประตูหน้าทางเข้าวัดอยู่ เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.) จุดที่สาม เมื่อท่านเข้ามาในวัด และขึ้นบันไดมาท่านจะพบกับพระธาตุธรรมจักรพรรดิเจดีย์ มีปลายยอดเจดีย์สีเหลืองทององค์พระเจดีย์สีขาว และฐานเจดีย์สีอิฐแดงมีพระพุทธรูปประทับยืนรอบพระเจดีย์ ด้านในพระเจดีย์เปิดให้เข้าไปกราบสักการะขอพรพระพุทธรูปหินหยกปางนาคปรก และพระพุทธรูปทรงจักรพรรดิสวยงามมาก ผนังภายในพระเจดีย์เป็นหินแกะสลัก (นอกจากความสวยงามแล้วยังรู้สึกสงบ เย็นอย่างบอกไม่ถูก) เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.) จุดที่สี่ มาด้านหลังพระธาตุธรรมจักรพรรดิเจดีย์จะมีรูปหล่อหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดองค์ใหญ่สีดำให้นักท่องเที่ยวได้เข้ากราบของพรโดยหากใครเคารพศรัทธาในองค์หลวงปู่ทวดนี้จะเชื่อว่าหากเดินทางไปที่ใดก็จะปลอดภัย แคล้วคลาด ปราศจากอันตรายทั้งปวง เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.) จุดที่ห้า พลับพลาสมเด็จพระนเรศวรมหาราชซึ่งตั้งประดิษฐานอยู่เพื่อเป็นราชานุสรณ์ระลึกถึงคุณความดีของพระองค์ท่าน และข้าง ๆ ศาลาจะมีหอระฆังครับที่แปลก คือ ผู้เขียนเห็นว่าเป็นหอระฆังที่มีการตกแต่งเหมือนศิลปะทางเขมร (ผู้เขียนว่าเหมือนนครวัดฯ) เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.) จุดที่หก จุดสุดท้ายครับ ต้องเดินข้ามสะพานด้านหลังหอระฆังท่านจะพบกับความมหัศจรรย์ครับ (อาจเป็นเฉพาะผู้เขียน...) ท่านจะพบกับ พระวิหารหลังใหญ่มาก (แต่ยังสร้างไม่เสร็จ และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง) ดูไปดูมาน่าจะเป็นศิลปะผสมกันระหว่างเขมรกับไทย ยังไงก็รอติดตามชมครับว่าถ้าเสร็จแล้วจะสวยงามขนาดไหน เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.) สำหรับการเดินทางมาเที่ยวชมหากท่านเดินทางมาตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 107 จากตัวเมืองเชียงใหม่มาถึงสี่แยกสัญญาไฟจราจรเมืองงาย ให้เลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้านไตรสภาวะคาม ตรงมาประมาณ 4 กม.ก็จะพบกับจุดหมายครับ