บทความนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การขอวีซ่าเชงเก้น อิตาลี ซึ่งผมไม่ได้ทำงานประจำและไม่มีธุรกิจส่วนตัวใดๆ แต่ก็สามารถขอวีซ่าผ่านได้จะมีวิธีเตรียมตัวยังไงติดตามได้จากบทความนี้เลยครับ ขั้นตอนแรกคือเราต้องนัดวันทำวีซ่าก่อนเลย โดยผมแนะนำให้นัดก่อนวันที่ตั้งใจมาทำสัก 1 เดือน ที่ https://visa.vfsglobal.com/tha/th/nor/book-an-appointment ซึ่งผมมีนัดวันที่ 17 มกราคม แต่ก็ทำเรื่องตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม ถ้ากระชั้นชิดจะเสี่ยงคิวเต็มครับ เมื่อเราได้วันนัดแล้วเราก็ไปที่สำนักงาน VFS ตามวันและเวลาที่เรานัดเลยครับ โดย VFS อิตาลี จะอยู่ที่อาคารออลซีซันเพลส ชั้น 3 สามารถเดินเท้าจาก BTS เพลินจิต ได้สบายครับ มาในส่วนขั้นตอนของเอกสารที่เตรียมตัวมายื่น โดยผมจะแบ่งเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ 1.เอกสารใบนัด (รูปภาพด้านบน) และ แบบฟอร์มการสมัครวีซ่าเชงเก้น ซึ่งโหลดได้จากเว็ปไซต์ที่เรานัดเลย 2.พาสปอร์ตเล่มจริง อันนี้ห้ามลืมครับ เมื่อวีซ่าผ่านจะได้ติดไว้ในเล่มของเรา พร้อมถ่ายเอกสารกันเหนียวไว้สองชุดครับ 3.รูปถ่าย ซึ่งผมเลือกไปถ่ายรูปที่ร้าน Big Camera บอกเจ้าหน้าที่ว่าถ่ายรูปทำวีซ่าเชงเก้น ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงได้รูปมาเลย 1 โหล 4.ตั๋วเครื่องบิน ซึ่งปริ้นท์มาเลยในรูปแบบภาษาอังกฤษ ผมมั่นใจมากเลยจ่ายเงินก่อนจองเลยครับ 5.แผนการเดินทาง ใช้บริการ Chatgpt ได้เลย เพียงแค่ใส่ชื่อเมือง ระบบประมวลมาให้ เราก็มาปรับในแบบของเราครับ แต่พยายามใส่ชื่อเมืองจากแผยที่ใน Google Map ให้เป็นไปได้ ไม่วกไปวนมา เพราะจะทำให้เอกสารไม่น่าเชื่อถือและอาจส่งผลให้วีซ่าไม่ผ่านได้ครับ 6.การจองที่พัก ผมเลือกจองโรงแรมแบบยกเลิกได้ เพื่อที่จะทำให้โปรแกรมตอนเราไปหน้างานจริงๆ สามารถยืดหยุ่นได้ แต่ต้องระวังอย่าเปลี่ยนโรงแรมในช่วงที่รอผลวีซ่าหลังยื่น หรือเผลอยกเลิกโรงแรมก่อนไปยื่น แต่เราส่งเอกสารโรงแรมที่เรายกเลิกแล้วลงไป เพราะอาจส่งผลให้วีซ่าไม่ผ่านได้ครับ 7.เอกสารหน้าที่การงาน ส่วนนี้ผมคิดว่าสำคัญมากๆ ผมได้ยื่นเอกสารเป็นหลักฐานโปรไฟล์การเขียนทรูไอดีอินเทรนด์ของผม และ ผลงานที่มียอดวิวเยอะๆ โดยแปลเป็นภาษาอังกฤษ และ อีกอาชีพเสริมของผมที่เป็นยอดค่าคอมมิชชันจากบริษัทวางแผนการเงินแห่งหนึ่ง รวมถึงธุรกิจของครอบครัว ซึ่งเป็นชื่อมารดา ผมได้นำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ แล้วไปขอสำเนาบัตรประชาชนของผมเป็นภาษาอังกฤษที่อำเภอ เพื่อที่จะแสดงว่าชื่อเจ้าของธุรกิจเป็นชื่อแม่ของเราครับ 8.Statement ธนาคาร สามารถไปขอได้เลยที่ธนาคารที่เรามีเงินฝากเยอะสุดเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งสำหรับผมบอกเลยว่ามีเงินฝากเพียงห้าหลักเท่านั้น แต่ตามหลักควรมีหกหลักหรืออย่างน้อยที่สุดวันละ 100 ยูโร คูณจำนวนวันในทริปของเรา 9.Bank Guarantees สามารถไปขอพร้อม Statement ได้เลย โดยขอเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมมีลายเซ็นต์ที่ใช้ปากกาของคนที่ออกให้เราครับ หลังจากนั้นเราก็พร้อมยื่นที่ศูนย์ได้เลย โดยทุกขั้นตอนใช้เวลาเพียงไม่เกิน 30 นาที ตั้งแต่การยื่นใบสมัครไปจนถึงการจ่ายเงินค่าสมัครและเขียนที่อยู่สำหรับส่งเล่มคืนเสร็จสิ้น สำหรับราคาค่าวีซ่าอิตาลี คนละ 4,045 บาท สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตได้ครับ ซึ่งจ่ายเงินแค่นี้ก็พร้อมได้เล่มคืนแบบมาส่งที่บ้านเลย โดยเราจะได้ใบเสร็จที่มีรหัสสำหรับการติดตามพัสดุในการส่งเล่มคืนไว้ที่ตัวเราครับ ซึ่งผมได้ยื่นวีซ่าในวันศุกร์ที่ 17 มกราคม ในเช้าวันจันทร์ 20 มกราคม วันแรกของการทำการ ก็มีข้อความขึ้นประมาณว่าเล่มวีซ่าของผมถูกส่งไปพิจารณาที่สถานทูตแล้วครับ หลังจากนั้นวันอังคาร 21 มกราคม เวลา 19.20 น. ตรงกับวันทำการวันที่สอง ก็มีข้อความขึ้นมาว่าทางสถานทูตได้ส่งเล่มคืนมาที่สำนักงาน VFS เรียบร้อยครับ ในที่สุดวันพุธ 22 มกราคม ช่วงเที่ยงเล่มก็มาส่งที่บ้าน เปิดมาก็ได้รับวีซ่าเรียบร้อยเป็นแบบมัลติ 16 วัน ตามประสาคนเคยขอครั้งแรก ทำให้สามารถเดินทางในประเทศสหภาพยุโรปได้ทุกประเทศครับ ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ขอวีซ่าอิตาลี ฉบับทำงานฟรีแลนซ์ ไม่มีธุรกิจส่วนตัว เงินในบัญชีห้าหลัก หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่กำลังจะไปขอวีซ่าอิตาลี รวมถึงวีซ่าเชงเก้นประเทศอื่นๆ ด้วยครับ ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !