มัลดีฟสักครั้ง หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว “มัลดีฟ” คงเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สาวๆหลายคนหวังว่าในชีวิตนี้จะต้องไปเยือนสักครั้ง เราเองเป็นอีกคนที่ชื่นชอบหรือจะเรียกว่าหลงใหลในการออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ มัลดีฟ ก็เป็นหนึ่งในลิสรายการของเราที่คิดไว้ว่าสักวันฉันจะไปเยือนสถานที่แห่งนี้ให้ได้ ด้วยความหลงใหลในการเดินทางคนเราก็มักจะได้พบได้เจอกับมิตรสหายที่หลงใหลและชื่นชอบในสิ่งเดียวกันเหมือนประหนึ่งว่ามีแม่เหล็กที่คอยดึงดูดให้ต้องโคจรมาพบเจอกัน การเดินทางไปเยือนมัลดีฟของเรานั้นเริ่มต้นขึ้นเพราะคำว่า " ตั๋วถูก " ราคาถูกไม่เคยปราณีจริงๆใครพวกเราเองก็เช่นกันพอเห็นราคาตั๋วเครื่องบินเท่านั้นมือไม้ของฉันที่เคยควบคุมได้กับไร้การควบคุมโดยสิ้นเชิง มือของฉันถูกสั่งการอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการคิดไตร่ตรองใดๆ ได้ตัวเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพฯ ดอนเมือง - มาเล่ มาในราคาไม่ถึงแปดพันบาท ความฝันไกล้เข้ามาทุกที เสร็จจากกระบวนการจองตั๋วเครื่องบินต่อด้วยการศึกษาวางแผนเรื่องที่พักและการเดินทางในมาเล่ ที่พักที่เราจะไปนั้นเป็นที่พักอยู่บนเกาะชื่อ Thulhagiri Island Resort ซึ่งเป็นที่พักเพียงเจ้าเดียวบนเกาะนี้ ที่พักมีทั้งแบบนอนกลางน้ำที่ราคาต่อคืนก็ตกประมาณคืนละหมื่นกว่าบาท และที่พักที่อยู่บนชายหาดที่จะมีราคาถูกลงมาประมาณคืนละเกือบๆหมื่นบาท ซึ่งเวลาที่เราจะที่พักแล้วก็ต้องดูเรื่องอาหารการกินด้วยเพราะด้วยความที่เป็นเกาะเรื่องอาหารการกินคือต้องซื้อเพิ่มมาอีกนิดหน่อยที่จะมีให้ทั้งสามมื้อ รวมทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งสามารถสั่งได้ตลอดเพราะรวมไปในแพ็คเกจแล้ว หรือเราจะสั่งแพ็คเกจที่มีอาหารเช้า และอาหารเย็น ส่วนอาหารเที่ยงและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็สั่งแยกซึ่งสำรับท่านที่ชอบการดื่มเราแนะนำให้ซื้อแบบแพ็คเกจที่รวมทุกอย่างจะคุ้มกว่า ในส่วนของพวกเรานั้นเลือกแบบที่รวมอาหารเช้าและเย็น ไม่เน้นเครื่องดื่มอาหารเที่ยงเรามีสำรองมาม่าคัพ ขนมขบเคี้ยวจากบ้านเราไปนิดหน่อยเพราะกลัวว่าถ้ากินอาหารที่นั่นทั้งสามมื้อกลับจะเลี่ยน พงกเราพักด้วยกันสามสาวเวลาหารเฉลี่ยออกมาแล้วราคาก็จะตกอยู่ประมาณคนละหกพันกว่าบาทซึ่งถือว่าโอเคสำหรับพวกเรา นอกจากที่พักกลางน้ำบนเกาะแล้วอีกหนึ่งคืนเราย้ายไปพักบนเกาะมาเล่เพราะต้องการไปสัมผัสชีวิตคนพื้นเมืองว่าเขาใช้ชีวิตกินอยู่กันอย่างไร ซึ่งที่พักบนเกาะมาเล่นั้นมีราคาค่อนข้างถูกตกคืนละสี่พันห้าร้อยบาท หารแล้วตกคนละไม่กี่บาทราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ แต่ในส่วนของวิวทิวทัศน์ก็จะไม่สวยเท่าเกาะส่วนตัว ที่พัก ตั๋วเครื่องบินเสร็จแล้วลำดับต่อไปเป็นเรื่องของการเดินทางจากสนามบินไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งมาเล่นั้นมีภูมิประเทศเป็นเกาะการเดินทางมีให้เลือกด้วยกัน 2 ทาง คือ ทางน้ำโดยใช้เรือ และอากาศโดย Sea Plane ซึ่งแน่นอนว่าพวกเราเลือกช่องทางที่ประหยัดเงินที่สุดนั่นคือการเดินทางทางน้ำด้วยเรือสปีทโบ๊ทราคาไปกลับจากสนามบินไปที่เกาะตกคนละ 3,000 บาท ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีจากสนามบินไปถึงเกาะ Thulhagiri Island ก่อนการเดินทางมีเวลาให้เราเตรียมเสื้อผ้าของใช้ที่จำเป็นต่างๆอยู่หลายเดือนเนื่องจากตั๋วเครื่องบินที่จองไว้นั้นเป็นการจองแบบข้ามปีจองปีนี้บินปีหน้า มีเวลาหยอดกระปุกสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายช่วงเวลาที่เที่ยวอยู่ที่นั่นเสื้อผ้าที่ต้องเตรียมก็ไปเป็นอีกอย่างหนี่งสี่สำคัญมากสำหรับสาวๆซึ่งแน่นอนเรามารู้ตัวอีกทีเมื่อพบว่าเสื้อผ้าที่เตรียมไว้นั้นสามารถอยู่ที่นั่นได้เป็นเดือนๆเลย ถึงเวลาออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองมาเล่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทางเดินตามป้ายทางออกไปด้านนอกสนามบินซึ่งสนามบินนั้นมีขนาดไม่ใหญ่มากนักเท่ากับสนามบินที่ต่างจังหวัดบ้านเรา เดินออกไปด้านนอกหาเคาน์เตอร์ที่มีชื่อที่พักของเราเพื่อรอเรือที่จะมารับเราไปส่งยังเกาะสวรรค์ที่เราจองไว้ เครื่องจะลงแล้ว นั่งเรือไปประมาณ 45 นาทีก็จะถึงที่พักของเรา น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ถึงที่หมายด้วยความปลอดภัย ทำให้เราได้พบว่า ความงามที่ไม่สามารถบรรยายได้ จนกว่าคุณจะมาเห็นด้วยตาตัวเอง มันเป็นแบบนี้นี่เอง ระหว่างรอเช็คอินเรามีเวลามองสำรวจรอบ ๆช่างเงียบสงบดีเหลือเกินมีความเป็นส่วนตัวเหมาะกับการมาพักผ่อนอย่างยิ่งเช็คอินเสร็จเดินไปที่ห้องพักที่เป็นทางเดินสะพานไม้ลาดยาวไปยังห้องพักที่อยู่กลางน้ำของเรา นี่เราไม่ได้ฝันไปจริง ๆใช่ไหมฉันมายืนอยู่ตรงนี้แล้วจริง ๆ น้ำใสมามองเห็นปลาฉลามหูดำตัวเล็ก ๆ ปลากระเบน ปลานกแก้ว และอีกหลายตัวที่เราเองก็ไม่รู้ชื่อ ว่ายอยุ่ในน้ำมองแล้วสุขใจยิ่งนัก เปลี่ยนชุดถ่ายรูปเดินสำรวจรอบเกาะ ซึ่งเป็นเกาะที่มีขนาดไม่ได้ใหญ่มากนักสามารถเดินเที่ยวรอบเกาะได้โดยใช้เวลาเพียง 20 นาทีก็รอบเกาะแล้ว ถึงจะเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่กลางทะเลแต่บนเกาะแห่งนี้ก็ยังเต็มไปด้วยต้นไม้และนกอีกหลายร้อยตัวซึ่งเหมาะแก่การมาพักผ่อนยิ่งนัก ระหว่างทางเดินไปที่พักของเรา ที่พักของเราด้านหลังสามารถลงเล่นน้ำได้เลย เดินเล่นรอบเกาะ เล่นน้ำจนชื่นใจถึงเวลาอาหารเย็น ตื่นนอนตอนเช้าออกไปรับพลังดี ๆ จากดวงอาทิตย์ และไปเล่นน้ำตอนเช้ากับน้องยูนิคอร์น พวกเราใช้เวลาบนเกาะส่วนตัวไปสองวันสองจากนั้นก็ได้เวลากลับสู่เกาะหลักที่มีผู้คนพื้นเมืองอาศัยอยู่ ซึ่งเราจะไปดูวิถีชีวิตผู้คนเขาอยู่เขากินกันอย่างไร แน่นอนเป็นประเทศที่เป็นเกาะอาหารการกินก็หนีไม้พ้นอาหารทะเล เราชอบมากโดยเฉพาะทูน่าสด แต่เนื่องด้วยผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามจึงไม่นิยมกินสดกัน และส่วนมากเราจะเจอแต่ผู้ชายที่ออกมาทำงานนอกบ้าน ทำให้เรานั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะเป็นจุดเด่นคือรู้เลยว่านักท่องเที่ยวต่างชาติแน่ ๆ ซึ่งเป้าหมายของเราบนเกาะมาเล่นี้คือเราจะไปดูตลาดผักผลไม้และตลาดปลากัน ปลาสด ๆ ที่มาจากเรือและผักผลไม้หลากสีสันซึ่งการเดินทางเราใช้บริการ Shuttle Bus เข้าในเมืองตกคนละสามสิบบาทเอากระเป๋าไปเก็บที่พักและนั่งเรือข้ามไปเกาะข้างๆเพื่อสำรวจตลาด ซื้อตั๋วแล้วก็นั่งเรือไป10 นาทีเดินไปอีกนิดก็จะเจอตลาด ที่ชอบมากที่สุดคือตรงนี้เลย " ตลาดปลา " ปลาตัวใหญ่ ๆ เราเองเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวทุกครั้งที่มีเวลาและโอกาสได้เดินทางไปต่างบ้านต่างเมืองจะต้องหาโอกาสไปเดินตลาดท้องถิ่นทุกครั้งไป นอกจากไปท่องเที่ยวดูสิ่งสวยงามแล้วการที่ได้ไปดูวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราชื่นชอบมากเช่นกัน ไปเถอะค่ะออกเดินทางสักครั้งแล้วคุณจะรู้ว่าเรามันก็แค่สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ บนโลกใบนี้ สวัสดีแล้วเราจะกลับมาอีกครั้ง ภาพ: ผู้เขียน