"วังสวนบ้านแก้ว" หรือ "พระตำหนักวังสวนบ้านแก้ว" ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 ปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์และเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ศึกษาเรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ของประเทศไทยวันที่ 20 ธันวาคม ของทุกปีจะเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏรําไพพรรณี จะมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงวัฒนธรรรมสายสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา การแสดงโขน ชิมอาหารพื้นถิ่นจันทบูร และชมหุ่นฟางยักษ์ หนึ่งเดียวในจันทร์ ใกล้ถึงวันจัดงานทางมหาวิทยาลัยราชภัฏรําไพพรรณีได้เปิดให้เข้าชมฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผู้เขียนจึงได้มีโอกาสได้เดินทางไปชมความงดงามของ "วังสวนบ้านแก้ว" แห่งนี้ก่อนอื่น สำหรับท่านที่เดินทางมาโดยรถยนต์สามารถนำรถยนต์ไปจอดในมหาวิทยาลัยราชภัฏรําไพพรรณีได้มีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอเมื่อเดินทางเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏรําไพพรรณี จะพบสนามกอฟล์เป็นจุดแรก ซึ่งเป็นสนามที่สวยงามมาก ถ้าเดินทางมาครั้งแรกคงละสายตาไปจากสนามนี้ไม่ได้เลยเมื่อถึงแล้วจะพบแผนผังวังสวนบ้านแก้ว บอกสถานที่ต่าง ๆ ภายใน "วังสวนบ้านแก้ว"นั้นมีสถานที่อะไรบ้าง ซึ่งจุดที่แผนผังอยู่จะเป็นจุดจอดรถยนต์ จะอยู่ระหว่างศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว “วังสวนบ้านแก้ว”สำหรับจุดแรกที่จะเดินทางเข้าชม คือ อุทยานการเรียนรู้วังสวนบ้านแก้ว ระหว่างเดินทางเข้าจะพบกระต่ายหมายจันท์ กระต่ายประชาสัมพันธ์ประจำจังหวัดจันทบุรี ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมถ่ายภาพได้ระหว่างที่ผู้เขียนกำลังถ่ายภาพร่วมกับกระต่ายหมายจันท์อยู่ ก็พบว่ามีรถให้บริการนำเที่ยวพาชมรอบ ๆ "วังสวนบ้านแก้ว" ด้วยจุดที่สองขอเริ่มจากชมหุ่นฟางยักษ์ก่อนหุ่นฟางยักษ์ตัวที่ 1 "หุ่นฟางคลอลี่ collie สุนัขทรงเลี้ยง"รายละเอียดของหุ่นฟาง"สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชีนีในรัชกาลที่ 7 โปรดสุนัขมาก ทรงเลี้ยงไว้ถึง 12 ตัว ทรงเลี้ยงไว้อย่างใกล้ชิด และติดตามพระองค์ไปทุกหนทุกแห่งในวังสวนบ้านแก้ว ตัวที่โปรดที่สุดมีชื่อว่า เจ้าแล็ชชี่ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด"หุ่นฟางยักษ์ตัวที่ ตัวที่ 2 "ไก่สมเด็จฯ ทรงเลี้ยง"รายละเอียดของหุ่นฟาง"สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ ให้สั่งไก่พันธุ์ไข่จากต่างประเทศหลายพันธุ์ จำนวนประมาณ 2,000 ตัว ทรงเลี้ยงที่สวนบ้านแก้วและยังทรงเลี้ยงไก่พันธุ์จากต่างประเทศ เป็ดปักกิ่ง ห่าน เป็นต้น เพื่อนำผลผลิตมาแจกจ่ายและนำไปขายนำเงินมาบริหารจัดการที่สวนบ้านแก้ว"หุ่นฟางยักษ์ตัวที่ ตัวที่ 3 "ตราสัญลักษณ์ คนหาบกระจาด"รายละเอียดของหุ่นฟาง"สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ทรงออกแบบผลิตภัณฑ์เสื่อสวนบ้านแก้ว โดยทรงใช้เครื่องหมายการค้าเป็นรูปคนหาบกระจาด มีตัวอักษรย่อว่า “S.B.K. ส.บ.ก. อุตสาหกรรมชาวบ้าน the peasant industries, RAMBHAI PANA LTD.” สื่อให้เห็นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชนชาวบ้านโดยแท้จริง"หุ่นฟางยักษ์ก่อน ตัวที่ 4 "กระเป๋าเสื่อสมเด็จฯ"รายละเอียดของหุ่นฟาง"สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ได้ทรงพัฒนาหัตถกรรมพื้นบ้าน การทอเสื่อกกให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์จากเสื่อหลายประเภท นำร่องให้ผู้อื่นได้เลียนแบบ ทรงเอาพระทัยใส่ทุกขั้นตอนการผลิตที่สวนบ้านแก้ว จึงออกมาเป็น ผลิตภัณฑ์เสื่อกกที่สวยงาม อาทิเช่น กระเป๋าเสื่อ ที่รองจาน ที่รองแก้ว และอื่นอีกมากมาย"หุ่นฟางยักษ์ก่อน ตัวที่ 5 "รูปมือ"รายละเอียดของหุ่นฟาง"สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ทรงมุ่งมั่นความพอเพียงมีกินมีใช้ “สวนบ้านแก้ว” ฟาร์มสวนส่วนพระองค์ที่จังหวัดจันทบุรี ไม่ได้ทรงเบียดเบียนราษฏรสิ่งใดที่ปลูกหรือเลี้ยงได้ผลดีคนงานจะได้มีความรู้มีทักษะติดตัวไปประกอบอาชีพส่วนคนต่อไปทรงพัฒนา ต่อยอดในงานต่างๆ จนประสบความสำเร็จ ทรงเปรียบไปด้วยพระเมตตาอารีดังมือที่คอยโอบอุ่มและช่วยเหลือประชาชนชาวจังหวัดจันทบุรี ตลอดมา"นอกจากหุ่นฟางยักษ์แล้ว ยังมีเรือนต่าง ๆ ใน "วังสวนบ้านแก้ว" ซึ่งเป็นสถานที่ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมและศึกษาเรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เช่น เรือนเขียว เรือนเทา และเรือนแดง ถัดมาจะเป็นพระตำหนักเทา ซึ่งปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าศึกษาเรียนรู้ถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 และของใช้ส่วนพระองค์ ที่นำมาจัดแสดงเพื่อให้ประชาชนระลึกถึงพระราชจริยวัตรในพระองค์ท่าน โดยจัดเป็นห้องนิทรรศการต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเมื่อเที่ยวชม "วังสวนบ้านแก้ว" จนเหนื่อยแล้วอยากจะพักหาอะไรรับประทาน ที่ "วังสวนบ้านแก้ว" มีศูนย์ศิลปาชีพและของที่ระลึก ซึ่งมีสินค้าให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อมากมาย อาทิ เช่น อาหารท้องถิ่นของจังหวัดจันทบุรี กระเป๋าที่ทำมาจากเสื่อกก ยาสมุนไพรรักษาโรค และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมายสำหรับการเดินทางมา "วังสวนบ้านแก้ว" ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ระยะทางห่างจากอำเภอเมือง ประมาณ 10 กิโลเมตร"วังสวนบ้านแก้ว" เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน