เที่ยวเมืองตะโกลา ชมวิถีเก่าชาวตะกั่วป่า>>>เอ่ยชื่อ “ตะโกลา” หลายคนคงสงสัยเพราะไม่คุ้นชื่อ แต่ถ้าเป็น ตะกั่วป่า จ.พังงา ก็คงจะร้อง อ๋อ!!!! กันอยู่บ้าง ชื่อเมืองตะโกลานั้นเป็นชื่อเดิมของเมืองตะกั่วป่าที่สืบมาจาก “ตกโกล” ในภาษาบาลี ที่แปลว่า กระวาน ซึ่งสัญนิษฐานว่า ในสมัยก่อนพื้นที่บริเวณนี้อุดมไปด้วยเครื่องเทศมากมาย นอกจากนี้ยังมีหลักฐานการเรียกชื่อ ตะโกลา ว่ามาจาก โกลา ที่แปลว่า เมืองท่า ส่วนคำว่า ตะ มากจาก ต๊ะ ที่เป็นคำสร้อยของคนใต้ เช่น ไปต๊ะ มาต๊ะ แล้วมีการเรียกต่อกันมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นตะกั่วป่าในที่สุด ตะกั่วป่าเป็นเมืองน่ารักๆที่แสนจะเรียบง่าย เต็มไปด้วยรอยยิ้มจากผู้คน ที่ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็จะยิ้มทักทาย บ้างก็ชวนคุยเล่าเรื่องราวเมืองตะกั่วป่าครั้งอดีต ทำให้เมืองตะกั่วป่าดูมีชีวิตชีวาน่าอยู่มากกว่าเดิม มาตะกั่วป่าต้องตื่นแต่เช้า เพื่อมาหาของอร่อยกินกันที่ตลาดเทศบาลเมืองตะกั่วป่า มีปาท่องโก๋ ไก่ทอด ขนมจีน และขนมพื้นบ้านอย่างขนมเบื้องโบราณที่หากินได้ยากในปัจจุบัน หรือใครชอบกินติ่มซำก็มีร้านจิ้นเก้ง ร้านเก่าแก่ของเมืองตะกั่วป่า ที่ขายกันมายาวนาน นั่งกินข้าว กินขนม กันให้ท้องอิ่มก่อนจะออกเดินทางเที่ยวเมืองตะกั่วป่ากันต่อไป เริ่มที่แรกกันที่ โรงเรียนเต้าหมิง โรงเรียนสอนภาษาจีนที่สร้างตั้งแต่ปี 2465 โดยคหบดีและเจ้าของเหมืองชาวจีน เพื่อให้ลูกหลานชาวจีนได้เรียนภาษาจีนตามบรรพบุรุษ อาคารสร้างในรูปแบบชิโน-โปรตุกีส ดูเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ปัจจุบันโรงเรียนเต้าหมิงไม่ได้เปิดการเรียนการสอนแล้ว มีเพียงการจัดกิจกรรมค่าจริยธรรมให้กับเยาวชนบ้างเป็นครั้งคราว จากนั้นมาไหว้พระกันที่วัดเสนานุชรังสรรค์ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่สร้างโดย เจ้าพระยาเสนานุชิต (นุช ณ นคร) เจ้าเมืองตะกั่วป่า โดยโบสถ์นั้นมีรูปแบบการสร้างคล้ายคลึงกับวัดมหรรณพาราม ในกรุงเทพฯ ภายในมีพระประธานสมัยรัตนโกสินทร์ ธรรมมาสน์พระราชทานสมัยรัชกาลที่ 5 และตู้พระไตรปิฎกลายรดน้ำที่เป็นของเก่าแก่ที่คนตะกั่วป่าเก็บรักษาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชม เราลัดเลาะกันมาเรื่อยๆ ตามคำบอกเล่าของชาวบ้านว่าที่นี่มีเหมืองเก่า ชื่อบริษัทเรือขุดแร่บุญสูง จำกัด ที่ยังคงมีโกดังเก็บของ และโรงแยกแร่ให้เราได้ชม และตามหาเรื่องราวความเจริญรุ่งเรืองทางสินแร่ของเมืองตะกั่วป่าในอดีต ไม่ไกลจากเหมืองมากนักมีสะพานเหล็กทอดยาวราว 200 เมตร ให้เป็นที่สัญจรของคนงานสมัยยุคทำเหมืองจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเหมืองจะเลิกกิจการไปแล้วสะพานนี้ก็ยังมีชาวบ้านใช้ในการสัญจรอยู่ ปิดทริปด้วยการเดินเล่นชมตึกเก่าชิโน-โปรตุกีสกันที่บริเวณถนนศรีตะกั่วป่า ที่ความเก่าแก่บวกกับความงามแล้วลงตัวจริงๆ ถนนเส้นนี้ยังมีงานศิลปะที่เรียกว่าสตรีทอาร์ต (Street Art)โดยผีมือชาวตะกั่วป่า อยู่ตามผนังกำแพงตลอดถนน ประมาณ 13 จุด และยังจะทำเพิ่มขึ้นอีกไปเรื่อยๆ คนชอบเซลฟี่รับรองว่าได้สนุกสนานกับสตรีทอาร์ทตลอดทาง นอกจากบ้านเก่าและสตรีทอาร์ตสุดชิคแล้วที่นี่เป็นที่ตั้งของชมรมบาบ๋าฝั่งทะเลอันดามันที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับชาวบาบ๋าหรือชาวเปอรานากัน กลุ่มชนลูกครึ่งมลายู-จีนที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันไม่ว่าจะเป็น สิงคโป มาเลเซีย ไทย ที่มีเอกลักษณ์ทางการแต่งกาย อาหาร ที่มีจุดเด่นน่ารักน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสถาปัตยกรรมอันงดงาม ความเรียบง่ายของเมือง และความเป็นมิตรเป็นกันเองของคนตะกั่วป่า ทำให้ที่นี่มีความน่ารักน่าเที่ยว และเป็นเสน่ห์ที่เรียบง่ายแต่น่าหลงไหลไม่แพ้ที่ใดเลยจริงๆ ขอขอบคุณ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร. 0-7648-1900-2