ผาหินกูบ พิชิตหลังช้างอันสูงใหญ่แล้วคุณจะหลงรักเขา การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นด้วยเวลาอันน้อยนิด แต่มีความต้องการอย่างยิ่งที่จะไปหาเขา ไปเดินป่าให้หัวใจได้เต้นแรงอีกครั้ง จึงได้เลือกผาหินกูบเป็นเป้าหมาย ซึ่งผาหินกูบนั้นอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาสอยดาว ตำบลฉมัน อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี เส้นทางการเดินป่ามีระยะทางประมาณ 6.5 กม. พร้อมไปผจญภัยกันมั้ยคะ ลุย!!! เราเดินทางกันตั้งแต่เช้าวันศุกร์ จากจังหวัดชุมพร มุ่งหน้าไปตาม GPS เข้าสู่จังหวัดจันทบุรี เพื่อพิชิตยอดผาหินกูบ เมื่อเราไปถึงซึ่งเวลาที่เราถึงนั้นราว ๆ 23.00 น. ช่วงเวลานั้นช่างมืดสนิท และไม่ได้จองห้องพักใด ๆ ไว้เลย นอกจากติดต่อเจ้าหน้าที่ขอนอนที่หน่วย 1 คืน และผลปรากฎว่าเราได้ที่พักที่หน่วยค่ะ แต่มีข้อแม้นะ แนะนำว่าถ้ามากันเองและมีเฉพาะผู้หญิงอย่าพักที่หน่วยนะคะ มันไม่ปลอดภัยในหลาย ๆ อย่าง แต่เรามากัน 5 คน และมีเพื่อนชายอยู่ในทริป 2 คน เราเลยตัดสินใจเดินหน้าต่อ และหาที่นอนนอนที่หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพลในคืนแรกนั้น เช้าวัดถัดมาเตรียมพร้อมเต็มที่ เช็คอุปกรณ์ สัมภาระ เพื่อมุ่งหน้าพิชิตผาหินกูบในเช้าตรู่วันเสาร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่นัดเวลาเดินขึ้นเวลา 08.30 น. แต่ด้วยมีนักท่องเที่ยวเยอะในวันนี้จึงเลื่อนเวลาเป็นช่วง 09.00 น. (ผาหินกูบเปิดให้ขึ้นไปพิชิตเฉพาะช่วงวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น แต่เปิดตลอดปี) และอีกเรื่องที่จะลืมบอกไม่ได้ คือด้านบนมีพื้นที่น้อย การกางเต็นท์จึงไม่สะดวกเท่าที่ควร ดังนั้นควรเตรียมเปล และเผื่อใจไปนอนปลาทูไว้ด้วยนะคะ ช่วงแรกของการเดินเรียกว่าง่ายมากค่ะ ไม่ชันเลย ทางสะดวกสบายค่อนข้างราบเรียบซะด้วยซ้ำ ดังนั้นช่วงประมาณ 4 กิโลเมตรแรกเป็นช่วงที่เดินทำเวลาได้ดีมากทีเดียว มีสิ่งเดียวที่ควรระมัดระวังวังคือทากน้อย ๆ ของเราที่เยอะและดุพอสมควร ดังนั้นควรเตรียมอุปกรณ์กันทากให้พร้อม ถ้าคุณไม่พร้อมจะบริจาคเลือด อีกอย่างที่ต้องระมัดระวัง คือ น้องหมา กับช้างป่าค่ะ ช้างป่าจะมีช่วงเวลาออกหาอาหาร แต่เรามีพี่เจ้าหน้าที่นำเปิดทางไปก่อน ดังนั้นจึงไม่น่ากลัว แต่กลับเป็นว่าน้องหมาน่ากลัวกว่า เพราะจะมีหมาจรที่ใช้ป่าหินกูบเป็นบ้าน ใครที่ไม่มีทีมเดินและเดินคนเดียวมีโอกาสเจอน้องหมาเข้าหาได้ง่ายมาก ทีมเราเจอพี่ผู้หญิงหนึ่งคนที่เดินคนเดียว แล้วก็ได้ยินเสียงหมาหลาย ๆ ตัวเห่าตลอดทาง จึงพบว่าน้องหมาไม่ต่ำกว่า 7 ตัว คอยวิ่งตามพี่เขาและเห่าไม่หยุด จนเราไปรวมทีมกับพี่เขาหมาจรกลุ่มนี้ก็จะค่อย ๆ ถอยไปเอง ตลอดทางเดินเราจะเจอสมาชิกของป่าตัวน้อย ๆ เต็มไปหมด และจะสัมผัสได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ ความสวยงาม ความเหนื่อยที่มีจากการเดิน ไม่ได้ทำให้ร่างกายเรารู้สึกเหนื่อยเลย เพราะมันสดชื่นต่อใจมากจริง ๆ มันถูกแปรเปลี่ยนเป็นความสนุกหมดแล้ว เมื่อเดินไปจนเจอหินแปดเหลี่ยม นั้นหมายความว่าคุณมาครึ่งทางแล้ว ไม่ได้หมายถึงระยะทางนะ แต่หมายถึงว่าหลังจากหินแปดเหลี่ยมไป โปรดเตรียมน้ำ เตรียมขาของคุณให้พร้อม เส้นทางหลังจากนี้จะพาคุณไปสู่ความชัน และชันขึ้นเรื่อย ๆ ถ้ามาถึงจุดนี้หมายความว่าอีกนิดเดียวเท่านั้นคุณก็จะได้เป็นผู้พิชิตผาหินกูบแล้ว นอกจากโค้งสุดท้ายของการเดินจะวัดกำลังขาแล้ว ยังวัดไหวพริบนิดหน่อย เพราะไม่รู้เลยว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา ตรงนี้จะมีทางที่ไม่ชัดเจนแต่ไม่น่ากลัวนะคะ แค่จะยืนงง ๆ กันสักพักเท่านั้น สุดท้ายเราก็เป็นผุ้พิชิตผาหินกูบ สำเร็จแล้ว!!! การเดินในครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง เราออกเดินเวลา 09.30 น. ถึงยอดเวลาประมาณ 13.40 น. ถึงแล้วก็หาที่นอน ทำเลดี ๆ เพราะทีมเราเลือกนอนปลาทูกันที่เพิงหิน หลังจากจัดสัมภาระเรียบร้อย ก็ทานมื้อเที่ยงบนยอดเขา ที่มีลมแรงมากกับอากาศ ณ เวลานั้นอยู่ที่ 19 องศา อยากจะบอกว่าหายเหนื่อยไปเลยค่ะ จุดนี้สวยมาก ควรเป็นจุดที่ต้องขึ้นไปถ่ายรูปนอกเหนือจากจุดไฮไลต์ตรงผาหินกูบ แต่ตรงจุดนี้ต้องปีนต้นไม้ ไต่เชือก และเดินบนสันเขานิดนึงค่ะ แนะนำว่าควรไปกับพี่เจ้าหน้าที่จะดีที่สุด ตะลอนหาที่ถ่ายรูป นั่งชมบรรยากาศ สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ตกเย็นก่อกองไฟ ฟังเสียงสายลม นกน้อยและเหล่าป่าไม้ พูดคุยกันสนุกในทีม นี่ช่างเป็นเวลาที่ดีที่สุดของการพักผ่อนที่เคยมีมา ขอบคุณผาหินกูบแห่งนี้ที่ทำให้เราได้ประสบการณ์แปลกใหม่ และมิตรภาพใหม่ ๆ ระหว่างการเดินป่าในครั้งนี้ เช้าวันอาทิตย์ต้องตื่นเช้ากันมาก ๆ เพราะด้วยอากาศที่หนาวจัดและลมที่แรง ทำให้ต้องรีบตื่นมาผิงไฟ หาอะไรอุ่น ๆ ทานและก็ได้เวลาไปดักรอพระอาทิตย์กัน แอบเสียดายอย่างเดียวที่วันนี้เมฆหมอกไม่เป็นใจเท่าที่ควร แต่แค่นี้ก็ดีมากแล้ว : ) ขอลาไปก่อนกับทริปผาหินกูบ ไว้มีโอกาสคงได้กลับมาอีกครั้ง และก็คงมีเวลามาเขียนถึงเขาลูกอื่นให้ฟังอีกในโอกาสต่อไปนะคะ ค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้เพียง 1,500 บาทเท่านั้น ค่านำทางเจ้าหน้าที่ 300 บาท, ค่าเดินทาง (เราขับรถกันไปเอง 5 คน จากชุมพรถึงจันทบุรี ไปกลับ) ตกเฉลี่ยคนละ 500 บาท, ค่าอาหาร 500 บาท, และอื่น ๆ เช่น ยากันยุง กันทาก ของใช้ที่จำเป็น 200 บาท " จงออกเดินทางในวันที่ขายังมีแรงไปเดิน ไม่ใช่เพียงมีแรงลุกขึ้นไปเยี่ยว " สวัสดีค่ะ :)