รู้หรือไม่? เราสามารถไปต่างประเทศโดยไม่ต้องนั่งเครื่องบินได้ด้วยนะ วันนี้เราจะพาไปเที่ยวประเทศเวียดนามทางบกกัน วิธีนี้ต้องขอบอกเลยว่าเหมาะกับผู้ที่มีเวลา และชอบดื่มด่ำกับการเดินทางที่แท้จริง ถ้าพร้อมแล้วจะค้นพบการเดินทางที่ดีต่อความทรงจำสุด ๆ ไปเลย 00 การเตรียมตัวก่อนเดินทาง พาสปอร์ต สำหรับคนไทยที่ถือพาสปอร์ตได้รับยกเว้นวีซ่าเวียดนามโดยให้พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน ดังนั้นแล้วถ้าไปไม่เกิน 30 วันไม่ต้องขอวีซ่าจ้า กระเป๋าเดินทางที่ทำให้การเดินทางคล่องตัว เช่น กระเป๋าเป้ กระเป๋าเล็ก ๆ ไว้ใส่เงินและเอกสารสำคัญ ข้อนี้สำคัญมากจริง ๆ เพราะเราต้องขึ้นลง รถบ่อยมากที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง การมีกระเป๋าที่พกติดตัวได้จะทำให้เราสะดวกมากยิ่งขึ้น ผ้าปิดปากหรือหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันฝุ่นและเชื้อโรค การเดินทางที่ยาวนานย่อมมีความเสี่ยงสูงพกไว้อุ่นใจกว่านะ เวลาไทยเท่ากับประเทศเวียดนาม ไม่มีปัญหาความสับสนเรื่องเวลาแน่นอน 01 เดินทางออกจากไทย ภาพถ่ายโดย ผู้เขียน จุดหมายปลายทางของเราคือชายแดนประเทศไทยจังหวัด หนองคาย เราสามารถเดินทางได้ด้วยรถทัวร์ หรือรถไฟ แต่ครั้งนี้เราเลือกเดินทางด้วยรถไฟ โดยออกจากสถานีหัวลำโพงเวลา 20.05 น. ถึงสถานที่ปลายทาง 04.00 น. เมื่อถึงสถานีหนองคายแล้วต้องออกเดินทางต่อ เราต้องนั่งรถสามล้อไปที่ขึ้นรถที่สถานีขนส่ง จากนั้นนั่งรถบัสเพื่อไปสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 02 สะพานมิตรภาพไทย-ลาว สู่เวียงจันทน์ ประเทศลาว ภาพถ่ายโดย ผู้เขียน เมื่อเรานั่งรถบัสมาแล้วเราต้องลงที่ด่านไทยเพื่อปั๊มพาสปอร์ตขาออก ตอนนี้ก็เตรียมเอกสารที่จำเป็นใส่กระเป๋าที่พกติดตัวง่าย ๆ ได้เลย แล้วนั่งรถต่อไปอีก 10 นาทีก็ต้องลงที่ด่านลาวเพื่อปั๊มพาสปอร์ตขาเข้า ที่ด่านลาวต้องเขียนใบตม. แล้วจ่ายค่าธรรมเนียม 5 บาท หลังจากนั้นก็ให้เจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋า ยินดีต้อนรับสู่ประเทศลาว เราต้องแบกกระเป๋าไปจองตั๋วเพื่อนั่งรถนอน 24 ชั่วโมงข้ามพรมแดนลาวไปเวียดนามกัน ค่ารถประมาณ 900 บาท เราเลือกเดินทางตอน 17.00 น. ดังนั้นมีเวลาที่จะท่องเที่ยวในลาวกันก่อน ด้วยรถโดยสารประจำทาง ค่าโดยสารอยู่ที่ 12 บาท ที่ลาวสามารถใช้เงินไทยได้นะ แต่เพื่อความสะดวกไปแลกเงินกีบที่ธนาคารก่อนดีกว่า ที่เที่ยวที่เราจะพาไปกันคือประตูชัยนั่นเอง เราสามารถซื้อบัตรไปดูด้านบนได้ ถ้าหิวก็ลงมากินก๋วยเตี๋ยวที่คล้ายเฝอเพื่อเตรียมท้องก่อนไปเวียดนามก็ได้ ภาพถ่ายโดย ผู้เขียน 03 นั่งรถนอนยาว ๆ 24 ชม. ไปฮานอย-เวียดนาม Photo by Marc Hastenteufel on Unsplash ได้เวลาขึ้นบนรถกันแล้ว โดยรถโดยสารคันนี้เป็นรถนอน VIP ทุกที่นั่ง เราจะต้องนอนแบบนี้ 24 ชั่วโมงเลย ก่อนขึ้นรถเราจะต้องถอดรองเท้าใส่ถุงพลาสติกที่คนขับรถเตรียมไว้ เพราะกลัวรถสกปรก และก็ได้เวลานอนยาว ๆ โดยรถจะแวะพักตลอดเส้นทาง จนเวลาประมาณ 03.00 น. รถจะจอดที่หน้าด่านประเทศเวียดนาม เพราะด่านจะเปิดตอน 07.00 น. เราก็หลับได้สบายเลย ข้อแนะนำที่สำคัญ ควรมีเสื้อกันหนาวติดไว้เพราะอากาศเย็นมาก เมื่อถึงเวลาด่านเปิดแล้วก็เตรียมตัวและเอกสารที่สำคัญเพื่อปั๊มพาสปอร์ตที่ตม. ได้เลย ส่วนกระเป๋าเดินทางคนขับรถจะจัดการให้เหล่าทหารหน้าด่านเป็นคนตรวจสอบ หลังจากเดินเอกสารเสร็จก็ต้องหารถที่เรานั่งมาให้เจอ เพราะมีรถหลายคันมาก ๆ จอดเรียงรายกัน แนะนำให้จอดทะเบียนรถไว้เลยซึ่งวันนั้นเราไม่รู้ว่ารถจะไปจอดที่หน้าด่าน โชคดีที่พี่คนขับรถคันอื่น ๆ ช่วยหารถเจอ ไม่งั้นตกรถพร้อมกระเป๋าแน่นอน หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาก็ต้องนอนเล่น ๆ หลับบ้าง อ่านหนังสือที่เตรียมมาบ้างเพื่อรอเวลาให้ถึงจุดหมายเวลา 17.00 น. ซึ่งเวลาที่ถึงจริง ๆ ก็ 19.00 น. เนื่องจากรถติดมาก การเดินทางแบบนี้ทำให้เราเรียนรู้หลาย ๆ อย่างทั้งความตื่นเต้นจากวิวข้างทาง ที่สวยมาก สวยที่สุดที่เคยเห็นมาก่อน เราสามารถเที่ยวได้หลายที่ มิตรภาพดี ๆ จากผู้ร่วมเดินทางที่การเดินทางแบบเครื่องบินไม่สาารถสัมผัสได้ และอุปสรรคต่าง ๆ ที่มีตลอดการเดินทาง ที่ทำให้เราไม่หยุดนิ่ง ต้องคิดวิธีแก้ปัญหาตลอดเวลา นี่แหละเสน่ห์ของการเดินทางด้วยรถสาธารณะทางบกที่ต้องออกมาค้นพบถึงจะเข้าใจ