ท่องเที่ยว ประเทศจีน ไปครั้งเดียวก็ติดใจ รอบนี้เราไปท่องเที่ยวที่ ฉงชิ่ง เมืองที่มีประชากรที่เยอะที่สุดในประเทศจีน จุดเด่นของ ฉงชิ่งคือ ความประสมประสานระหว่าง ความทันสมัยของเมืองใหญ่ อยู่ท่ามกลางขุนเขา ห่างออกจากตัวเมืองไป มีอุทยานแห่งชาติระดับ 5A ที่ไปเช้าเย็นกลับได้ และยังมีโอกาสได้แตะหิมะในฤดูหนาวบนยอดเขา ซึ่งสิ่งเหล่านี้หาไม่ได้ในเมืองไทย นอกจากนี้ โรงแรมที่พัก และ ตั๋วเครื่องบินไปยังเมืองฉงชิ่ง ยังมีราคาที่จับต้องได้ เหมือนเที่ยวภายในประเทศ แต่สำหรับเพื่อนๆที่ไม่เคยไปเที่ยวจีนอาจจะกังวลบ้าง บทความนี้มีความตั้งใจจะใส่ เกร็ดเล็กๆน้อยๆ เล่าเรื่องให้เห็นว่า การเที่ยวฉงชิ่ง ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด และหวังว่าจะช่วยให้เพื่อนๆ สามารถวางแผนท่องเที่ยวฉงชิ่งได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าจะให้แนะนำ อาจจะลองไปเซี่ยงไฮ้ก่อนก็ได้ครับ เที่ยวง่ายกว่าฉงชิ่งในความคิดผม เกริ่นนำให้อ่านเพลินๆไม่เกี่ยวกับแผน เริ่มต้นกับการจองโรงแรมจะตั๋วเครื่องบิน เนื่องอยากจะลองทำ review แรกหลังจากไปท่องเที่ยวเผื่อจะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่จะตามรอย ขอเริ่มเล่าที่มาที่ไปและวิธีการจองครับ ทริปนี้เป็นทริปไฟไหม้ ผมเห็นมีแต่คนไปต่างประเทศช่วงปีใหม่แล้ววันลาพักร้อนเหลือ ผมก็เริ่มจะอยู่เฉยๆไม่ไหว เลยมือซนไปกด Trip.com ได้ราคามาไม่แพงก็โทรชวนเพื่อน ห้านาทีจองเสร็จเนื่องจาก มีข้อมูลเพื่อนตอนสมัยไปเซี่ยงไฮ้ด้วยกันอยู่ในระบบอยู่แล้ว ไม่ต้องมานั่งกรอกข้อมูลใหม่ เอาจริงๆรอบนี้ใช้ Trip.com จองหลายอย่าง แล้วก็รู้สึกว่า ประสบการณ์ในการใช้งานดีเลย นอกจากจะแสดงการจองแล้ว ยังมี ข้อมูลให้ดูชัดเจนเวลาเราจองบริการรับที่สนามบิน ว่าใครจะมารับเรา แล้วยังมี chat ที่ช่วยแปลภาษาให้เราคุยได้ง่าย ไม่ต้องมาผ่าน We chat ข้างนอกให้ยุ่งยาก อีกเรื่องที่ประทับใจคือเวลาเราจองเครื่องบิน เราสามารถ check สถานะ เครื่องบินเรา flight ก่อนหน้าที่จะบินมารับเรา ว่าตอนนี้อยู่ไหนขึ้นจากสนามบินต้นทางมาหรือยัง จะ delay ไหม ไม่ต้องมานั่งรอดูว่าเครื่องเรามา gate หรือยังนะจะ delay ไหมนะ ปกติผมก็ชอบใช้ app ส่องเครื่องบิน flight ก่อนที่จะมารับเราอยู่แล้ว แต่นี่แสดงอยู่ใน app เลย ตรงใจผู้ใช้จริงๆ อ่านถึงตรงนี้อันนี้ไม่ได้มี sponsor แต่อย่างไร แต่ใช้แล้วรู้สึกได้ว่า ออกแบบ User experience มาดี ในฐานะทำงานด้าน IT ก็จะสนใจเรื่องพวกนี้ก็เอามาเล่าสู่กันฟัง รอบนี้เราจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรม 4 คืน เราได้ราคามาที่คนละ 11,917.5 บาท ผมเข้าใจว่า ราคาควรจะดีกว่านี้ แต่เนื่องจากเราจองช้าและเป็นช่วงปีใหม่ อาจจะทำให้ราคาไม่ได้ต่ำมากนัก แต่ถือว่า ราคาดีอยู่ดีครับ (รูปด้านล่างราคาสี่คน) ทริปนี้จองก่อนเวลาเดินทาง สองสัปดาห์ เดินทางคืนวันที่ 25 ธันวาคม - 29 ธันวาคน 2024 สายการบินก็เน้นถูก search อะไรได้ ก็เอาตามนั้น เนื่องจาก ฉงชิ่ง ใช้เวลาแค่สามชั่วโมงกว่าแล้วไม่แพง ก็เลยเลือกที่เป็น direct flight สรุปได้ขาไป Sichuan Airline ขากลับได้ Air asia พร้อมโหลดกระเป๋า รอบนี้ไม่ได้มีเวลาวางแผนอะไร ก็ทำไว้คร่าวๆ สำหรับที่เที่ยว แล้วไปสลับสถานที่เอาที่นั่น แต่ใน review นี้จะพยายามแนะนำ ตามที่ได้ประสบการณ์มา แก๊งที่ไปมี สี่คน สองคู่ พูดภาษาจีนไม่ได้เลย กลับมาได้คำว่า “เซี่ยเซี่ย” (ขอบคุณ) มาคำนึง พวกเราพูดอังกฤษได้เล็กน้อย พูดภาษาไทยได้ชัดเจน เริดเรอ สำเนียงเป๊ะ แต่ไม่มีประโยชน์ใน Trip นี้ Application ที่เราควรลงในมือถือเราให้พร้อม และควรลงทะเบียนจากเมืองไทยให้เรียบร้อย มีดังนี้ Baidu map เหมือน google map แต่ว่า เราต้องแปะ ภาษาจีน แต่ปกติผมจะเปิด Chrome browser บนมือถือ แล้วเข้า https://map.baidu.com แล้วให้ Chrome ช่วย translate ให้อย่างน้อย อ่านเมนูก็ยังรู้เรื่อง Google Translate อย่างน้อยเราก็ยังพอจะเอาตัวรอด ตอนที่เราจำเป็นต้องสื่อสารกับคนจีน Didi ตัวนี้เป็น application เรียกรถเหมือน Grap ปกติ ผมจะเลือกเปิด Didi จาก Alipay ข้อดีคือใส่จุดหมายเป็นภาษาอังกฤษได้ แต่ก็ต้องดูจุดทั้งต้นทางและปลายทางดีๆ ข้อแนะนำ การใช้ Didi คือ พอขึ้นรถ ปกติเค้าจะถามว่า ใช่คนที่เรียกเค้าไหม เราก็แสดงหน้าจอ Didi ที่มี เลขทะเบียนรถเค้าได้เลย เค้าก็มั่นใจ แล้วเราก็อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง Wechat ใน trip นี้ เราจำเป็นต้องใช้เพื่อสื่อสารกับทาง คนขับรถไปที่ อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า เพราะมีระบบแปลภาษาให้ ไม่งั้นแย่เลย Alipay app หลักที่ใช้ในการจ่ายเงินของเรา และใช้ในการ scan QR code เพื่อสั่งอาหารสำหรับบางร้าน Youtrip มีสิ่งที่ผมชอบและไม่ชอบ ผมเลือกผูก Alipay หรือ Wechat กับ Youtrip เพราะว่า เราสามารถผูก Alipay หลาย account ไปที่ Youtrip account เดียว ทำให้เราเห็น รายการ ทั้งหมดได้ง่าย และในกรณีที่เรากลับจาก Trip แล้ว เราสามารถที่จะ locked Youtrip ได้ ทำให้ปลอดภัยไม่มีใครมา ชาร์จตังค์ได้อีก แต่สิ่งที่ไม่ชอบคือ เมื่อจ่ายเกิน 200 หยวน มีค่าธรรมเนียม ซึ่ง เราก็จะเผลอใช้เกินบ่อยๆ มาเริ่มทริป ฉงชิ่งกัน …. บินค่ำๆถึงโรงแรมเที่ยงคืน บินไปกับ Sichuan Airline เป็นยังไง เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจจะกลับมารีวิว จึงไม่ได้ถ่ายรูปในเครื่องมา แต่ว่า ความรู้สึกคือใช้ได้เลย เป็น full service ไม่ delay แต่ว่า รอบที่เราได้ ไปถึงที่ฉงชิ่งเกือบเที่ยงคืน ก็ดึกไปหน่อย แต่เนื่องจาก โรงแรมถูก ก็ไม่ใช่เรื่องที่มีปัญหา อ้อ จาก สุวรรณภูมิ ออกตอน 19:42 ถึง 23.14 นะ บนเครื่อง Flight attendants เสิร์ฟอาหารเครื่องดื่มตลอด ไม่มีพัก อาหารไม่ได้มีให้เลือก แบบสายการบินที่ชอบมาถามว่า “Chicken or Beef or XXX” …. แต่อันนี้ ไม่มีให้เลือก มีข้าวสวย แล้วมีผัดไก่กับผัดหมูอยู่สองข้างรวมๆกันมา แล้วก็มี ขนมปัง พร้อมกับโยเกริตมาให้แยกมาอีกกล่อง ที่เด็ดคือเครื่องดื่มบนเครื่องสำหรับ Economy class มี Wine ขาว Wine แดง ด้วยนะ แต่มีขวดเล็กๆ สองขวด หมดเมื่อไหร่ คนหลังก็อด เพื่อนที่ไปด้วยกันได้ Wine แดงมาแก้วสุดท้าย โดยรวมก็ประทับใจนะ ไม่รู้สึกอะไรที่ไม่ดีเลย พนักงานก็ขยัน เดินทั้ง flight แจกนั่นนู่นนี่ ทีเด็ดนึงของ สายการบินนี้ คือ Chili sauce เนื่องจาก ข้าวไก่กับหมูที่ผัดมามีรสจืด ทางสายการบินมี พริกเผามาให้เราเติมจ้า รสชาดตีขึ้นมาเยอะถึงขึ้นพยายามจำขวดมาซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน แต่ตอนไปซุปเปอร์ดันมีหลายรสชาติ อือ ก็งงกันไปว่า แล้วอันไหนนะที่เค้าเสิร์ฟให้เราบนเครื่อง เลยสุ่มๆซื้อมาสองรส เนื่องจากเรา บินถึงเที่ยงคืน ก็เลยไม่แน่ใจว่าจะเข้าไปโรงแรมยังไง เห็น Trip.com มี บริการ Airport pickup ราคา 9xx บาท ไปสี่คน แล้วมีกระเป๋าใหญ่ ก็เลือก Medium VAN ถ้าจะเลือกไป Taxi จะสองคันหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เห็นมี Taxi สีเหลืองจอดรอกันเต็ม แต่ไม่รู้เรียกยังไง แต่ไม่เป็นไร จองๆไปละกันจะได้ง่ายๆ ที่ทางออกหลังจากรับกระเป๋า ก็จะมีคนมารับเรา โดยเค้าจะมีป้ายแสดง เลขทะเบียนรถ แสดงไว้ ตอนเราจองกับ Trip เค้าก็จะแจ้ง รายละเอียด รถ คนขับ มาให้อยู่แล้ว สำหรับคนที่มารับเราก่อนเราจะผ่าน ตม เค้าก็ส่ง รูปป้ายเค้ามาให้ดูทาง Chat แล้ว เราก็สบายใจว่า คนมารับมารอแล้ว แล้วอย่างที่บอกว่า พอ chat กันได้ พร้อมแปลภาษา ก็คงจะได้ไปโรงแรมแน่ๆละงานนี้ รถที่มารับก็ใหญ่โต สบายเลย กะเวลาคร่าวๆ ก็ 50 นาที จากสนามบิน ตลอดทางเห็นอากาศขาวโพลนไม่รู้ว่าหมอกหรือฝุ่น แทบจะมองไม่เห็นทาง โรงแรมสุดฮิต ในทุก Review ของ คนไทย - Bindun Langyi Hotel (Chiongqing Jiefangbei Hongyadong) (宾顿朗逸酒店) มาถึง โรงแรมก็ให้ขึ้น ลิฟท์ไปที่ชั้น หก นะครับ มาดึกๆก็จะมีน้องนั่งอยู่ ไม่ต้องห่วงว่า จะไม่มีคนดู แต่ว่า น้องก็พูดภาษาประกิต ไม่ค่อยได้ Google translate ก็ต้องมาช่วย แต่ยังไงก็ลำบากอยู่ดี จองมาสองห้อง แบบเตียงแยก สำหรับห้องน้ำเป็นการแยกโซน อาบน้ำและห้องส้วมออกจากกัน แต่ในห้องมี เก้าอี้ 1 ตัว ไม่ได้มี โซฟา อะไรให้นั่งพักขาเล่นได้ หลังการเดินเที่ยวมาทั้งวัน แต่ไม่มี ตู้เสื้อผ้าให้ ต้องหาที่แขวนเอา สำหรับ ขนาดของห้อง ก็ไม่ใหญ่ไม่เล็ก สะอาด ห้องที่ได้ไม่มีกลิ่นบุหรี่ เตียงหมอนแบบดูดวิญญาณใช้ได้เลย เป็นเตียง 5 ฟุต สองเตียง สำหรับ layout ของ โรงแรมนี้ จะมี ห้องที่อยู่ติดกับโซนห้องอาหารเช้าด้วยบังเอิญเราอยู่โซนอีกโซนที่ไม่ติด ก็ไม่แน่ใจว่า เรื่อง เสียงกับความเป็นส่วนตัวเป็นยังไง ถ้าเราได้ห้องโซนติดห้องอาหาร ราคาของโรงแรมนี้ก็ถือว่าถูกมาก แล้วยังรวมอาหารเช้าด้วย ไม่ต้องมานั่งกังวลเวลาจะออกไปเที่ยวเช้าๆ ปกติ ห้องอาหารเช้าเค้าเปิดตอน 7:00 ครับ ถามว่า ถ้าไปฉงชิ่งอีก จะเลือกไหม ก็ต้องบอกว่า ก็เลือก ด้วยความคุ้มค่าและทำเล สามารถเดินไป Hongyadong ได้ เดินไปตึก 22 ชั้น ในเวลา 5 นาที มีรถไฟใต้ดินอยู่หน้าโรงแรม มี food court อยู่ข้างโรงแรม ก็ถือว่า สะดวกมากๆ ข้อเสียอย่างนึงของโรงแรมนี้คือ กลางคืนบังคับเป็น Heater ซึ่งร้อนมาก 27-28 องศาได้ แต่เราเลือกปิดได้ แล้วเปิดหน้าต่างรับอากาศหนาวเอา แต่ฉงชิ่งเป็นเมืองที่ PM2.5 อยู่ในระดับน่ากลัว และการเปิด หน้าต่าง ก็อาจจะนำพากลิ่นและเสียงต่างๆได้ แล้วแต่ตำแหน่งห้อง เอาจริงๆ เปิด heater ไม่ไหว ร้อนเกิ๊นนนนนนน... ก็ต้องยอมเปิด หน้าต่างแง้มไว้ ลืมบอกว่า ทริปนี้เรานอนที่นี่ 4 คืน ไม่ย้ายครับ เวลาที่เรา check in เค้าจะให้คูปองอาหารมาสองใบต่อห้อง เราก็พยายามคุยกับเค้าอยู่นานว่า อ้าว แล้ว คูปองวันอื่นหละ แต่สรุปว่าคุยไม่รู้เรื่อง แต่จริงๆแล้ว ก็คือ เราผ่าน lobby เมื่อไหร่ก็ไปขอเค้าได้ ของวันพรุ่งนี้ หรือเช้าๆ ก็ขอเค้า แล้วเดินเข้าไป ไม่ได้เข้มงวดอะไร ก็เลยสรุปเดินผ่านก็ขอสำหรับวันต่อไปทิ้งไว้ เอาหละถึงโรงแรกก็นอนสิครับ นัดเพื่อนว่าออกไปกินข้าวตอน แปดโมงพรุ่งนี้นะ ราตรีสวัสดิ์ วันแรก เที่ยวในเมือง เริ่มต้นเอาแบบง่ายๆ สร้างความคุ้นเคย เกริ่นนำสำหรับทริปวันแรก เริ่มต้นด้วย สถานที่ที่เราตั้งใจจะไปในวันแรก เสียดายที่แปะเป็นตารางไม่ได้ แต่อย่างน้อยเอาเป็นรูปไว้อ้างอิงตามด้านล่างครับ อาหารเช้าโรงแรม กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ขอเริ่มด้วยการบรรยาย อาหารเช้า พวกเราอยู่สี่วัน อาหารก็เปลี่ยนไป แต่ก็จะมี ประเภทแป้ง 1 อย่าง สี่วันที่อยู่ก็มีเปลี่ยนไปประมาณนี้ ก๋วยเตี๋ยวผัด ข้าวผัด เผือก (ไม่ได้กินไม่รู้จะปอกยังไง) แล้วก็มี ผัดผัก กับเนื้อซัก สองอย่าง ซุปหนึ่งอย่าง แล้วก็มีไส้กรอก 1 อย่าง เปลี่ยนประเภทไส้กรอกไปเรื่อยๆ แล้วก็ขาดไม่ได้จะมีไข่ต้มใน เมนูทุกวัน เครื่องดื่มมี กาแฟ น้ำเต้าหูให้กดจากตู้อัตโนมัติ อร่อยดี ไม่หวานมาก สรุปมีกาแฟกินทุกเช้า ทริปนี้เลยเข้าร้านกาแฟน้อยหน่อย แล้วก็มีขนมปัง กับพวก ขนมขบเคี้ยว เช่นถั่วชนิดต่างๆ แล้วก็มีของนึ่งที่ประตูตู้นึงไม่เคยปิด กินทีไร ก็ไม่ค่อยจะอุ่น โดยรวมก็ถือว่าใช้ได้ ด้วยราคา ก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว ทำความคุ้นเคย ด้วยการเดินเที่ยวสถานที่รอบโรงแรมช่วงเช้า แถว เจี่ยฟ่างเป่ย เนื่องจากทานข้าวเสร็จ เราก็ออกเลย ก็ต้องหาสถานที่ที่เปิดแน่ๆ มีเส้นทาง ที่จะแนะนำ เป็นวงกลมจาก โรงแรม หรือจะเริ่มจาก อนุสาวรีย์ปลดปล่อยประชาชน (ที่เจี่ยฟ่างเป่ย) ในเส้นทางนี้สามารถเลือกได้ว่าจะเดิน ตามเข็มหรือทวนเข็มนาฬิกา เส้นทางนี้แต่ละที่ใกล้กันมาก ถ้าไม่รีบร้อนก็ค่อยๆเก็บบรรยากาศได้อย่างชิลๆครับ (ถ้าพักที่อื่น เริ่มหาใน ฺฺBaidu โดยค้นหา อนุสาวรีย์ปลดปล่อยประชาชน ( เจี่ยฟ่างเป่ย) ด้วยภาษาจีนคำว่า 人民解放纪念碑 ซึ่งคือหมายเลข 2 ในแผนที่เราเพื่อตั้งต้นได้ครับ หมายเลข 1 คือโรงแรม Bindun Langyi Hotel ออกจากโรงแรมเราเดินไปทางซ้ายเพื่อไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับ หมายเลขที่ 2 อนุสาวรีย์ปลดปล่อยประชาชน ( เจี่ยฟ่างเป่ย) People's Liberation Monument 人民解放纪念碑 จริงออกจากโรงแรมมองไปก็เห็นยอด ก็เดินตามถนนคนเดินไปเรื่อยก็จะเห็น ไปช่วงเช้าไม่มีไฟ แต่คนน้อยก็ถ่ายได้ง่ายหน่อยครับ จากหมายเลขที่ 2 เราจะไปถ่ายรูปกับ หมายเลข 3 ตึกตะเกียบกัน ซึ่งก็คือ Chongqing Art Gallery 重庆美术馆 ผมไม่ได้เข้าไปในตึกแต่ก็ยืนถ่ายรูปจากฝั่งตรงข้ามให้เห็น หลังคาที่มีความเป็นเอกลักษณ์ สวยดี แต่ต้องรอจังหวะไม่มีรถ ที่แยกของตึกตะเกียบจะมี สะพานลอยคนข้าม ซึ่งเราก็สามารถเดินข้ามถนนไปที่ หมายเลข 4 ชั้นบนสุดของ ตลาดหงหยาต้ง Hongyadont 重庆洪崖洞 มาช่วงเช้าไม่มีคนสามารถถ่ายรูปง่ายหน่อย ด้านบนตลาดจะมีลาน ที่เห็นแม่น้ำและสะพานได้ชัดเจน และยังมีรูปปั้นต่างให้เราถ่ายแบบชิลๆ เสร็จแล้ว เราจะเดินย้อนกลับมาทางสะพานลอย และเดินต่อไปยังหมายเลข 5 เป็นเวิ้งข้างทาง ที่มีตึกรูปแมว และมีรูปปั้น รถที่ตกแต่งแบบชิคๆ ให้เราถ่ายรูปก็สวยไปอีกแบบ ไม่แน่ใจว่า มีการเปลี่ยนรูปแบบหรือไม่ แต่ยังไงก็เป็นทางผ่านเพื่อไปยังสถานที่ต่อไปอยู่แล้ว ทางเดินทางนี้ จะมีร้านอาหารแบบนั่งกินพอสมควร ลองเข้าไปลิ้มลองได้ ส่วนผมอิ่มอาหารเช้ามาแล้ว เลยขอข้ามไป เดินมาอีกนิดจะถึง หมายเลข 6 ซึ่งจะเป็นลานกว้าง ที่เหมือนอยู่ระดับเดียวกับพื้น แต่พอไปมองตรงส่วนปลาย ที่เรายืนจะอยู่บนยอดตึก 22 ชั้น Kuixing Tower 魁星楼 มองลงไป ก็ทำเอาขาสั่นทีเดียว ที่นี่จะมีสะพานให้เดินข้ามไปถ่ายตรงกลางได้ เป็นอีกหนึ่งที่ ที่นักท่องเที่ยวที่มาฉงชิ่งนิยมมาถ่ายรูปกัน เสร็จแล้ว เดินข้ามถนน กลับมาโรงแรม เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ที่ฉงชิ่ง ห้องน้ำส่วนใหญ่ยังไม่สะอาดมากและเป็นแบบนั่งยอง เข้าในห้องโรงแรมอาจจะสะดวกกว่า ก่อนเก็บแรงออกไปลุยต่อ ถ้าจะหาอาหารเที่ยง ข้างโรงแรมมี food court ที่สามารถเข้าไปหาอาหารง่ายๆกินได้ เริ่มครึ่งบ่ายของวันแรก ไปสถานที่สำคัญ นั่งชิวร้านชาริมหน้าผา จริงๆที่หน้าโรงแรมมี ทางลงรถใต้ดินหมายเลขสองแต่ว่า เนื่องจากครั้งนี้ เราไปสี่คน ใช้ DIDI สะดวกกว่าและราคาไม่ต่างกันมาก ไม่ต้องเดินให้เมื่อย หรือว่า ต้องคอย scan กระเป๋าบ่อยๆ เลยขอไปแบบ DIDI แต่ถ้าใครอยากไปด้วยรถไฟฟ้า ก็อย่าลืม load app metro man มา จะพยายามลงสถานีไว้ให้ แต่ก็เป็นข้อมูลที่หามาก่อนไป ไม่ได้เดินทางเอง ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ก่อน มหาศาลาประชาคมฉงชิ่ง ที่นั่งพักชั้นดี ตาม plan บ่ายวันนี้ เราก็จะพยายามเก็บสถานที่เที่ยวของ รถไฟสายสอง ดังนั้น เราเริ่มจากเรียก DIDI จาก โรงแรมไปที่ มหาศาลาประชาคมฉงชิ่ง 重庆市人民广场 จากข้อมูลที่หามาถ้าใครจะไปด้วยรถไฟฟ้า ก็ไปด้วย LINE 2: ลง Zeng jia yan 曾家岩 Exit 3 เดิน 240 ม. ที่ศาลามหาประชาคม มีการเก็บค่าผ่านประตูคนละ 8 หยวน ภายในมีห้องน้ำ เมื่อเข้ามาข้างใน จะมีบันไดให้เดินเข้าไปในห้องประชุมรูปทรงกลมที่มีเก้าอี้สีแดงเต็มไปหมด แล้วตามผนัง ก็มีรูป กิจกรรมการประชุมใหญ่ หรือต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองในอดีต จะเสียเงินเข้ามาหรือไม่เข้ามาก็ได้ แต่อย่างเรามาถึงทั้งที ก็พยายามเก็บให้ครบ ถือว่ามีที่ให้นั่งพัก แล้วก็ออกมาจะมีลานกว้างให้สามารถยืนถ่ายรูปกับตึกของศาลามหาประชาคม ได้สวยงาม หลังจากกลับจาก Trip เห็น หลายท่าน รีวิวว่า พิพิธภัณฑ์สามผาเมืองฉงชิ่ง(Three Gorges Museum of China in Chongqing 重庆中国三峡博物馆) ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดีมาก แต่เสียดายว่าตอนพวกเราไปไม่ได้อยู่ในแผนที่จะเข้าไป เพื่อนๆสามารถลองเข้าไปเยี่ยมชมได้ เมื่อเที่ยวเรียบร้อยครับ คราวนี้เราก็จะใช้ subway line 2 สีเขียวเดินทางต่อไปยังสถานที่ต่อไป โดยเดินตามภาพ หมายเลข 1 ในภาพ คือ ศาลาประชาคม ก็เดินออกมาแล้วเลี้ยวขวาจะเจอประตูทางออก ตรงข้ามประตูทางออกจะเจอ CRT (รถใต้ดินทางออก 3) เราก็เตรียมนั่งรถไปทะลุตึกกัน รถไฟทะลุตึก สถานีหลีจื่อป้า 李子坝 อีกหนึ่งจุด check in อะนะ นั่ง รถใต้ดินมาทะลุตึกที่ สถานีหลีจื่อป้า 李子坝 แต่ภาษาอังกฤษเขียนว่า Liziba อ่านว่า ลิซิบ้า ก็ว่าทำไมชื่อไม่จีนเลย ระหว่างทางที่เรานั่งรถไฟมา ก็จะเห็นว่า รถไฟวิ่งบนราง ที่อยู่เรียบหน้าผา เห็นแม่น้ำสวยงาม ดูเพลินๆ เราก็จะมาลงที่สถานีที่อยู่ในตึกเลย หลังจากลงรถไฟ เราจะต้องลงจากตึกเพื่อมาฝั่งตรงข้ามของสถานี เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ปกติรถไฟมาทุก 5-10 นาทีก็ต้องรอจังหวะให้รถไฟมาจะได้ถ่ายรูปรถไฟทะลุตึก อีกหนึ่งที่ check in ที่บอกว่า เรามาถึงฉงชิ่ง จริงๆหลังจากนี้พวกเรานั่งรถไฟสายสองไปดูร้านหนังสือที่ Zodi plaza แต่ปรากฏว่า ร้านปิดไปแล้ว ไปเดินในห้างร้างตั้งนาน หาไม่เจอ อันนี้ ไม่ต้องมาพลาดเหมือนพวกเราครับ ถนนสตรีทอาร์ต ที่ทำไมหาภาพสวยที่เหมือนใน review อื่นไม่เจอ ที่ต่อไปที่เราจะไปคือ Huaujueping Grafiti Street 四川美术学院 ถนนแห่งสตรีทอาร์ตที่ใหญ่ที่สุดในจีน ย่านมหาวิทยาลัย Sichuan Fine Arts Institute แต่เนื่องจาก สถานที่นี้เป็นชื่อของพื้นที่ ไม่ได้มีที่เฉพาะเจาะจง ก็ไม่แน่ใจว่า เราไปผิดจุด หรือเดินไม่ทั่วไหม แต่เดินจนขาลากแล้ว ก็เห็นไม่กี่ภาพ เนื่องจาก ถนนนี้จะห่างออกไป เราจึงเลือกไปด้วย DIDI เห็นมีตึกที่มีการ paint สีสดใส เป็นแนวยาว มีตึกบางตึกมีรูป paint อยู่บ้าง แต่ก็ไม่เยอะเท่าที่เห็นคนอื่นถ่ายรูปมา การไปที่นี่ ถ้าจะไปด้วย รถไฟ ก็ลง Line 18: Sichuan Fine Arts Institute แล้วก็ลองเดินหากันดูว่าเจอมากกว่าพวกผมไหมครับ นั่งจิบชา ชมวิว เค้าลมหนาว จากร้านบนผา เป็นอีกประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายในเมืองไทย จริงๆ เสร็จจาก street art ก็แค่ บ่ายสามโมงกว่าเอง พอดีอ่าน review ว่ามีร้านน้ำชาบนเชิงเขาคนเยอะถ้าไปเย็นไป เลยลองไปร้านเลย (แต่เอาจริงๆ วันธรรมดา นั่งถึง หกโมงก็ยังมีโต๊ะว่าง) เนื่องจากอยู่บน เขาแนะนำว่าไป DIDI จะดีกว่า แต่ DIDI จะชอบส่งก่อนถึงร้าน ทำใจที่ต้องเดินขึ้นทางเขาไปอีกนิด และแน่นอน เราเลือกร้านแรกที่เจอ เพราะเดินไม่ไหว ชันเหลือเกิน ถ้าจะใช้ DIDI ก็ปักหมุดมาที่ 落日 野茶集 ก่อน แล้วค่อยเลือกร้านแถวนี้ก็ได้ ปลายทางที่เราปักควรจะประมาณบนผา ริมแม่น้ำนะ เผื่อจะไปผิด แล้วก็มีหลายร้านให้เลือก นั่งกันยาวถึงหกโมง นึกว่าเค้าจะเปิดไฟที่สะพาน แต่ก็ไม่เห็นเปิด เลยกลับละ เห็น บางตึกเปิดไฟบ้างแต่ไม่เยอะ หน้าผมนี้จะอยู่คนละฝั่งกับ หงหยางด้งนะครับ ร้านที่พวกเราไปนั่ง จะมีชุดน้ำชากับพวกของทานเล่นมาเสิร์ฟ อาจจะต้องหาอาหารเย็นเสริมถ้ายังไม่อิ่ม ชุดน้ำชามีให้เลือกแบบเดี่ยว หรือเป็นชุด 3-4 คน ของพวกเราสั่งแบบ 4 คน มีน้ำชามา 4 กา และมีของทานเล่น ราคารวม 338 หยวน นั่งไม่จำกัดเวลา จากร้านน้ำชาเรานั่ง DIDI กลับไปที่ โรงแรม การเรียก DIDI เราอาจจะต้องลงจากร้านมานิดนึง จนเริ่มเห็นว่ารถ ใน DIDI ขึ้นมาบริเวณนั้น เราก็เริ่มเรียกได้ ถ้าจะเดินลงไปนี่ก็ไม่แน่ใจมีทางเดินแยกจากทางรถหรือไม่ ถนนอาหาร Chongqing Haochi Street 重庆好吃街 เอาจริงๆพวกเรากว่าจะหาเจอก็วันที่สาม เนื่องจากวันแรกหาไม่เจอ ดังนั้น เราจะมาลงแผนที่ไว้ให้ มีร้านอาหารมากมายในย่านนี้ เรามาเริ่มจาก โรงแรมและ วงเวียน เหมือนเคย จากรูป 1 คือโรงแรม แล้ว 2 คือ วงเวียน และ 3 คือ โซนร้านอาหาร และ Food court ที่เราสามารถฝากท้องอาหารเย็นไว้ได้ ก็เดินรอบๆ หาร้านถูกใจ ลองซื้อหรือเข้าไปนั่งทานกันได้ คนเยอะมาก มาหน้าหนาว หาเบียร์เย็น ทานกับอาหารร้อน ก็ได้อีกบรรยากาศ อิจฉาอากาศเย็น สามารถนั่งชิลๆ สบายๆ ข้างนอกบ้านได้ อิ่มท้องจบวันแรก เข้าโรงแรมพักผ่อน พรุ่งนี้ตะลุย อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้ากัน โดยจะเอาข้อมูลมาแชร์เพื่อนๆในบทความต่อไป ที่มาของรูปภาพ รูปแผนที่ในประเทศจีน จาก map.baidu.com นำมาตกแต่งเพิ่มลูกศร และ หมายเลขสถานที่ โดยเจ้าของบทความ รูปภาพการจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรม จาก Application ของ trip.com (การจองจริงของเจ้าของบทความ) รูปภาพปกและสถานที่ เจ้าของบทความเป็นผู้ถ่ายและตกแต่งเอง อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !